Advertisement

เมื่อปีที่แล้วเราน่าจะยังจำกันได้ว่าในตอนที่ Apple เปิดตัว iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X นั้น ค่ายผลไม้ยักษ์ประสบปัญหาการผลิตหน้าจอ OLED ทำให้ iPhone X จำเป็นต้องเลื่อนวันจำหน่ายออกไปเป็นในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2560 เลยทีเดียว โดยปล่อยให้ iPhone 8  และ iPhone 8 Plus ออกขายกันตามกำหนดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน แต่มาในปีนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะพลิกผัน โดย Apple เลือกที่จะปล่อย iPhone หน้าจอ OLED ทั้งสองรุ่นออกมาจำหน่ายก่อนในวันที่ 21 กันยายน 2561 คือ iPhone XS และ iPhone XS Max และทิ้งช่วงไปอีกเดือนกว่าๆ ถึงจะยอมเปิดจำหน่าย iPhone XR  ที่เป็น iPhone หน้าจอ LCD ในวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ต่อไป

หลายๆ คนอาจเข้าใจว่าจากรายงานที่เคยมีเผยออกมาในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาว่า Apple นั้นประสบปัญหาแสงรอดออกจากขอบจอ iPhone รุ่น 6.1 นิ้ว หรือรุ่นหน้าจอ LCD ของ iPhone XR นั้นน่าจะเป็นสาเหตุลหลักที่ทำให้การจำหน่าย iPhone XR ต้องล้าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม วงในคนสำคัญที่คลุกอยู่กับแผนการผลิตของ Apple จริงๆ ซึ่งเป็นแหล่งข่าวของ Wall Street Journal (WSJ) นั้นกลับไม่คิดเช่นนั้น และบอกว่าจริงๆ แล้วเหตุผลนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ก็เพียงแค่ความจริงที่ว่าหากปล่อย iPhone XR ออกมาจำหน่ายในเวลานี้ มันก็จะกินโต๊ะส่วนแบ่งอีกสองรุ่นใหญ่อย่าง iPhone XS และ iPhone XS Max แบบแทบจะเรียบนั่นเอง

Advertisement

all-3-iphones-2018

เหตุผลนั้นก็ชัดเจน เป็นเพราะ Apple เลือกที่จะใส่สเป็กทั้งหมดจัดเต็มใน iPhone XR ซึ่งมีราคาเปิดตัวต่ำสุดที่ $749 มาเหมือนรุ่นใหญ่ทั้งสองตัวอย่าง iPhone XS ที่เปิดรุ่นต่ำสุดมาที่ $999 และ iPhone XS Max ซึ่งเปิดที่ $1,099 นั่นเอง และหากเอาราคาของ iPhone XR และ iPhone XS มาเทียบกันแล้วก็ต่างกันเป็นเงินไทยถึงร่วมหมื่นบาทเลยทีเดียว โดยสิ่งเดียวที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะนั้นก็คือหน้าจอที่รุ่นใหญ่ทั้งสองรุ่นเป็นหน้าจอแบบ Super Retina AMOLED (OLED) ส่วน iPhone XR นั้นเป็นแบบ Liquid Retina (LCD) และกล้องหลังที่ XR มีกล้องตัวเดียว แต่ก็ยังได้ฟีเจอร์กล้องจัดเต็มซึ่งรวมไปถึงฟีเจอร์โบเก้หน้าชัดหลังเบลอเหมือนรุ่นพี่ทั้งสองรุ่น

และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ Apple เล็งเห็นอย่างขัดเจนนี้ ทางออกจึงต้องมาตกที่การเลื่อนวันขายของ iPhone XR ออกจากจากอีกสองรุ่นถึงประมาณ 5 สัปดาห์ เพื่อให้แฟนพันธุ์แท้ที่พร้อมจะจ่ายได้โดยไม่ข้ดเรื่องราคานั้นไม่ต้องมารังเรกับตัวเลือกราคาถูก และหา iPhone XS และ iPhone XS Max มาจับจองเป็นเจ้าของกันไปก่อน และเมื่อถึงเวลาต่อจากนี้ไปอีก 5 สัปดาห์ ในตอนนั้นก็จะเหลือกลุ่มแฟนที่ยังรังเรจริง และกลุ่มไม่แฟนที่รอคอยการมาของ iPhone XR ให้ได้จับจ่ายซื้อหามากันต่อไป

ทั้งนี้จากข้อมูลของ Susquehanna International Group นั้นมีการวิเคราะห์ไว้ว่า Apple จะได้กำไรจากการขายเจ้า iPhone รุ่นหน้าจอ OLED ทั้งสองตัวมากที่สุด โดย iPhone XS นั้นมีต้นทุนจากการวิเคราะห์ที่ $355 ในขณะที่ iPhone XS Max นั้นมีต้นทุนอยู่ที่ $371 ส่วนเจ้า iPhone XR นั้นจะมีต้นทุนอยู่ที่ $331 ซึ่งหากนั่นหมายความว่าส่วนต่างต้นทุนกับราคาขายของ iPhone XR นั้นอยู่ที่เพียง $418 ในขณะที่เจ้า iPhone XS และ iPhone XS Max นั้นอยู่ที่ $644 และ $728 ตามลำดับเลยทีเดียว

iphone-xs-and-max-first-handone

แชร์
Avatar photo

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Exit mobile version