วันเสาร์, พฤษภาคม 4
Advertisement

Homekit คือเฟรมเวิร์คบ้านอัจฉริยะของ Apple ที่จะทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายในบ้านเราสามารถควบคุมและสั่งงานได้ผ่านทาวงแอพพลิเคชั่น “บ้าน” หรือ Home ที่มีอยู่บน iPhone, iPad และ Mac ทุกเครื่อง รวมไปจนถึงการสั่งงานผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ด้วย ซึ่ง APPDISQUS เองเคยทำบทความอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างละเอียดแล้ว โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่

แต่หากใครที่ไม่อยากอ่าน APPDISQUS เองก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ในรายการ Smart Home Guide แบบละเอียดสุดๆ และสามารถทำความเข้าใจตามไปได้ง่ายๆ โดยเพื่อนๆ ที่สนใจ สามารถกดรับชมได้จากวิดีโอข้างล่างนี้เลยครับ

Advertisement

Smart Home Guide EP1: เริ่มต้นกับ Homekit และระบบ Smart Home ของ Apple

แต่ถ้าใครเคยติดตาม Smart Home Guide จะทราบว่าการจะเปลี่ยนอุปกรณ์อัตฉริยะในบ้านให้รองรับระบบ Homekit โดยการเลือกซื้ออุปกรณ์ที่รองรับ Homekit อย่างเป็นทางการนั้นเป็นอะไรที่มีค่าใช้จ่ายหนักมากจริงๆ แถมอุปกรณ์ที่รองรับ Homekit อย่างเป็นทางการในบ้านเรายังมีราคาสูงมาอีกด้วย เพราะเหตุนี้ทาง APPDISQUS จึงได้แนะนำวิธีการลดต้นทุนการเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะโดยการเปลี่ยนอุปกรณ์อัจฉริยะจากแบรนด์ที่ราคาไม่สูงทั้งหลายให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่รองรับ Homekit ด้วยการใช้ Homebridge เอาไว้ โดยได้แนะนำวิธีการติดตั้ง Homebridge Server บน Raspberry Pi และการใช้งาน Homebridge เอาไว้แบบละเอียดสุดๆ จนแทบจะเรียกว่าจับมือทำได้เลย ซึ่งหากเพื่อนๆ สนใจอ่านวิธีการก็สามารถศึกษาได้จากบทความนี้

แน่นอนว่าใครที่ไม่ค่อยชอบการอ่าน แต่อยากได้วิดีโอจับมือสอนทำกันเลยนั้นก็สามารถเปิดดูและติดตามได้จากวิดีโอที่ลิงก์ไว้ให้ในบทความข้างต้นได้เลยครับ รับรองว่าละเอียดและทำตามได้ง่ายดายแบบสุดๆ แต่ถ้าใครยังรู้สึกว่าการติดตั้ง Homebridge Server บนอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองตามบทความข้างต้นนั้นยังเป็นเรื่องยุ่งยาก โดยเฉพาะกับยุคนี้ที่บอร์ด Raspberry Pi หาได้ยากและมีราคาสูงแบบสุดๆ วันนี้ AppDisqus เองมีวิธีการใช้งาน Homebridge โดยใชเจ้า iPhone / iPad เก่าๆ ของเราเป็น Server มาฝากกัน โดยวิธีนี้ต้องเรียกว่าง่ายๆ สุดๆ แล้วเพราะแทบไม่จำเป็นต้องตั้งค่าอะไรเลย เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นบน App Store มาใช้งาน เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็จะมี Homebridge Server (แบบความสามารถจำกัด) ไว้ใช้เป็นตัวเชื่อมอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Homekit ให้สามารถใช้งานกับแอพ Home ของ Apple ได้แล้ว

สิ่งที่มีและข้อควรรู้ก่อนใช้งาน iPhone/iPad เป็น Homebridge Server

  1. ต้องมี iPhone / iPad ที่ใช้งาน iOS13 ขึ้นไป เปิดหน้าจอและแอพพลิเคชั่น Hub for Homekit ทิ้งไว้ตลอดเวลา และอุปกรณ์ตัวนี้ต้องเชื่อมต่อ WiFi Network เดียวกับ Home Hub ของเราเสมอเพื่อการใช้งาน ห้ามย้ายออกไปนอกบ้านหรือเปลี่ยนวง WiFi ทำให้อุปกรณ์ iPhone/iPad ที่นำมาใช้งานนั้นต้องเป็นอุปกรณ์เก่าเหลือใช้จริงๆ ไม่สามารถเอาเครื่องที่ใช้งานในชีวิตประจำวันมาทำได้
  2. เซอร์วิสที่รองรับนั้นยังมีไม่ครอบคลุมเหมือน Homebridge ที่ติดตั้งเองบนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Raspberry Pi ซึ่งทางผู้พัฒนาแอพสามารถเพิ่ม/ลดเซอร์วิสเหล่านี้ได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่สะดวกและควบคุมเองไม่ได้เหมือนการตั้ง Homebridge Server เอง โดยเซอร์วิสที่รองรับในปัจจุบันนั้นก็เช่น Nest, Wemo, Samsung TV, Neato, Meross, Bond, Yeelight, eWeLink และ Yale Sync Alarm เป็นต้น

วิธีการใช้งาน Hub For Homekit เพื่อทำ iPhone/iPad ให้กลายเป็น Homebridge Server

  • ดาวน์โหลด Application ที่ชื่อ Hub for Homekit จาก App Store ลงบน iPhone/iPad ที่ต้องการให้ทำหน้าที่เป็น Homebridge Server โดยต้องใช้งาน iOS13 ขึ้นไปเท่านั้น
hub-for-homekit-app
แอพพลิเคชั่น Hub For Homekit บน AppStore สำหรับการทำ iPhone/iPad ให้เป็น Homebridge Server
  • หลังจากติดตั้งแล้ว ให้เปิด Application ดังกล่าวขึ้นมา จากนั้นเลือกเมนู Integrations แล้วทำการผูกบัญชีต่างๆ ที่ต้องการเข้ากับแอพ และเลือก Enable This Integration ให้สังเกตว่าเมื่อย้อนกลับมาที่หน้าเมนู Integration สถานะของบริการที่เราเลือกจะขึ้นเป็น On ตามภาพตัวอย่าง
  • จากนั้นให้กลับมาที่หน้า Hub ตัวแอพพลิเคชั่นจะแจ้งให้เราทำการรีสตาร์ทตัว Application โดยวิธีการก็ให้ปิดแอพนี้ไปเลยด้วยการเคลียร์แอพ Hub ออกจากแท็ปหน้าจอ หากไม่ทราบว่าทำอย่างไร ลองอ่าน วิธีการควบคุม iPhone แบบละเอียด ที่ทาง AppDisqus เคยเขียนไว้แนะนำตอนสมัย iPhone X ออกจำหน่ายใหม่ๆ ได้เลย
  • เปิดแอพพลิเคชั่น Hub for Homekit ขึ้นมาอีกครั้ง ในหน้า Hub จะมี QR Code ของฮับตัวนี้แสดงอยู่ ให้เปิดแอพ Home หรือ บ้าน อุปกรณ์ iOS อีกตัวที่ใช้งานประจำ (เช่น iPhone/iPad เครื่องหลัก) แล้วทำการเพิ่ม Hub ตัวนี้เข้าบ้านของเราตามวิธีปกติโดยการสแกน QR Code ที่ปรากฏ (กดตกลง/ยืนยัน ในทุกคำถาม)
hub-for-homekit-qr-code
QR Code สำหรับสแกนเข้าไปในแอพพลิเคชั่นบ้าน หรือ Home
  • อุปกรณ์ในบริการที่เราได้ตั้งค่าไว้ในแอพพลิเคชั่น Hub for Homekit จะปรากฏใรแอพบ้านของเราโดยอัตโนมัติ และหากเราต้องการเพิ่มอุปกรณ์ ก็เพียงทำตามขั้นตอนด้านบนนี้อีกครั้ง แต่ไม่จำเป็นต้องสแกน QR Code ใหม่แล้ว อุปกรณ์จากบริการใหม่ๆ ที่เราเพิ่มก็จะปรากฏขึ้นในแอพบ้าน หรือ Home ของเราอัตโนมัติทันทีที่เราปิดโปรแกรม Hub for Homekit แล้วเปิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ข้อควรระวังตัวเท่าบ้าน

  1. ย้ำอีกครั้งว่า iPhone/iPad ที่เรานำมาติดตั้ง Hub for Homekit นั้นจะต้องเปิดเครื่อง เปิดหน้าจอ และเปิดแอพพลิเคชั่นนี้ไว้ตลอดเวลา รวมถึงต้องเชื่อมต่อกับ WiFi Network เดียวกันกับอุปกรณ์ Home Hub อย่าง Apple TV, Homepod หรือ iPad ของเราเท่านั้นนะครับ มิฉะนั้นจะใช้งานไม่ได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขทั่วไปของ Homekit เอง
  2. ย้ำอีกรอบว่าเราเพิ่มบริการใหม่ๆ เองไม่ได้ หากต้องการความยืดหยุ่น คำตอบที่ดีที่สุดคือการติดตั้ง Homebridge Server เองบนอุปกรณ์อื่น เช่น Rapsberry Pi ครับ แต่เท่าที่ดูผู้พัฒนาเองก็ทำการอัพเดตบริการและเวอร์ชั่นของ Homebridge อยู่เสมอครับ

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ iPhone / iPad มาเป็น Homebridge Server

ข้อดี ข้อเสีย
1. ง่ายมาก แค่ลงแอพก็พร้อมใช้งานเลย 1. ต้องมี iPhone/iPad หนึ่งตัวที่ใช้ iOS13 ขึ้นไป 
2. แอพพลิเคชั่นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 2. ไม่มีความยืดหยุ่น เพิ่มบริการที่รองรับเองไม่ได้
3. ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน 3. ไม่สามารถอัพเดตเวอร์ชั่นของ Homebridge ได้ด้วยตัวเอง 
  4. แอพพลิเคชั่นมีปิดตัวเองบ้างบางครั้ง อาจทำให้ใช้งานสะดุด

 

แชร์
Avatar photo

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Exit mobile version