Advertisement

“ฆ่าผมเถอะ”…

“ผมต้องกลับบ้าน”…

Advertisement

เสียงของชายคนหนึ่งที่ยืนเกาะผ้าม่านบนเครื่องบินไว้ไม่ยอมไปไหนในสภาพเลือดกลบปากหลังจากถูกฉุดกระชากลากไถลงจากเครื่องบินด้วยความรุนแรงเพียงเพราะไม่ยอมสละไฟลต์ที่สายการบิน United Airlines ปล่อยจองเกินเนื่องจากตนต้องการที่จะกลับบ้านตามตารางเดิมเพราะมีนัดหมายกับคนไข้ ดังที่เห็นในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมาโดยผู้ใช้งาน Twitter รายหนึ่ง ซึ่งสามีของเธอคือหนึ่งในผู้ที่โดยสารไปกับสายการบินลำนั้นในวันและเวลาดังกล่าว วิดีโอล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมาผ่านสื่อออนไลน์เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกกระทำ

ก่อนหน้านี้ Audra Bridges หนึ่งในผู้โดยสารสายการบิน United Airlines บนเที่ยวบินที่มีปัญหา ได้โพสคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งลงใน Facebook ของตนจนกลายเป็นกระแสไวรอลโด่งดังไปทั่วทั้งโลกในขณะนี้ โดยหลังจากนั้น Audra Bridges ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าทาง United Airlines ได้ยื่นข้อเสนอมอบเงิน $400 เหรียญพร้อมกับโรงแรมฟรีให้กับผู้โดยสารที่ยินยอมจะสละไฟลต์นี้และเลื่อนตารางเวลาบินออกไปเป็นวันรุ่งขึ้นในเวลาบ่ายสามโมงแทนก่อนจะปล่อยให้ผู้โดยสารบอร์ดดิ้งขึ้นเครื่องไป แต่ทั้งนี้ไม่มีใครที่กำลังรอขึ้นเครื่องบินลำนั้นอยู่ยินยอมจะรับข้อเสนอดังกล่าวจากทาง United Airlines ทางสายการบินจึงเพิ่มข้อเสนอให้เป็นเงินจำนวน $800 เหรียญแทน พร้อมกับประกาศภายในเครื่องบินว่าหากไม่สามารถหาผู้ยอมสละไฟลต์ 4 คนได้ เครื่องบินลำนี้ก็จะไม่ออกเดินทางไปไหนเป็นอันขาด

แน่นอนว่าแม้จะประกาศไว้เช่นนั้น ก็ยังไม่มีผู้โดยสารคนใดที่ยินยอมจะรับข้อเสนอของสายการบิน ผู้จัดการสายการบินที่อยู่ที่นั่นจึงเข้ามาบนเครื่องบินเพื่อหงายไพ่ใช้คอมพิวเตอร์สุ่มเลือกผู้โดยสารผู้โชคดี (?) 4 ท่านเพื่อให้สละที่นั่งและเลื่อนไฟลต์บินเพื่อแก้ปัญหาการปล่อยจองล้นของสายการบิน ก่อนจะพยายามฉุดกระชากลากถูหนึ่งในผู้โดยสารที่โดนสุ่มเลือกลงไปเหตุเพราะผู้โดยสารคนดังกล่างขัดขืนที่จะยอมลงจากเครื่องหลังจากถูกสุ่มเลือก

ชายที่เห็นในวิดีโอที่ถูกทำร้ายอ้างว่าตนเป็นคุณหมอที่มีนัดกับคนไข้ที่โรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น โดย Bridges ยังเผยอีกว่าหลังจากที่ชายคนดังกล่าวปฏิเสธที่จะสละที่นั่งของตนแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามา “ผลักเขาลงไปกระแทกที่พักแขนก่อนที่จะลากชายคนดังกล่าวออกไปจากเครื่องบิน”

Bridges ยังกล่าวต่อว่า ชายคนดังกล่าวที่อยู่ในสภาพย่ำแย่กลับขึ้นมาบนเครื่องบินอีกครั้ง พร้อมกับเลือดที่โชกไปทั้งหน้า ในขณะเดียวกันนั้นเองเหล่าลูกเรือก็บอกให้ผู้โดยสารกลับไปรอที่เกตอีกครั้งเพื่อให้ทางลูกเรือได้ “จัดการความเรียบร้อย” บนเครื่องบินก่อน

“ทุกๆ คนบนนั้นต่างก็ตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น” Bridges ให้การกับหนังสือพิมพ์ “บนเครื่องยังมีเด็กๆ จำนวนหนึ่งโดยสารไปด้วยและรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

เครื่องบินลำดังกล่าวได้ออกบินไปยังจุดหมายปลายทางสองชั่วโมงหลังจากกำหนดการที่ระบุไว้

“เที่ยวบินที่ 3411 ซึ่งเดินทางจากชิคาโก้ไปยังหลุยส์วิลล์ถูกจองเกินจำนวนที่นั่ง” โฆษกของ United Airlines อธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวกับทาง Gizmodo “หลังจากที่ทีมงานของเราขออาสาสมัครและไม่มีใครบนเครื่องบินอาสาที่จะสละที่นั่งลงจากเครื่องไป เราจึงได้มีการขอเชิญตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาที่ประตูเกต เราขออภัยต่อเหตุการณ์การจองเกินจำนวนที่นั่งที่เกิดขึ้นนี้ รายละเอียดเรื่องการนำตัวผู้โดยสารออกจากลำเครื่องบินเพิ่มเติมขอเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการให้ข้อมูล”

การบินพลเรือนออกแถลงการณ์ในอีเมลต่อมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดการจัดการปัญหาและการกระทำของเจ้าหน้าที่นั้น “ไม่อาจยอมรับและให้อภัยได้แต่อย่างใด” พร้อมกับยืนยันว่าชายทั้งสามคนที่เห็นในวิดีโอที่เข้าพูดคุยกับชายผู้ถูกทำร้ายนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของตนจริงๆ

ต่อมา Oscar Munoz ซีอีโอใหญ่ของสายการบินได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทาง United Airlines รู้สึกเศร้าใจมากและขออภัยที่ต้องทำการโยกย้ายและจัดหาไฟลต์ใหม่ให้กับผู้โดยสาร โดยทางสายการบินกำลังดำเนินการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและทำการพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นโดยละเอียดภายใน ทั้งนี้ทางสายการบินกำลังติดต่อไปยังผู้โดยสารคนดั่งกล่าวเพื่อหาทางออกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต่อไป

ในโลกทุนนิยมยุคใหม่แบบนี้ การจะแค่ขอบริการให้เหมาะกับค่าบริการที่เราเสียไปนั้นเหมือนจะเป็นสิ่งที่มากเกินไปที่จะขอได้เสียแล้ว และดูเหมือนว่าการปล่อยขายที่นั่งโดยสารบนเครื่องบินของตัวเองเพื่อรีดเอาเงินทุกบาททุกสตางค์มาให้ได้ของ United Airlines (และอาจรวมถึงสายการบินอื่นๆ) จะเป็นหน้าที่ของผู้โดยสารเองที่ต้องรับผิดชอบตัวเองหากเกิดโดนบังคับให้เปลี่ยนไฟลต์บินแบบนี้ โดยไม่สนใจเหตุผลขี้หมูขี้หมาของผู้บริโภคตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ แม้แต่นิดเดียว และไม่มีมาตรการแก้ไขใดๆ นอกจากแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากโฆษกของบริษัทราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องปกติและไม่ใช่ความผิดของสายการบินซึ่งเป็นผู้ให้บริการแต่อย่างใด แบบนี้แล้วเราคนใช้บริการควรหรือไม่ที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

แชร์
Avatar photo

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Exit mobile version