Advertisement

 

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2559 กองบัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “รักษาดินแดน”  เป็นแอปฯ สังคมออนไลน์ของนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.-รด.) ซึ่งทุกคนต้องลงแอปนี้ มีทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดย นรด. ตั้งใจจะใช้แอปตัวนี้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมกิจกรรมจิตอาสาและรณรงค์การลงประชามติรัฐธรรมนูญ  นอกจากนี้ยังเพื่อฝึกให้ นศท.- รด. รักสถาบัน ประเทศชาติ ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมและมีปฏิสัมพันธ์กับทางทหารมากขึ้น(ที่มา #1)

Advertisement

EyWwB5WU57MYnKOuiAQELJABu65pU1bcLm2HNetLZeD3uTesxbfRpC

 

นักเรียน รด. ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลออนไลน์แทบทุกอย่าง ผ่านแอป “รักษาดินแดน”?

วันนี้มีประเด็นที่น่าสนใจเกิดขึ้น นั่นคือ ข่าว NOW26  ได้รายงานถึงเงื่อนไข หรือ permission ในการติดตั้งแอป ทำให้พบว่ามีการขออนุญาตเยอะมากจนหลายฝ่ายกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดย permission บน Google Play มีดังต่อไปนี้

  • โทรออกได้ ดูประวัติการโทร (call log) ได้
  • ดูรูปภาพ สื่อ และไฟล์อื่น ๆ ในเครื่องได้
  • ดูหมายเลขโทรศัพท์และหมายเลขประจำเครื่องได้
  • รับข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้
  • มีแอปอะไรบ้างที่กำลังใช้งานอยู่ (running apps)
  • หาว่ามีบัญชีผู้ใช้อะไรบ้างบนอุปกรณ์ที่ติดตั้ง
  • อ่านข้อมูลระบุตัวตนและสถานะของโทรศัพท์
  • เปลี่ยนเส้นทางการโทรออก (reroute outgoing calls)
  • อ่านเนื้อหาในที่เก็บข้อมูล USB
  • แก้ไขหรือลบเนื้อหาในที่เก็บข้อมูล USB
  • ถ่ายภาพและวิดีโอ
  • บันทึกเสียง
  • ดูและเข้าถึงระบบเครือข่ายและบลูทูธ รวมถึงแก้ไขการตั้งค่า
  • ห้ามไม่ให้อุปกรณ์เข้าสู่โหมดนอนหลับ (sleep mode)
  • ลบแคชของแอปทั้งหมด

13315286_10153444122216086_3853418351881751187_n

 

สำหรับการใช้งานแอป ต้องใช้เลขประจำตัวนักศึกษาวิชาทหาร/เจ้าหน้าที่ และรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานแอป

13315814_10153444086581086_446037552077000847_n

พล.ท.วีรชัย อินทุโศภณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า “เรื่องกฎหมายเรื่องการเมืองนี้เราไม่เกี่ยวข้องนะครับ เราจะต้องไม่เกี่ยวข้องแน่นอน แต่แอปพลิเคชันก็เหมือนไลน์ ก็สามารถที่จะกระจายข่าวสารได้ ส่งข้อความเชิญชวนกันได้ แต่จะต้องไม่ผิดกฎหมายนะครับ เพราะว่าเรามีศูนย์ที่จะควบคุม อะไรที่ผิดกฎหมายท่านจะต้องถูกลงโทษนะครับ แม้แต่ท่านเป็นเด็ก ท่านก็อยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง และจะต้องอยู่ภายใต้กติการกฎระเบียบของทางทหารด้วย ข้อความต่าง ๆ จะต้องถูกควบคุมโดยศูนย์ที่นี่”
นอกจากนี้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่เหมาะสมได้ โดยมีการติดตั้งระบบตรวจสอบไว้แล้ว ดังนั้นผู้ใช้งานบางคนอาจไม่สามารถโพสต์ได้ทุกข้อความ “ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับและอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนเท่านั้น จะไม่รั่วไหลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ต่างประเทศ” นายวรวัฒน์ นาคแนวดี ประธานฝ่านเทคโนโลยี บริษัท ธนพัฒน์ อินเตอร์โซเชียลมีเดีย จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน กล่าวถึงความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูล(ที่มา #2)

 

หลังจากที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ออกมา ก็มีหลายฝ่ายออกมาให้แสดงความคิดเห็นและเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ของ นศท. และ รด. ถูกเสมือนถูกบังคับให้ติดตั้ง อย่างแฟนเพจ Thai Netizen Network กล่าวเกี่ยวกัปประเด็นนี้ว่า “การออกแบบแอปและบริการ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับแอปและบริการภาครัฐ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายใต้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

หลักการประการหนึ่งที่สำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก็คือ เก็บข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็น อีกประการหนึ่งก็คือ การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ซึ่งในการขอความยินยอมนั้น จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบถึงจุดประสงค์ด้วยว่า จะนำข้อมูลไปใช้เพื่ออะไร” (ที่มา #3)

 

แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่ติดตามข่าวสารไอที และเรื่องราวต่าง ๆ จาก Appdisqus ก็จะพอทราบกันดีอยู่ว่า เงื่อนไข หรือ permission ของแอปพลิเคชันต่าง ๆ นั้น เยอะมากกันเป็นปกติอยู่แล้ว มันขึ้นว่าเราจะมีความเชื่อใจกันมากแค่ไหน ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขในการติดตั้งของแอป LINE ก็ขออนุญาตที่แทบว่าจะไม่แตกต่างอะไรเลยจากแอป “รักษาดินแดน” ดังนี้

1456

สุดท้ายผมขอยกความเห็นที่น่าสนใจของคุณ Noppinij จาก Appdisqus ของเรา มาไว้ที่นี่ว่า

แอปพลิเคชันส่วนหนึ่งในสโตร์ก็ขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในระดับนี้ไม่ต่างกัน ยกตัวอย่างเล่นแอพ Line ที่แทบจะทุกคนมีติดตั้งลงบนเครื่อง และแอปอื่น ๆ อีกมากมายเพียงแต่เราไม่สนใจในการอนุญาตสิทธิ์ให้แก่การทำงานของมัน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องดีที่ทุกคนหันมาสนใจในเรื่องนี้ครับ แม้จะยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้พัฒนาแอปเหล่านี้ได้เข้าถึงข้อมูลของเราบนตัวเครื่องในระดับไหน แต่เพื่อความสบายใจ เราสามารถเข้าดูการขออนุญาตสิทธิ์ของแต่ละแอปได้จากในตัวเครื่องหรือจากในหน้าโหลดแอปพลิเคชันในสโตร์

แล้วคุณอาจจะตกใจ ว่าแอปในเครื่องมีมากแค่ไหนในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราเหมือนกับแอปที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้

 

ที่มา:

  1. http://www.thairath.co.th/content/612125
  2. https://www.facebook.com/arthit/media_set?set=a.10153444080901086.1073741851.529141085&type=3
  3. https://www.facebook.com/thainetizen/
แชร์
Avatar photo

อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ

Advertisement
Exit mobile version