Advertisement

Netflix ได้ปล่อยทีเซอร์แรกของ Kingdom ซีซั่น 2 ออกมาให้รับชมแล้ว แค่ตัวอย่างเห็นแล้วก็ใจสั่นมาก เพราะซีซั่น 1 ของซีรีส์ Kingdom หรือชื่อไทย ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เลือด ทำออกมาได้สนุกและน่าติดตามมาก และกว่าจะเริ่มถ่ายทำและออกฉาย แฟนๆ ต้องตั้งตารอกันเป็นปี และในวันที่ 13 มีนา นี้ เน็ตฟลิกซ์ ได้เตรียมที่จะฉาย Kingdom ซีซั่น 2 รวดเดียว 6 ตอนจบ ที่สำคัญมาพร้อมพากษ์ไทยด้วย Appdisqus จะมาสรุปเนื้อเรื่อง Kingdom ซีซั่น 1 ให้อ่านกันค่ะ (สปอยสุดๆ ..เตือนแล้วนะ)

Kingdom season 2 | Teaser | Netflix

Advertisement

เรามารื้อฟื้นความจำของเนื้อเรื่อง Kingdom ซีซั่น 1 กันดีกว่า ขอบอกว่า ละเอียดยิบๆ เหมือนนั่งดูเอง แนะนำตัวละครกันก่อน

มีข่าวลือเรื่องการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทางฝั่งของเมืองหลวง ก็มีข่าวลือเรื่องอาการเจ็บป่วยของพระราชา พระองค์ไม่ได้ออกมาพบผู้คนเป็นเวลานาน และมีการจัดเวรยามไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้พระราชวังส่วนใน มีเพียงหมอ “อีซึงฮี” เท่านั้นที่เป็นผู้ถวายการรักษา

แม้แต่องค์รัชทายาท “อีชาง” ก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ถูกกีดกันสารพัด โดยเฉพาะจาก “มเหสีโจ”  มเหสีใหม่ที่อายุยังน้อยแต่วางอำนาจมาก ที่ตอนนี้กำลังตั้งครรถ์ได้หลายเดือนแล้ว

จากข่าวลือเรื่องพระราชล้มป่วย มาจนถึงป้ายประกาศ “พระราชาสวรรคตแล้ว สายลมใหม่กำลังพัดมา” บ่งบอกถึงการกบฏ และสร้างความสับสนให้ผู้คนในเมืองเป็นอย่างมาก จึงได้มีการสืบหาว่าใครเป็นผู้ติดป้ายประกาศดังกล่าว

โดยการนำของ”โจบอมอิล” ลูกชายของ “โจฮักจู” ขุนนางผู้ทรงอิทธิพลในเวลานี้ ดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดี และเป็นบิดาของ “มเหสีโจ” “โจบอมอิล” มุ่งเป้าไปที่เหล่าบันฑิต โดยการจับมาทรมานเพื่อให้รับสารภาพ

ทางด้านขององค์รัชทายาท “อีชาง” เมื่อไม่สามารถเข้าพบพระบิดาได้จึงเกิดความสงสัย และวางแผนกับ “มูยอง” ทหารองค์รักษ์คนสนิท เพื่อลอบเข้าวังหลวงเพื่อตามหาความจริงและขโมยตำราบันทึกการรักษา แต่ไม่ทันที่จะได้พบพระบิดา “องค์รัชทายาทอีชาง” ก็พบกับเงาอสูรกายที่เค้าไม่เคยพบมาก่อน และถูกจับได้โดยกลุ่มทหารของ “โจบอมอิล” แม้ว่าอีชางจะอธิบายถึงสิ่งที่เพิ่งเห็นมาไม่ได้ แต่ก็ยังยืนยันที่จะเข้าพบพระบิดา

แต่ในห้องบรรทมกลับพบกับ “โจฮักจู” ที่เหน็บแนมอีชางว่า อสูรการที่เค้าเห็นก็คือกบฏที่คิดจะแย่งราชบัลลังก์ องค์รัชทายาทอีชางต้องกลับออกมาแบบไม่มีทางเลือก แต่แผนการล่อเสือขององค์ชายก็สำเร็จ เพราะมูยองได้ลอบเข้าไปเอาบันทึกการรักษามาจนได้ โดยในบันทึกบอกว่ารักษาด้วยยาหลายขนาดแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำให้อาการทุเลาลงได้ และบันทึกก็ไม่มีการเขียนต่อ

ในบันทึกได้ลงชื่อของหมอผู้รักษา “อีซึงฮี” แต่หมอ “อี” ได้ลาออกไปเปิดโรงหมอเองในชนบท อาจจะถูกเรียกกลับมาให้รักษาพระราชาแบบลับๆ การเดินทางขององค์รัชทายาทอีชางจึงเริ่มต้นขึ้น จุดหมายคือ “ทงเร” เมืองชนบทเล็กๆ เพื่อตามหาอดีตแพทย์หลวง “อีซึงฮี” เพื่อสืบหาความจริง

ที่ “จียุนฮยอน” โรงหมอที่อดีตแพทย์หลวง “อีซึงฮี” เป็นคนก่อตั้ง เต็มไปด้วยผู้คนที่เจ็บป่วย หมอหญิง “ซอบี” เป็นผู้ดูแลที่นี่แทนหมอ “อีซึงฮี” กับ “ยองชิน” หนุ่มจรจัดปริศนาที่มาจากทางใต้ ตอนนี้ที่จียุนฮยอนกำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก เนื่องจากปริมาณคนป่วยที่เยอะขึ้น ทำได้เพียงต้มซุปผักให้คนป่วยกิน

แต่แล้วหมอ “อีซึงฮี” ก็กลับมาจากวังหลวง สีหน้าของหมอไม่สู้ดีนัก ไม่พูดไม่จา มีเพียงกล่องใส่ศพของลูกศิษย์ที่ติดตามไปด้วย สภาพศพเหมือนถูกสัตว์ทำร้าย โดยหมอได้ขอให้ช่วยทำพิธีศพให้ โดยยองชิน อาสาที่จะนำร่างไปฝังให้

ทางฝั่งเมืองหลวง หลังจากที่องค์รัชทายาทอีชาง ได้ลักลอบเข้าวังหลวง “โจฮักจู” ได้กล่าวหาว่าองค์รัชทายาทเป็นกบฎและต้องจับมาคุมขัง พร้อมกับปราบพวกขุนนางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไปในตัวด้วย “โจฮักจู” ได้สั่งให้ “โจบอมอิล” ออกไปตามหาองค์รัชทายาท จนรู้ความจริงว่าองค์รัชทายาทกำลังเดินทางไปที่ “ทงเร” โจฮักจู จึงสั่งให้ลูกชายออกไปจับตัวองค์รัชทายาทในทันที

ในขณะที่องค์รัชทายาทปลอมตัวออกไปตามหาหมอหลวง ระหว่างทางก็ได้พบเห็นสภาพความเป็นอยู่ของราษฎร ที่มีสภาพอดอยากและแร้นแค้น “มูยอง” องค์รักษ์คนสนิทก็ไม่ได้อยากออกมาจากเมืองหลวงสักเท่าไหร่ เพราะเค้ามีภรรยาที่กำลังท้องแก่อยู่ “อีชาง” จึงเปิดเผยเรื่องราวให้ “มูยอง” รู้ว่า เค้านั้นวางแผนจะกบฏกับเหล่าบัณฑิตจริงๆ และถูก “โจฮักจู” ข่มขู่มา หากตัวเค้ายังอยู่ในวังย่อมไม่ปลอดภัยและไม่มีทางรู้ความจริง เรื่องอาการป่วยของพระบิดาที่ อีชาง สงสัยว่า โจฮักจู อาจอยู่เบื้องหลังการป่วยของพระราชาก็เป็นได้ และตอนนี้ มเหสีโจ ก็กำลังตั้งครรถ์ ถ้าเด็กออกมาเป็นผู้ชาย อีชาง ก็จะถูกปลดออกจากองค์รัชทายาททันที เพราะเค้าเป็นเพียงลูกของนางสนมเท่านั้น

ทางฝั่งโรงหมอ “จียุนฮยอน” ในขณะที่หมอสาว ซอบี กลับจากการเก็บสมุนไพรในป่า ก็พบว่าผู้ป่วยกำลังกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ ยองชิน เป็นคนปรุงอาหารในครั้งนี้ โดยอ้างว่าไปล่ากวางในป่ามาได้ ที่จริงแล้ว ยองชิน นำศพที่หมอหลวง อีซึงอี สั่งให้ไปนำฝัง แต่กลับนำไปทำอาหารแทน

มีเพียง ซอบี เท่านั้นที่รู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนในโรงหมอได้กินกันแทบจะทุกคน เมื่อถึงเวลากลางคืนพวกชาวบ้านที่ได้กินซุปที่ ยองชิน เป็นคนทำ ก็ได้กลายเป็นซอมบี้ลุกขึ้นมากัดกินหมอสาวคนอื่นๆ ในขณะที่ ซอบี กำลังเถียงกับ ยองชิน ในโรงเก็บของถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทั้งคู่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติภายนอก เสียโหยหวนและเลือดที่ไหลนองเข้ามาในโรงเก็บของ ทำให้ทั้งคู่ไม่กล้าออกไป รวมถึงหมอ อีซึงฮี ที่อยู่ในห้องนอนก็รับรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติเช่นกัน

กว่าองค์รัชทายาทจะเดินทางมาถึง “ทงเร” ก็ผ่านไปหลายวัน สังเกตุว่าบรรยากาศโดยรอบมันเงียบผิดปกติ ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง โรงหมอ “จียุนฮยอน” ก็ถูกผนึกปิดอย่างแน่นหนา เมื่อพังประตูเข้าไปก็พบกับซากศพ ที่อยู่ใต้ถุนพื้น

อีชาง จึงได้แจ้งไปยังทหารของเมือง ทงเร ให้มาจัดการนำศพทั้งหมดออกไป ไปที่ศาลากลางเพื่อให้ “โจบอมพัน” เจ้าเมืองทงเรตรวจสอบ เจ้าเมืองทงเร “โจบอมพัน” เป็นถึงเจ้าเมืองแต่ก็ดูไม่ค่อยฉลาดนัก ใช้ชีวิตสุขสบายภายในสำนักปกครอง จนไม่รู้ว่าชาวบ้านอดอยากและได้รับความเดือดร้อน เมื่อเจอกับศพจำนวนมากก็จัดการไม่ถูก ฝ่าย ยองชิน เดินทางกลับจากหาไม้ไผ่มาทำรั้วป้องกัน เห็น “จียุนฮยอน” ถูกรื้อเอาศพออกมาไปไว้สำนักปกครอง ยองชิน จึงได้วิ่งตามไปเพื่อบอกว่า ศพเหล่านั้นยังไม่ตาย เมื่อถึงเวลากลางคืนจะลุกขึ้นมากัดกินผู้คน เจ้าเมืองทงเรและเสมียนคู่กายไม่เชื่อสิ่งที่ ยองชิน พูด

ฝั่ง “อีชาง” และ “มูยอง” เดินทางไปตามหาหมอสาวซอบี ตามที่ชาวบ้านบอก ที่บอกว่านางมักมาเก็บสมุนไพรในหุบเขา เมื่อ ซอบี รู้ว่าศพชาวบ้านใน “จียุนฮยอน” ถูกนำตัวไปไว้ที่สำนักปกครอง ซอบีตกใจมากและเล่าถึงศพที่ลุกขึ้นมาอาละวาดในตอนกลางคืน และยังบอกถึงบันทึกที่หมอ อีซึงฮี บันทึกไว้ด้วย

“อีชาง” จึงรีบไปที่นั่นคนเดียวเพื่อตามหาบันทึก แล้วให้ มูยอง ตาม ซอบีไปที่สำนักปกครองด้วย เพื่อให้สืบหาความจริงและนำข่าวกลับมาบอก เมื่อมูยองและซอบี ไปถึง ก็พบว่า ยองชิน ถูกทหารจับ ซอบี ยืนยันสิ่งที่ ยองชิน พูดว่าเป็นความจริง แต่ถูกเสมียนคู่กายของเจ้าเมืองทงเร สั่งจับตัวขังหมอซอบีกับยองชิน ไว้ที่คุกใต้ดิน

กว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงก็ถึงเวลาพลบค่ำ บรรดาชาวบ้านที่มามุงดูก็สังเกตุเห็นศพที่นำมากองไว้ที่สำนักปกครอง มันขยับได้ ในที่สุดศพทั้งหลายก็ลุกขึ้นและอาละวาดกัดกินทหารและผู้คนที่มามุงดู ทุกคนหนีตายไปตามที่ต่างๆ โจบอมพัน เจ้าเมืองทงเร ก็หนีลงไปยังคุกใต้ดินห้องเดียวกับที่ขังหมอซอบีไว้ ส่วน ยองชิน ก็แหกคุกออกไปช่วยชีวิตชาวบ้าน

ด้านองค์รัชทายาทอีชาง เมื่อเดินทางไปถึง”โรงหมอจียุนฮยอน” ก็พบกับ “โจบอมอิล” ที่ยืนรอเค้าอยู่แล้ว และได้อ่านหมายจับข้อหากบฎให้องค์รัชทายาทฟัง เมื่อ อีชาง ได้ฟังก็ไม่ยอมให้ โจบอมอิล จับตัวไปง่ายๆ การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น ระหว่างที่สู้กันอยู่นั้น หีบใบหนึ่งก็เปิดออก แล้วชายที่อยู่ในนั้นคือหมอ อีซึงฮี ที่ตอนนี้เค้ากลายร่างเป็นซอมบี้แล้ว ออกมาอาละวาดกัดกินทหารที่มากับ โจบอมอิล ด้วย สุดท้าย โจบอมอิล ก็พลาดท่าถูกกัดตาย และเมื่อเค้าฟื้นขึ้นมาเป็นซอมบี้ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหา อีชาง ทันที อีชางจึงตัดหัวซอมบี้โจบอมอิล ทำให้มันแน่นิ่งไป

เมื่อองค์รัชทายาทอีชาง พาร่างสะบักสะบอมออกมาจากโรงหมอได้ ก็พบว่าเมืองทงเรกลายเป็นทะเลเพลิง ผู้คนหนีตายกันไปทุกทิศทุกทาง เหล่าฝูงซอมบี้และผู้คนก็วิ่งตรงดิ่งมาที่อีชาง ทำให้ต้องวิ่งหนีกันวุ่นวายไปหมด แต่ มูยอง องค์รักษ์ประจำกาย ที่หลังจากเกิดเรื่องที่ทงเร ก็รีบออกมาตามหาองค์รัชทายาทและได้ช่วยเหลือไว้ทัน และทั้งคู่ได้วิ่งไปพบกับค่ายทหารกลางป่า ที่เสมียนชั่วแห่งเมืองทงเรได้วิ่งหนีมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว

เหล่าชาวบ้านมาขอให้ค่ายเปิดประตูให้ แต่ทางเสมียนชั่วสั่งให้ทหารที่ค่ายห้ามเปิดประตูเด็ดขาด ซ้ำยังยิงธนูใส่องค์รัชทายาทอีกด้วย สุดท้ายทุกคนก็วิ่งหนีตายไปทางอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้  อีชางและมูยอง วิ่งมาจนสุดทาง ด้านหน้าเป็นหน้าผา ทั้งคู่ตัดสินใจกระโดดลงน้ำ ทำให้รู้ว่าเหล่าซอมบี้ ไม่สามารถว่ายน้ำได้ ทั้งคู่ปลอดภัยอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ

เมื่อถึงเวลาเช้า เหล่าซอมบี้ก็รีบเข้าหาที่กำบังในมุมมืด ในขณะที่ผู้รอดชีวิตก็ออกมาจากที่หลบภัย ทุกคนกลับไปรวมตัวที่สำนักปกครองอีกครั้ง โดยเสมียนเฒ่าก็เข้ามาแก้ตัวที่ทิ้งเจ้าเมืองทงเรไป หลังจากผ่านค่ำคืนสุดโหดทำให้ โจบอมพัน เชื่อสิ่งที่หมอหญิงพูดและเริ่มรู้สึกดีๆ กับหมอหญิงซอบี

ยองชิน บอกกับทุกคนว่าต้อง “ตัดหัวศพแล้วนำไปเผาเท่านั้น” ซึ่งเจ้าเมืองได้สั่งให้ทุกคนช่วยกันทำทันที แต่แล้วหญิงชราที่เป็นภรรยาของขุนนางชั้นสูงผู้หนึ่งก็ปรากฎตัว และไม่ยอมที่จะให้ตัดหัวแล้วเผาลูกชายนาง ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกของนางเป็นอดีตแม่ทัพสูงศักดิ์ สุดท้ายองค์รัชทายาทจึงได้เปิดเผยตัว และตำหนิการกระทำของเสมียนเฒ่าและเจ้าเมืองทงเร ที่ทำให้ชาวบ้านล้มตายไปจำนวนมาก พร้อมขอร้องหญิงชราผู้นั้นให้จัดการกับศพอดีตแม่ทัพเหมือนคนอื่นๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม และขอให้ทุกฝ่ายเร่งทำก่อนฟ้าจะมืด

องค์รัชทายาทนำบันทึกมาเปิดอ่าน และหมอหญิงซอบีก็ได้เล่าถึงหมอ อีซึงฮี ก่อนหมออีจะถูกซอมบี้กัดตายว่า หมอได้เข้ามาสารภาพกับเธอในโรงเก็บของ วันที่เกิดเหตุซอมบี้อาละวาดที่โรงหมอจียุนฮยอน เธอกับ ยองชิน ซ่อนตัวอยู่ ในนั้น หมออีเล่าถึงเรื่องราวในวัง ว่าถูกเรียกตัวไปเพื่อทำการชุบชีวิตให้พระราชา ด้วยสมุนไพรชุบชีวิตที่เป็นดอกไม้สีม่วง

แต่คนตายฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ใช่คนเดิม ลูกศิษย์ของหมออีที่ตามไปด้วยถูกพระราชากัด แต่ก็ไม่ได้กลายสภาพเป็นซอมบี้ เป็นแค่ศพธรรมดา จนตอนนี้เชื้อได้กลายสภาพแล้ว ทำให้คนที่ถูกกักกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย และในบันทึกยังบอกด้วยว่าเมื่อสมุนไพรคืนชีพใช้กับคนตายให้ฟื้นได้ ก็อาจจะสามารถทำให้หายได้เหมือนกัน นั่นเป็นสาเหตุที่หมอหญิงและ ยองชิน ยังเก็บศพคนตายเอาไว้ เพราะตั้งใจจะรักษาให้กลับมามีชีวิตเหมือนเดิมนั่นเอง

ระหว่างที่อีชางกับหมอหญิงคุยกันอยู่นั้น ก็ถูกมูยองขัดจังหว่ะ เพราะ มูยอง หาหัวของ โจบอมอิล ที่ถูกตัดไม่เจอ ซึ่งองค์รัชทายาทอีชาง ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว อีชาง โกรธแค้นที่เสด็จพ่อถูกปลุกชีพขึ้นมาเพียงเพื่อรอเวลาให้มเหสีโจคลอดลูกชายออกมา อีชางจึงจะเดินทางไปที่เมืองชางจู เพื่อขอความช่วยเหลือกับท่านอาจาร์ยที่เคยร่ำเรียนมา ท่านอาจารย์อันฮยอน เคยเป็นอาจารย์ที่ดูแลองค์รัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนเดียวที่ อีชางไว้ใจที่สุดในตอนนี้

ทางฝั่งวังหลวงก็มีข่าวลือถึงการพบศพปริศนา เหล่านางสนมที่ได้เข้าวังหลวงก็ไม่มีใครได้กลับออกมา รวมถึงบรรดาทหาร และคนรับใช้ในวังบางคนก็หายได้ตัวไปด้วย เหล่าทหารก็จัดการศพโดยการถ่วงลงน้ำ

เรื่องไปถึงหูขุนนางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ โจฮักจู และคิดจะใช้เรื่องนี้เพื่อเล่นงานคนตระกูลโจ เหล่าขุนนางจึงติดต่อไปยังท่านอาจารย์อันฮยอนเพื่อขอกำลังสนับสนุน แต่เรื่องก็ถึงหู โจฮักจู จนได้ ท่านอาจาร์ยอันฮยอนเป็นถึงวีรบุรุษแผ่นดิน ถ้ามาสนับสนุนฝั่งองค์รัชทายาทอีชางและเหล่าขุนนางฝั่งตรงข้าม การครองอำนาจของ โจฮักจู ก็จะทำได้ยากขึ้น

ทางฝั่งทงเร ก็ได้เตรียมการจะอพยพผู้คนหนี ทางเจ้าเมืองทงเร โจบอมพัน ก็เห็นด้วยที่จะเอาประชาชนขึ้นเรือไปด้วย แต่เสมียนชั่วก็มาเป่าหูว่าเรือมีเพียงลำเดียว เพียงพอแค่เหล่าชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ โจบอมพัน ก็อยากให้หมอหญิงซอบี ได้ขึ้นเรือหนีไปด้วยกัน  เสมียนนัดแนะกับเหล่าขุนนาง ขนของที่ไม่จำเป็นแทบจะล้นเรือ แอบหนีไปเงียบๆ โดยที่ไม่คิดจะช่วยเผาศพที่เหลือด้วยซ้ำ

เมื่ออีชางมาถึงก็พบว่าเรือได้ออกจากท่าไปแล้ว จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยหมอซอบี แนะนำให้กลับไปยังโรงหมอ จียุนฮยอน เพราะที่นั่นกันซอมบี้ได้หลายวัน ก็น่าจะกันซอมบี้จากด้านนอกได้ ทุกคนจึงรีบย้ายไปหลบยังโรงหมอ แต่ใกล้จะถึงโรงหมออยู่แล้ว ระหว่างทางดันมีฝูงซอมบี้ที่ซ่อนตัวอยู่ ออกมาจากที่ซ่อนตัวพอดี ทุกคนรีบหนีเพื่อจะไปให้ถึงที่หมาย กว่าจะไปถึงโรงหมอได้อย่างปลอดภัย องค์รัชทายาทอีชางได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่า แม้ว่าจะมีอุปสรรค์แต่ก็จะไม่ยอมทอดทิ้งประชาชน

กลับมาที่เรือที่พวกชนชั้นสูงโดยสารไป หญิงชราคนเดิมได้แอบเอาร่างของลูกชายที่ตายไปขึ้นเรือมาด้วย นั่นทำให้พอตกกลางคืน ร่างซอมบี้ของลูกชายเธอได้ออกมาอาละวาดกัดกินคนบนเรือ มีเพียง โจบอมพัน เจ้าเมืองทงเร ที่หนีเอาตัวรอดจากเรือลำนั้นได้

หลังจากผ่านค่ำคืนอันโหดร้าย เหตุการณ์ครั้งใหม่ก็ได้มาเยือน เมื่อ โจฮักจู ได้รับหัวของ โจบอมอิล ลูกชายคนเดียวของเค้า ใส่อยู่ในกล่องไม้ สร้างความโกรธแค้นให้โจฮักจูเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งให้จับตายองค์รัชทายาท

ยังไม่ทันที่ทุกคนในโรงหมอจะได้พักผ่อน ทหารราชองค์รักษ์ได้มาถึงหน้าโรงหมอ และขู่ให้องค์รัชทายาทออกมามอบตัว หลังจากนั้นก็ยิงธนูห่าใหญ่ใส่ผู้คนที่อยู่ในโรงหมอ เมื่อ อีชาง เริ่มเห็นผู้คนล้มตาย จึงคิดแผนขึ้นมา โดยการเปิดประตูให้ทหารเข้ามาและจัดการให้ ยอนชิน ฆ่าทีละคน ส่วน มูยอนก็หลอกล่อทหารที่เหลือให้ขึ้นไปบนเขา ในที่สุดองค์รัชทายาทก็หนีไปได้อีกครั้ง แต่ทหารราชองค์รักษ์ก็รู้สถานที่ ที่องค์รัชทายาทกำลังจะไป เพราะมีคนทิ้งสารไว้ให้

เมื่อสูญเสียลูกชาย โจฮักจู ก็โหดเหี้ยมมากขึ้น เค้าจัดการกับเหลาขุนนางฝ่ายตรงข้าม และเปิดเผยอาการป่วยของพระราชาให้เหล่าขุนนางอื่นๆ รับรู้ และแต่งตั้งมเหสีโจให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เท่ากับว่า อำนาจของมเหสีโจเทียบเท่าพระราชา

มเหสีโจรับอุปการะหญิงท้องแก่ ให้มาใช้ชีวิตในวัง เลี้ยงดูอย่างดี รวมถึงภรรยาท้องแก่ขององค์รักษ์มูยองด้วย แต่เมื่อมีการคลอดลูกแล้ว ก็จะไม่ได้เห็นทั้งเด็กและแม่เด็กอีกเลย แต่แล้วมเหสีก็เปิดเผยความลับของเธอให้กับหญิงรับใช้คนใหม่รู้ว่า ตัวเธอนั้นไม่ได้ตั้งท้อง และกำลังรอคอยลูกชายที่จะมาเกิดจากเหล่าหญิงท้องแก่ที่รับมาอุปการะดูแล

กลุ่มขององค์รัชทายาทได้ขี่ม้ามายัง ซังจู ทั้งหมดได้แวะพักระหว่างทาง แต่แล้ว โจบอมพัน เจ้าเมืองทงเรก็ปรากฎตัวขึ้น และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือ ว่ามีเพียงเค้าที่รอดชีวิต บนเรือเต็มไปด้วยซอมบี้ และถ้าเรือเทียบท่าเมื่อไหร่หมู่บ้านใกล้เคียงจะต้องเจอหายนะแน่นอน

ที่เมืองซังจู เพิ่งจะได้รับข่าวการระบาดของโรคที่ทงเร ท่านอันฮยอนได้สั่งให้ทหารเฝ้าระวัง และไปสำรวจเมื่อมีข่าวว่ามีเรือมาเกยตื้น บนเรือไม่มีใครอยู่ในนั้น รวมถึงของมีค่าอื่นๆ ด้วย มีเพียงเลือดกระจายอยู่ไปทั่วเรือ เมื่อกลุ่มอีชางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ก่อนถึง ซังจู ก็ได้พบกับชาวบ้านกินอาหารดีๆ มีข้าวของเครื่องใช้แพงๆ ชาวบ้านบอกว่าได้มาจากเรือที่มาเกยฝั่ง ส่วนศพได้นำไปฝั่งเรียบร้อยแล้ว อีชาง จึงขอให้ชาวบ้านพาไปดูจุดฝังศพ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกหักหลัง เพราะชาวบ้านกลัวว่าพวกอีชางจะไปฟ้องทางการให้มาจับพวกเค้า

แต่จะสู้กันทีไรก็พลบค่ำทุกทีสินะ เหล่าซอมบี้ก็ลุกขึ้นมาอาละวาดใส่ชาวบ้านและกลุ่มของอีชาง ระหว่างที่สู้กันอยู่ ก็มีธนูเพลิงยิงใส่ฝูงซอมบี้ นั่นเป็นทหารของ ซังจู ที่เข้ามาช่วย แถมรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว ในที่สุด อีซาง ก็ได้พบกับท่านอาจารย์อันฮยอน แล้วทั้งสองก็ได้คุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

เช้าวันรุ่งขึ้นทหารราชองค์รักษ์เดินทางมาถึง ซังจู ทำให้เจ้าเมืองซังจูเกิดความวิตก เพราะตอนนี้เค้ารู้แล้วว่า องค์รัชทายาทถูกหมายหัวว่าเป็นกบฏ เหล่าทหารราชองค์รักษ์ไปยังบ้านของท่านอาจาร์ยอันฮยอนเพื่อที่จะจับตัวองค์รัชทายาท กลับถูกท่านอาจาร์ยตอกกลับไปว่า “ใครกันแน่ที่เป็นกบฏ องค์รักษ์ที่ควรปกป้องพระราชา กลับเป็นสุนัขรับใช้โจฮักจู” พูดเสร็จเหล่าทหารของอันฮยอน ก็ยิงธนูใส่เหล่าทหารหลวงจนตายหมด นี่เป็นแผนการของท่านอาจารย์ที่ท่างคิดไว้หลังจากที่ได้คุยกับอีชาง เพราะท่านสืบรู้ว่ามีทหารราชองค์รักษ์มาดักรอที่ซังจูอยู่ก่อนหน้านี้ เท่ากับว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในกลุ่มขององค์รัชทายาทอย่างแน่นอน

ทหารหลายกองที่ถูกส่งออกมาก็เพื่อไปยังเมืองทางด้านตะวันตก และ ตะวันออก ล้อมประตูเมืองไม่ให้คนในเมืองได้ออกมา เพื่อปิดกักกันโรคระบาดไม่ให้เข้าสู่เมืองหลวงนั่นเอง เท่ากับทางตองล่างตั้งแต่ทงเรลงมา จะเป็นจุดที่เป็นโรคระบาด

ทางโจฮักจู ได้จับซอมบี้มาศึกษาตลอด รู้วิธีการระบาดของมันเป็นอย่างดี ประชาชนจากเมืองอื่นก็ได้หลั่งไหลมายังซังจู เมืองเดียวที่ยังเหลือรอดอยู่ แต่เจ้าเมืองไม่อยากเปิดประตูให้ชาวบ้านเข้ามา เพราะเมืองไม่สามารถรับคนทั้งหมดไว้ได้ อีชาง จึงปลดเจ้าเมืองซังจูลง

และได้ทำให้เมืองซังจูเป็นป้อมปราการชั่วคราว ด้วยภูมิทัศน์ของเมืองซังจูล้อมรอบไปด้วยน้ำ ที่เหล่าซอมบี้ไม่สามารถว่ายน้ำข้ามมาได้ รวมถึงฝึกคนให้ช่วยกันต่อสู้ ทำอาวุธ และสร้างกำแพงชั่วคราว โดยการร่วมมือของคนในเมือง และเหล่าขุนนางที่ช่วยกันทำเมืองซังจูให้เป็นฐานที่มั่น

ส่วนหมอหญิงซอบีก็ได้ไปเก็บสมุนไพรในภูเขาใกล้ๆ ที่ว่ากันว่ามีอากาศหนาวเย็นตลอดปี และที่นั่นดอกไม้คืนชีพน่าจะยังบานอยู่ โดยมี โจบอมพัน ตามไปด้วย โดยก่อนหน้านั้น โจบอมพัน ได้ชวนให้หมอหญิงหนีไปด้วยกัน เพราะการอยู่ใกล้องค์รัชทายาทที่เป็นกบฏจะไม่ปลอดภัย แต่ถูกหมอหญิงปฏิเสธ เพราะเธอได้เห็นแล้วว่าองค์รัชทายาทเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องผู้คน ทำให้เธอจะอยู่รับใช้และภักดีต่อองค์รัชทายาทตลอดไป

ในที่สุดสิ่งที่หมอหญิงตามหามาตลอด ดอกไม้คืนชีพสีม่วง เหมือนในตำราของหมอ อีซึงฮี เขียนไว้ ที่นั่นมีกระพวนถูกแขวนไว้โดยรอบ และมีแอ่งน้ำกั้นขวางเอาไว้ ที่นั่นมีข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงโซ่ที่ถูกล่ามเอาไว้ด้วย

ส่วนบริเวณป้อมหน้าประตูเมือง มีการปล่อยทหารม้าขี่ออกไปดูลาดราว ทหารที่เหลือรอคอยอย่างใจจดจ่อ และอากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดม้าก็กลับมาโดยไม่มีคนขี่ มีเพียงแขนที่ยังเลือดสดๆ ห้อยติดมาด้วย พลุไฟถูกจุดเตือนสัญญาณให้เตรียมพร้อม แต่ก็ไม่มีวีแววใดๆ ทั้งสิ้น

จนพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ทุกคนเหนื่อยล้าจากการเฝ้าระวังกันมาทั้งคืน และเตรียมกลับไปพักผ่อน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เมื่อฝูงนกบินออกมาเป็นกลุ่ม และพื้นดินสั่นสะเทือน เหล่าฝูงซอมบี้กำลังวิ่งกรูกันเข้ามายังเมือง ซังจู ส่วนหมอหญิงซอบีและโจบอนพัน ก็ยังติดอยู่ที่หุบเขา เพราะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงซอมบี้

สิ่งที่จำกัดเหล่าซอมบี้ไม่ให้ออกมาไม่ใช่แสงแดด แต่เป็นอุณหภูมิที่ลดลง ซึ่งโจฮักจู รู้เรื่องนี้มาตลอดและตอนนี้เค้ากำลังมองความพินาศของเมือง ซังจู และเหล่าผู้ภักดีขององค์รัชทายาทมาจากที่ไกลๆ

บทสรุปในตอนจบของซีซั่นนี้ เพื่อดูต่อในซีซั่น 2 ที่จะฉายในวันที่ 13 มีนาคมนี้

Kingdom  season 1 (episode 6) last scene

 

แชร์
Avatar photo

ว่างจากวาดรูปก็มาเล่นในนี้แหละ ^^

Advertisement
Exit mobile version