Advertisement

ในที่สุด Xiaomi ก็เปิดตัว Mi 6 ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สมกับเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนเรือธงในยุคปี 2017

Mi 6 เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกล้องคู่ 12 ล้านพิกเซล และเป็นรุ่นบุกเบิกที่เริ่มใช้หน่วยประมวลผลตัวแรงจาก Qualcomm Snapdragon 835 ซึ่งเผยผลคะแนนทดสอบ Benchmark ออกมาได้เกือบแตะสองแสนคะแนนเลยทีเดียวครับ

Advertisement

การออกแบบภายนอกของเครื่อง Xiaomi Mi 6 เป็นลักษณะขอบโค้งทั้งสี่ด้าน Four-sided 3D glass วัสดุหลักทำจากกระจก ซึ่งทาง Xiaomi บอกว่าตัวเครื่อง Mi6 นั้นต้องใช้เวลาในการผลิตถึง 12 วัน ใน 40 ขั้นตอน ถึงจะประกอบเครื่องขึ้นมาได้สำเร็จสักชิ้นหนึ่ง การออกแบบโดยรวมเน้นความโค้งมนของตัวเครื่องให้มีความเข้ากันกับสรีระการถือจับของมนุษย์ ภายในขึ้นรูปโครงเครื่องมาจากวัสดสแตนเลส สตีล ซึ่งโครงสแตนเลสที่ว่าจะทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า โทรศัพท์จะมีความแข็งแรงมากพอแม้วัสดุด้านนอกจะทำมาจากกระจก

ตัวเครื่องมีความเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียว ด้วยกล้องสองตัวด้านหลังแทบจะไม่มีการยื่นออกมาจากฝาหลังเครื่องเลย

ขอบจอด้านข้างเล็กและบางจนเกือบจะไร้ขอบจอ แต่ยังคงพื้นที่ด้านบนและด้านล่างของจอเอาไว้ เป็นพื้นที่ตำแหน่งของปุ่มโฮมและใช้เป็นที่สแกนนิ้วอยู่เช่นเดิม ด้านบนตัวเครื่องมีการใส่ IR Sensor และท้ายเครื่องใช้พอร์ต USB type-C เป็นพอร์ตเชื่อมต่อหลัก ขนาบข้างด้วยช่องลำโพงสเตอริโอคู่ซ้ายขวา แต่สิ่งที่หายไปก็คือช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5mm ซึ่งไม่มีแล้วในเครื่อง Mi6

ตัวเครื่องรับการกันน้ำได้ในระดับน้ำกระเซ็นใส่ แต่ไม่ได้มีการระบุออกมาให้ชัดว่าเป็นเครื่องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐานสากลในระดับใด น่าจะเป็นแค่การเคลือบโค๊ดกันน้ำเอาไว้เพียงเท่านั้นครับ

Xiaomi Mi 6 มีตัวเครื่องเป็นสีสันมากมายมาให้เลือก ซึ่งแต่ละสีก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง สีที่โดดเด่นคือเครื่องสีฟ้า,ม่วงที่เราเห็นในใบโฆษณา และยังมีเครื่องที่ผลิตจากวัสดุเซรามิคซึ่งดูน่าสนใจเป็นพิเศษครับ แต่ตัวที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ Xiaomi Mi 6 Silver Edition ซึ่งทาง Xiaomi บอกว่ามันจะมาพร้อมกับความรู้สึกสัมผัสที่แตกต่าง เนื่องจากฝาด้านหลังจะทำจากโลหะสะท้อนแสง แต่แน่นอนมันจะเป็นรุ่นที่มีจำนวนการผลิตแบบจำกัดตามชื่อของมันครับ

ในด้านสเปคเครื่อง Xiaomi Mi 6 จัดเต็มไม่ผิดหวัง เพราะมันมาพร้อมกับ Snapdragon 835 แรงระดับ 2.45GHz พร้อม GPU Adreno 540 นี่คือชิพเซ็ตระดับ 10นาโน ที่มาในรูปแบบของ octa-core หมายความว่าคุณกำลังจะได้สัมผัสความแรงในระดับโลกยุคใหม่

Xiaomi Mi 6 มีแรมมาให้ 6GB หน้าจอแสดงผลขนาด 5.15 นิ้วความละเอียด 1080p FullHD ซึ่งจอแสดงผลของมันเป็นชนิดที่ให้ค่าความสว่างได้สูงสุดถึง 600-nit และลงไปต่ำสุดที่ 1-nit เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือตอนกลางคืน มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องดวงตาเป็นพิเศษ ช่วยให้ดวงตาไม่ได้รับผลกระทบจากหน้าจอโดยเฉพาะในเวลากลางคืน โหมดการอ่านบนอุปกรณ์จะลดแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายออกจากหน้าจอและในขณะเดียวกันจะเก็บแสงจากสีอื่นเอาไว้เพื่อคงความสว่าง

คะแนนผลทดสอบผ่านแอพ Antutu สะเทือนวงการอย่างไม่ต้องสงสัยครับ เมื่อผลสกอร์ของเครื่อง Mi6 ทำตัวเลขคะแนนทะลุไปได้ถึง 184,292 คะแนน นับเป็นคะแนนที่สูงมาก ซึ่งน่าจะเบียดเป็นอันดับหนึ่งกับเครื่อง Galaxy S8 ซึ่งมีเวอร์ชั่นที่ใช้ชุดประมวลผล Snapdragon 835 ตัวเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน

ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อไร้สายในระดับสูง 2 x 2 MU-MIMO Dual Wi-Fi รองรับ 4G+ ในความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 600Mbps และอัพโหลดสูงสุด 100Mbps ทำงานบนแบตเตอรี่ขนาด 3350 mAh 

ในด้านการถ่ายภาพ Xiaomi ก็ได้เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เข้าร่วมขบวนไปกับกลุ่มที่หันมาใช้กล้องถ่ายภาพแบบคู่อีกหนึ่งแบรนด์ Mi6 จะมีกล้องถ่ายภาพสองตัวที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งคู่ แต่จะใช้เลนส์ที่แตกต่างกัน หนึ่งตัวเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ และอีกหนึ่งตัวเป็นเลนส์มุมกว้าง ซึ่งจะไม่ค่อยจะเหมือนกับกล้องคู่ในเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แบรนด์อื่นๆ ซึ่ง Xiaomi อธิบายว่ากล้องของ Mi 6 จะใช้หลักการตั้งค่ากล้องคู่แบบเดียวกับเครื่อง iPhone 7 Plus ที่ให้ผลลัพท์ด้านความชัดลึกของภาพได้ดียิ่งกว่าครับ

นอกจากนี้โทรศัพท์ยังรองรับระบบซูมภาพสองเท่าแบบ lossless ไม่สูญเสียรายละเอียด และจะยังสามารถซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า ซึ่งในเครื่อง Mi 6 จะมีระบบ OIS กันสั่น 4 แกนของเครื่อง Mi 5 ใส่เข้ามาให้อีกด้วยครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Xiaomi MI 6

สุดท้ายสำหรับราคาของเครื่อง Xiaomi MI 6 จะมีแยกออกมาจำหน่ายในหลายรุ่นหลายขนาด

Xiaomi Mi 6 ขนาดแรม 6GB + หน่วยความจำ 64GB ราคาจำหน่าย 2499 Yuan (ประมาณ 12,400 บาท)

แรม 6GB + หน่วยความจำ 128GB ราคาจำหน่าย 2899 Yuan (ประมาณ 14,400 บาท).

รุ่นพิเศษ ceramic edition แรม 6GB + หน่วยความจำ 128GB ราคา 2999 yuan (ประมาณ 14,900 บาท).

เริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีนวันที่ 28 เมษายนเป็นต้นไป

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version