Advertisement
เมื่อวานนี้ Appdisqus ได้รับโอกาสไปเยี่ยมเมืองแสนสุข บางแสน จังหวัดชลบุรีมาครับ เพื่อไปรับฟังโครงการ “สมาร์ทซิตี้” ปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับการดูแลผู้สูงอายุแบบยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางด้าน IT เข้าช่วยเหลือ
เป็นโครงการที่ทางเทศบาลเมืองร่วมมือกับมหาลัยบูรพา และบริษัท เดลล์ คอร์ปเปอร์เรชั่น พร้อมกับ อินเทล คอร์ปเปอร์เรชั่น ซึ่งภายในงานมีการเผยโฉมโครงการต้นแบบที่เป็นสมาร์ทซิตี้แห่งแรกของเมืองไทย และมีการพาไปดูบ้านในโครงการที่ปรับการเป็นอยู่และการดูแลโดยใช้เทคโนโลยียุคใหม่เข้าช่วย เผ้าดูผู้สูงอายุเพื่อความปลอดภัย และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตภายในบ้านให้มากขึ้น
DSC05143
เฟสแรกในโครงการแสนสุข สมาร์ทซิตี้ มีการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้สอดส่องพฤติกรรมของผู้สูงอายุในด้านความปลอดภัย และจะมีการแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติ เช่นมีการล้มอย่างรุนแรง หรือมีการออฟไลน์ของสัญญาณไปเป็นเวลานาน ทางทีมที่ดูแลก็จะแจ้งเข้ามายังญาติที่ติดต่อได้ หรือเข้ามาดูแลผู้สูงอายุถึงหน้าบ้านเลยครับ
ซึ่งการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ว่าทั้งหมดนั้น ใช้การตรวจจับผ่านเซนเซอร์ของอุปกรณ์สวมใส่ที่ทางโครงการมอบให้แก่ผู้สูงอายุในบ้านที่ร่วมโครงการ เป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่สามารถใส่เป็นสายข้อมือหรือสายห้อยคอได้ เชื่อมต่อผ่านสัญญาณไร้สายเข้ากับเกตเวย์ทีทางเดลล์เป็นผู้วางระบบ ส่งตรงข้อมูลไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ของทางศูนย์ที่เฝ้าดูแลอยู่นั้นเองครับ
DSC05160
ซึ่งเหตุผลที่โครงการสมาร์ทซิตี้เลือกมุ่งเน้นไปในด้านการช่วยเหลือผู้สูงอายุเป็นลำดับแรกนั้นเพราะ ในตำบลเทศบาลเมืองแสนสุข ปัจจุปันมีประชากรที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุมากถึง 15% ของประชากรทั้งหมด หรือนับเป็นจำนวนประมาณ 6,000 คน ที่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องดูแลตัวเองและใช้ชีวิตเพียงลำพังภายในบ้านยามเวลากลางวัน จึงเป็นกลุ่มที่เหมาะจะนำมาเป็นโครงการตัวอย่าง เพราะเกิดประโยชน์ที่เห็นผลได้ชัดเจนต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
จากการพัฒนามาต่อเนื่อง ตอนนี้ทั้งหมดเริ่มต้นแล้วใน 30 หลังคาเรือน และภายในสามปีจะขยายเพิ่มจนครบ 150 หลังคาเรือนตามเป้าหมาย ซึ่งเทศบาลแสนสุขต้องการให้เมืองบางแสนเมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ของเมืองไทยกลายเป็นเมืองที่ปลอดภัยและทันสมัย โดยจะมีโครงการสมาร์ทอีกมากมายตามมาอีกในอนาคตครับ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เป็นการนำอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีอยู่ เข้ามาประกอบกันเป็นชุดพร้อมใช้ ซึ่งจะง่ายกว่าสำหรับการให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงการใช้งาน และด้วยการจับมือกันของพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่มีศักยภาพในการผลักดันทั้งในภาคปฏิบัติ งบประมาณ และข้อกำหนดกฏหมาย จึงเกิดขึ้นจริงแล้วในประเทศไทย สมาร์ทซิตี้ แห่งแรก ที่เมืองแสนสุข บางแสน ชลบุรี

ตำบลแสนสุข นำร่อง สมาร์ท ซิตี้ ลีฟวิ่ง จับมือเดลล์ และอินเทล

Advertisement

เปิดตัวโครงการแรกของประเทศ ดูแลสุขภาพด้วย อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์

 

  • แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ นำอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) มาใช้ในโครงการนำร่องร่วมกับเดลล์ อินเทล และศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ นำระบบอัจฉริยะมาติดตามดูแลคนไข้สูงอายุ
  • ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินกับคนไข้ อุปกรณ์สวมใส่ จะแจ้งเตือนไปยังบริการพยาบาลทันที
  • การพิสูจน์แนวคิด พัฒนาเพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของโครงการนำร่อง และวางรากฐานสำหรับการนำแอพพลิเคชันอัจฉริยะอื่นๆ รวมถึงโครงการสมาร์ทซิตี้ขนาดใหญ่มาใช้ต่อไป

Saensuk Smart City 2

ตำบลแสนสุข ประเทศไทย 26 กรกฏาคม 2559 – แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการของเทศบาลตำบลแสนสุข ในประเทศไทย และกลายเป็นสมาร์ท ซิตี้ แห่งแรกในประเทศ เผยโฉมโครงการต้นแบบของจริงที่ได้มีการพิสูจน์แนวคิดหลากหลายรูปแบบว่าสามารถนำไปต่อยอดการใช้แอพพลิเคชันอัจฉริยะที่มีนวัตกรรมและเชื่อถือได้จริง สำหรับการดำเนินโครงการในระยะแรกก็คือ การติดตั้งระบบอัจฉริยะเพื่อการติดตามดูแลสุขภาพ โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงคุณภาพการดูแลประชากรสูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ โดยโครงการนำร่องนี้เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยี ได้แก่ เดลล์ อินเทล และศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้โครงการดูแลสุขภาพด้วยระบบอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท เฮลธ์แคร์นี้ นับเป็นโครงการแรกที่มีการติดตั้งใช้งานจริงในประเทศไทย

ความริเริ่มของโครงการ แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เปิดตัวขึ้นในปี 2557 และเป็นโครงการนำร่องที่ใช้เวลา 3 ปี จัดทำโดยเทศบาลตำบลแสนสุข เพื่อนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความเป็นระบบอัจฉริยะแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว จากจำนวนประชากร 46,000 คนตามที่ระบุในทะเบียนผู้พักอาศัยในชุมชนแห่งนี้ 15% ของประชากรจำนวนดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานรัฐบาลในท้องที่ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สูงอายุเหล่านี้มักจะอยู่บ้านคนเดียวในช่วงระหว่างวัน โดยมีผู้ดูแลน้อยหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพยาบาลอยู่น้อย  โครงการนำร่องนี้ จึงเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2559 และมุ่งเป้าไปที่ 140 ครัวเรือนที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นที่การตรวจตราดูแลคนไข้พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้รัฐบาลจัดสรรทรัพยากรในการพยาบาลและดำเนินการเรื่องการบริการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  เรื่องนี้สำเร็จได้ด้วยแอพพลิเคชัน IoT ที่ช่วยด้านการตรวจดูสุขภาพ ให้การแจ้งเตือนฉุกเฉิน ตรวจจับสภาพแวดล้อม สอดส่องที่พักอาศัยและติดตามดูแลเพื่อความปลอดภัย

“แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ นำเทคโนโลยีล้ำหน้ามาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พักอาศัยดีขึ้น และช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น  เราจึงเลือกทำงานกับเดลล์ และอินเทล ในช่วงเริ่มต้นที่เป็นระยะสำคัญในการพิสูจน์

แนวคิด (proofs-of-concept) เนื่องจากทั้งสององค์กร เป็นผู้ที่มีผลงานด้านสมาร์ท ซิตี้ และเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยได้เคยสร้างโครงการ IoT ขนาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกมาแล้วหลายโครงการ  และเรารู้สึกยินดีที่ได้จัดทำโครงการในระยะแรกขึ้น พร้อมกับมั่นใจว่าโครงการในระยะถัดมาก็จะส่งผลลัพธ์ที่มีคุณค่าอย่างมากกับเมืองเราเช่นกัน” ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าว

Saensuk Smart City 1

ผศ. อภิเนตร อูนากูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นความริเริ่มของหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจโดยมีหน้าที่ให้การสนับสนุนภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรหลายรายนี้ ไม่ใช่แค่การร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ หากยังเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยต้องก้าวสู่วิสัยทัศน์ในการพัฒนาสู่ความเป็นประเทศดิจิทัล (Digital Thailand)  สำหรับแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ การสนับสนุนด้านเทคนิคจากเดลล์ และ อินเทล ช่วยให้การติดตั้งแพลตฟอร์มที่เป็นต้นแบบสำหรับสมาร์ท ซิตี้ ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การนำ IoT ที่ล้ำหน้ามาใช้ได้มากขึ้น ครอบคลุมหลากหลายแง่มุมของการใช้ชีวิตสำหรับทั้งผู้พักอาศัยในชุมชนและนักท่องเที่ยว  สิ่งนี้นับเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญต่อไปในการบรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสมาร์ท เนชั่น หรือประเทศอัจฉริยะในที่สุด” ทั้งนี้ ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือ ICIC ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานชั้นนำอื่นๆ ในการติดตั้งโครงการดังกล่าว ได้แก่ สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA – Thai Embedded Systems Association) มหาวิทยาลัยบูรพา BAESLab และ กสท โทรคมนาคม

ระบบดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะ (Smart Healthcare) สำหรับผู้สูงอายุ

โดยปกติ พยาบาลในเขตเทศบาล จะไปเยี่ยมผู้พักอาศัยที่เป็นผู้สูงอายุอยู่เป็นประจำเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อผูกพันในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พยาบาลก็ยังคงไม่สามารถดำเนินการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมในระหว่างเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากพยาบาลไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเมื่อไหร่ หรือต้องดูแลทางการแพทย์ต่อด้วยวิธีใด  ปัจจุบัน โครงการนำร่องนี้ ช่วยให้พยาบาลสามารถดูแลสอดส่องสุขภาพของคนไข้สูงอายุได้จากระยะไกลผ่านระบบคลาวด์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการเชื่อมต่อบลูทูธ

แพลตฟอร์ม IoT ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน ให้การเชื่อมต่อแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ที่ปลอดภัยตั้งแต่เกตเวย์ตลอดจนอุปกรณ์และดาต้าเซ็นเตอร์  โดยโซลูชันจะช่วยให้ติดตั้งใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้นและให้ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีขึ้น  ในช่วงระยะแรกของโครงการนำร่องนี้ ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุจะสวมใส่อุปกรณ์อัจฉริยะขนาดเล็กที่รับส่งสัญญาณบลูทูธได้ เช่นกำไลสวมข้อมือหรือสร้อยคอ โดยอุปกรณ์อัจฉริยะนี้ จะทำการสอดส่องจำนวนก้าว การเคลื่อนไหว ระยะทางในการเดิน และรูปแบบการนอนหลับ อีกทั้งสามารถแจ้งเตือนมายังผู้ดูแลในศูนย์ดูแลสุขภาพ เมื่อระบบตรวจจับกิจกรรมที่ไม่ปกติ เช่น การลื่นหกล้ม หรือมีการกดปุ่มฉุกเฉินขึ้น

ระบบเกตเวย์อัจฉริยะจากเดลล์ ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน จะทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ที่อุปกรณ์อัจฉริยะทำการบันทึกเก็บไว้ทุกวัน โดยจะมีการติดตั้ง Dell IoT Gateway ไว้ที่บ้านพักของผู้ป่วย พร้อมกับติดตั้ง Dell Edge Gateway 5000 Series ในรุ่นสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม ไว้ที่สถานพยาบาลด้วยเช่นกัน  เพื่อช่วยในการส่งข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและมีความถูกต้องแม่นยำ ไปยังไพรเวทคลาวด์ของเดลล์ และส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของ

 

สถานพยาบาลในเขตเทศบาล ที่ซึ่งมีการแสดงข้อมูลอัพเดททั้งเมืองในแบบเรียลไทม์ พร้อมจัดเก็บข้อมูลไว้บนระบบ Converged System ของ Dell PowerEdge VRTX

“การเข้าถึงประวัติการรักษาของคนไข้ และข้อมูลเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์สามารถระบุความจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะและแยกแยะวิธีการตอบสนองที่จำเป็นสำหรับกรณีการรักษาฉุกเฉิน โดยช่วยให้บริการพยาบาลในท้องที่ สามารถตอบโจทย์ท้าทายเรื่องบุคลากรด้านการดูแลที่มีอยู่จำกัด ขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านการสนับสนุนที่เหมาะสมได้เร็วขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน” เออร์วิน เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไป เดลล์ โออีเอ็ม โซลูชัน ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคใต้ กล่าว

พลังประสาน จากโครงการนำร่อง

หลังจากที่โครงการนำร่องเสร็จสิ้น ก็จะสามารถนำโซลูชันไปใช้กับแอพพลิเคชันสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ ต่อได้ เช่นกิจกรรมในการบำรุงรักษาและปรับปรุงด้านความปลอดภัยในที่สาธารณะ และท้ายที่สุดก็จะทำให้แสนสุขกลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จากโครงการ IoT เพื่อการดูแลสุขภาพ จะถูกเก็บไว้ใช้สำหรับโปรแกรมอื่นๆ ของแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เช่นระบบสารสนเทศสำหรับนักท่องเที่ยวบนโมบายแอพฯ ซึ่งจะแจ้งเตือนการจัดงาน บริการต่างๆ รวมถึงข้อมูลอื่นที่น่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยว

“โครงการนำร่องนี้ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของผู้ที่พักอาศัยในชุมชมได้อย่างกลมกลืน ให้ประโยชน์แก่ทั้งเมืองและชุมชน สถาปัตยกรรมโซลูชันที่เสร็จสมบูรณ์ของโครงการนี้ จะกลายเป็นต้นแบบในอุดมคติสำหรับโปรแกรมสมาร์ท ซิตี้อื่นๆ ไม่ใช่แค่ แสนสุข แต่รวมถึงสมาร์ท ซิตี้ ในประเทศไทย และทั่วโลก” นายณรงค์ชัย กล่าว

“ขั้นตอนเริ่มต้นเหล่านี้ ที่มุ่งสู่การดูแลสุขภาพใน แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการวางกลยุทธ์ไปข้างหน้า โดยโครงการนี้เป็นกรณีการใช้งานจริงที่พลิกโฉมการนำเสนอประโยชน์ใหม่อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน เช่น คลาวด์ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ เป็นส่วนใหญ่ในการติดตั้งเพื่อใช้งานโครงการ  เรามีความยินดีที่ได้ร่วมนำเสนอความเชี่ยวชาญของเราจากการดำเนินโครงการสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ มาแล้วทั่วโลก รวมถึงความเชี่ยวชาญจากการทำงานให้กับสถาบันดูแลสุขภาพมากมาย” ธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าว

สนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อินเทล รู้สึกเป็นเกียรติ์ทีได้รับโอกาสร่วมทำงานกับเทศบาลตำบลแสนสุข ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ และ เดลล์ ในการช่วยให้แสนสุข เข้าใจถึงโครงการดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะเป็นโครงการแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนโฉมไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ  ความร่วมมือในครั้งนี้สร้างโมเดลใหม่สำหรับการนำโซลูชันแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์  มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตรงต่อความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง โครงการนำร่อง แสนสุข นี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย และเราก็หวังถึงความสำเร็จที่มากยิ่งขึ้นในการนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้เพื่อเสริมแกร่งวิสัยทัศน์สู่ดิจิทัล ไทยแลนด์”

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version