Advertisement

Xiaomi 12T และ 12T Pro สเปคสุดจัด ชาร์จไว 120W ชิปเซ็ต Snapdragon 8+ Gen 1 และกล้อง 200ล้านพิกเซล!

94% เจิดจรัส

Xiaomi 12T และ 12T Pro สเปคแรง ประสิทธิภาพสูงทั้งสองรุ่นครับ เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป คุ้มมากกับสมาร์ทโฟนที่ได้มา เทคโนโลยีที่ดีที่สุดอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้หลายประการเลยครับ เช่นระบบชาร์จไว 120W ที่สามารถชาร์จแบต 5,000mAh ได้เต็มใน 19นาที ไม่มีอะไรที่ทันใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว หน้าจอคุณภาพสูงกับรีเฟรชเรทระดับ 120Hz ภาพสวยเสียงดังชัด ให้ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos ฟังเพลงดูหนังจบในตัวไม่ต้องต่อเพิ่ม

จุดเด่น
  1. ประสิทธิภาพสูง เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มเรือธงที่คุ้มกับราคาจำหน่ายมาก
  2. ระบบชาร์จไว 120W HyperCharge ชาร์จแบตขนาด 5,000mAh ได้เต็มในเวลา 19นาที
  3. ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos เสียงดังชัด มีมิติ
  4. หน้าจอ CrystalRes AMOLED 120Hz รีเฟรชเรทสูง สีสันตรง ความคมชัดระดับ 2712 x 1220 พิกเซล 446ppi
  5. กล้องถ่ายภาพมีคุณภาพสูง และมีความละเอียดสูงมาก ทั้งตัว 108ล้านพิกเซล และตัว Pro ที่มากับกล้อง 200ล้านพิกเซล
ต้องปรับปรุง
  1. ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  2. ตัวเครื่องรวมชุดกล้องหลัง มีความหนาเล็กน้อย
  • ประสิทธิภาพ 90 %
  • วัสดุและการประกอบ 90 %
  • กล้องถ่ายรูป 90 %
  • ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน 100 %
  • ความคุ้มค่าต่อราคา 100 %

Xiaomi 12T และ 12T Pro สองสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของเรือธงของเรือธง ใส่ความแรงความพร้อมของยุคสมัยมาในทุกด้าน หน้ากระดานสเปคของสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้ แค่เห็นก็ต้องบอกว่าสุดจัด!

ระบบกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล ระบบชาร์จไว 120W HyperCharge และชิปเซ็ตระดับเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร Snapdragon 8+ Gen 1 และลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมหน้าจอ CrystalRes AMOLED 120Hz สมาร์ทโฟสายสเปคแรงที่ไม่ยอมให้อะไรค้างคาใจ ไปกันให้สุดกับ Xiaomi 12T Series ซึ่งมีการเปิดตัวพร้อมจำหน่ายในไทยด้วยกันสองรุ่น นั้นคือ Xiaomi 12T และ 12T Pro ซึ่งในรีวิวนี้จะพามารู้จักกับสมาร์ทโฟนทั้งสองตัวเลือกนี้กันครับ

*** (ตัวอักษรสีส้ม คือความแตกต่างของรุ่น Xiaomi 12T และ 12T Pro)

Advertisement

ตัวเครื่องภายนอก

Xiaomi 12T และ 12T Pro ทั้งสองสมาร์ทโฟนที่ผมได้มาเป็นเครื่องสีดำทั้งคู่ ใช้ชื่อสีเรียบง่ายไม่มีอะไรต่อเติมว่า “Black” โดยในเมืองไทยจะมีเข้าจำหน่ายทั้งหมดสามสีครับ Black, Silver และ Blue

งานออกแบบก็เรียบง่ายสไตล์ Xiaomi ที่นิยมใช้ในช่วงหลังๆ โดยตัวเครื่องจะเป็นฝาหลังโค้งเพื่อให้เข้ารูปมือ เพราะตัวเครื่องมีความหนาเล็กน้อย 8.6มม. น้ำหนักสำหรับรุ่น 12T จะอยู่ที่ 202 กรัม และ สำหรับรุ่น 12T Pro 209 กรัม ตัวเครื่องรวมชุดกล้องหลังที่ยื่นออกมามีความหนาและตัวหนักสักหน่อยครับ

และบนตัวเครื่องของทั้งสองก็จะไม่มีรูหูฟัง 3.5mm. ใช้การเชื่อมต่อหูฟังผ่านพอร์ต Type C หรือเชื่อมต่อกับสัญญาณบลูทูธเป็นหลักครับ แต่ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งพอร์ท IR อินฟราเรดมาให้ใช้งานเป็นรีโมทได้ในตัวเช่นเดิม

ผิวสัมผัสเย็นคล้ายโลหะแต่จริงๆ เป็นผิวกระจกขัดแบบ Anti-glare glass ละมุนสบายมือและไม่เกิดรอยนิ้วมือหรือคราบมันในการใช้งาน

ตัวเครื่องภายนอกของทั้งสองรุ่นจะใช้การออกแบบที่แทบจะเหมือนกันทุกประการ ความแตกต่างคือการติดตั้งกล้องหลังความละเอียดสูงที่ให้มาต่างกันของทั้งสองรุ่นครับ โดยตัว Xiaomi 12T จะมากับกล้องหลัก Samsung ISOCELL HM6 ที่มีความละเอียดสูงถึง 108ล้านพิกเซล พร้อมกันสั่น OIS ส่วน Xiaomi 12T Pro จะมาพร้อมกับเซนเซอร์กล้องใหม่ล่าสุด Samsung ISOCELL HP1 ที่มีความละเอียดสูงถึง 200ล้านพิกเซลเลยทีเดียวครับ มีกันสั่น OIS และเป็นเซนเซอร์กล้องสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดสูงที่สุดในปัจจุบัน

การออกแบบของเครื่องทั้งสองรุ่นมีความคล้ายกันมากครับ แตกต่างกันเพียงโมดูลกล้องที่จะมีชั้นเลเยอร์ที่ต่างกัน และการสกรีนลายกำกับความละเอียดของกล้องหลังเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นกล้อง 200MP และ 108MP ที่เหลือแทบจะเหมือนกันทุกประการ โดยกล้องตัวที่สองและสามจะใช้เซนเซอร์ชุดเดียวกันนั้นคือ เลนส์มุมกว้าง ultra-wide angle  ความละเอียด 8ล้านพิกเซล และเลนส์ถ่ายระยะใกล้ Macro ความละเอียด 2ล้านพิกเซล

รองรับสองซิมการ์ด เชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งสองสล็อต ไม่รองรับการใส่ Micro SD Card เพิ่มเติม

ให้หน้าจอแสดงผลคุณภาพสูงมาด้วย เป็นจอ CrystalRes AMOLED สีสันสวย โดยจอนี้ของ Xiaomi จะไม่ปรับจูนสีมาให้จัดมากนักจึงให้ค่าของสีสันค่อนข้างตรงครับ JNCD≈0.28, Delta E≈0.38  ขนาดจอใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียดสูงมาก 2712 x 1220 พิกเซล ให้ค่า ppi 446 คมชัดครับ แสงสว่างดี Contrast ratio: 50000000:1 และมีรีเฟรชเรทที่สูงด้วยครับ 120Hz

หน้าจอของสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้จะรองรับการแสกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง สแกนได้แม่นและไวครับ และรองรับการสแกนใบหน้าด้วยกล้องหน้าเข้าใช้งานได้เช่นกัน ใช้กระจกจอแบบ Corning Gorilla Glass 5 ขอบจอเล็ก ติดตั้งกล้องหน้าไว้ด้านบน 20 ล้านพิกเซล  รองรับระบบแสดงผลแบบ HDR10+ และสำหรับรุ่น Pro จะรองรับการแสดงภาพแบบ Dolby Vision ด้วยครับ เวลารับชมคลิปก็จะสามารถเปิดใช้งานในระบบ HDR ได้ ทั้งใน Youtube และบน Netflix

ลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังมาก รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งคุณภาพของเสียงลำโพงสามารถรับฟังเพลงหรือรับชมภาพยนตร์ได้โดยไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มอีกแล้วครับ ทิศทางเสียงดีและมีเนื้อเสียง

โดยในรุ่น Xiaomi 12T Pro จะได้รับการปรับแต่งจูนเสียงมาจาก Harman Kardon เป็นพิเศษด้วยครับ  ฉะนั้นบริเวณขอบเครื่องด้านบนของ Xiaomi 12T Pro เราจึงเห็นการสกรีนโลโก้ Harman Kardon กำกับเอาไว้เล็กๆ ครับ

แบตเตอรี่ภายในขนาด 5,000mAh พร้อมรองรับการชาร์จไวที่มีความไวในระดับมหากาฬ 120W HyperCharge เป็นระบบชาร์จที่เร็วที่สุดจาก Xiaomi จากที่ทดสอบลองชาร์จแบตเตอรี่ที่เกือบหมด ให้กลับมาเต็ม 100% มันใช้เวลาแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นเองครับ ไม่ว่าแบตคุณจะหมดเกลี้ยงเพียงใด ก็สามารถกลับมาเต็มได้ในเวลาไม่ถึง 20นาทีแน่นอน

ระบบภายในมีการใส่ Xiaomi AdaptiveCharge ที่จะคอยดูแลตัวแบตเตอรี่และควบคุมการชาร์จพลังงานให้ปลอดภัย ซึ่งในกรณีที่ตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ที่เหลือน้อยมากๆ เราจะสามารถปลดล็อคฟังก์ชั่นการเร่งความเร็วในการชาร์จไวสูงสุดได้ทันทีครับ แต่ตัวเครื่องอาจจะมีความร้อนให้รู้สึกมากขึ้นเล็กน้อย ยังไงก็ตามยังคงอยู่ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยให้เช่นเดิม

ซึ่งเจ้าระบบการเร่งความไวในการชาร์จตัวนี้ เราสามารถเข้าไปตั้งกำหนดระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการจะเปิดฟังก์ชั่นนี้เอาไว้ได้ล่วงหน้า หรือจะเข้าไปเปิดเองได้ตามต้องการในการตั้งค่าหัวข้อ “แบตเตอรี่” ก็ได้เช่นกันครับ

โดยตัวชาร์จ 120W HyperCharge ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่แถมมาให้ภายในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่มครับ จะมาพร้อมเคสซิลิโคน และสายดาต้า USB Type C พอร์ทสีส้มของ Xiaomi แต่สมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้จะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้นะ

คลิปแกะกล่อง Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro พามาดูมีอะไรมาให้บ้างภายในกล่องขาย

เปิดกล่อง Xiaomi 12T | 12T Pro มือถือกล้อง 200ล้าน!!! สเปคสุดจัด แกะกล่องของขายไทย!

การใช้งานภายใน

Xiaomi 12T และ 12T Pro เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มากับหน่วยประมวลตัวแรงที่สุดของวันนี้จากค่ายชิปเซ็ตใหญ่ของทั้งสองค่ายเป็นตัวเลือกครับ

Xiaomi 12T จะใช้ชิปเซ็ตเทคโนโลยี 5 นาโนจาก MediaTek Dimensity 8100-Ultra ให้แรมขนาด 8GB  เพิ่มขยายแรมใช้งานได้จากหน่วยความจำภายในอีก 3GB และให้หน่วยความจำภายในมาขนาด 256GB ชนิด UFS 3.1

รองรับ 5G: NSA + SA Bands: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n66/n77/n78 4G: LTE TDD: B38/40/41 และสัญญาณ Bluetooth 5.3 รองรับ WiFi 6 จับความเร็วสัญญาณที่ระดับ 1200Mbps

ตามสเปคก็นับเป็นชุดประมวลผลตัวท็อปคลาสในวันนี้ได้ครับ การเล่นเกมต่างๆ ในระดับ 120Hz ไหลลื่น 100% ครับ เฟรมเรทนิ่ง และยังทำงานได้ดีในระบบมัลติวินโดว์

และสำหรับ Xiaomi 12T Pro จะใช้ชิปเซ็ตค่ายนิยมอีกหนึ่งค่ายใหญ่ นั้นคือ Qualcomm  Snapdragon 8+ Gen 1 ที่ถือว่าเป็นชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในวันนี้ของสมาร์ทโฟน Android และให้  RAM LPDDR5 มาขนาดใหญ่ถึง 12GB (ขยายได้อีก 3GB) และหน่วยความจำภายใน UFS 3.0 ขนาด 256GB ซึ่งเป็นชุดประมวลผลระดับท็อปทั้งชุด

รองรับ 5G: NSA + SA Bands: n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n40/n41/n66/n77/n75/n78 4G: LTE TDD: B38/39/40/41/42/48 และสัญญาณ Bluetooth 5.2 รองรับ WiFi 6 จับความเร็วสัญญาณที่ระดับ 2400Mbps

การเล่นเกมกราฟิกระดับสูงสบายเลยครับ ลื่นไหลมากๆ ใครชอบสเปคเครื่องไว้เล่นเกมแบบจบ สุดในรุ่น จะบอกว่า 12T Pro ทำให้เราได้สบายๆ ครับ เข้าออกแอพไว การตอบสนองติดนิ้ว ทำงานต่างๆ ได้ดั่งใจครับ เปิดสองเกมเล่นพร้อมกันยังลื่นๆ เลยครับ

Xiaomi 12T และ 12T Pro ความไหลลื่นในการใช้งานผมให้อยู่ในเกรด 100% ของสมาร์ทโฟนระบบ Android ทั้งคู่ได้แล้วครับ ครบและจบในตัว เพราะนอกจากความแรงแล้ว ก็ให้หน้าจอใหญ่ ภาพสวย เทคโนโลยีการแสดงผลดี และมีลำโพงเสียงคู่เสียงดังชัดเจน งานความบันเทิงหายห่วงครับ

ระบบภาพที่สามารถปรับรีเฟรชเรทได้เองแบบไดนามิคตามคอนเทนต์ใช้งาน เราสามารถกำหนดรีเฟรชเรทเองได้แต่ให้ AI คอยควบคุมดูแลจะประหยัดพลังงานได้มากกว่าครับ

ระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มอรรถรสในการรับฟังและรับชมภาพยนตร์หรือการเล่นเกมได้ถูกใจมากขึ้น ปรับแต่งเสียงได้เยอะจากพรีเซ็ตที่ระบบมีมาให้เบื้องต้นครับ และระบบปรับแต่งเสียงเพื่อให้เข้ากับหูฟังเฉพาะรุ่นถ้าใช้งานร่วมกับหูฟัง Xiaomi ครับ

ความแตกต่างในด้านระบบภาพและเสียงของตัว Xiaomi 12T และ 12T Pro ก็จะมีอยู่นะครับ ซึ่งเราจะเห็นได้จากในการตั้งค่าภายในเครื่อง ผมจะพามาดูความสามารถในการจัดการด้านภาพและเสียงที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน Xiaomi 12T Pro ที่น่าสนใจ นั้นคือ

“เครื่องมือภาพ AI” จะมีอยู่ใน Xiaomi 12T Pro โดยจะเป็นการจัดการใน 4 ส่วนสำคัญของการแสดงผล

  • อัปสเกลความละเอียดของวีดีโอ ในกรณีที่เล่นวีดีโอซึ่งมีความละเอียดของภาพต่ำเกินไป ตัว AI จะทำการชดเชยด้วยการเสริมพิกเซลเพื่อการเกลี่ยภาพให้ดูมีความคมชัดมากขึ้น
  • ปรับปรุงความสวยงามของการแสดงภาพ โดย AI จะตรวจจับเพื่อระบุสิ่งที่อยู่ในภาพ และปรับการแสดงผลให้เหมาะสมได้แบบไดนามิค
  • การปรับปรุง AI HDR เสริมความสามารถของ HDR เข้าไปเพื่อให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้นในส่วนภาพที่มืดหรือสว่างมากเกินไป
  • ฟังก์ชั่น MEMC เป็นความสามารถที่มักจะอยู่ในสมาร์ททีวี เป็นการใช้ AI เข้ามาเพิ่มเฟรมเรทให้กับภาพเคลื่อนไหว เพื่อให้ภาพมีความสมูธตาและดูลื่นไหลมากขึ้นแม้จะเป็นเนื้อหาที่มีเฟรมเรทต่ำก็ตามครับ

“เสียงสมจริงเสมือน” ก็จะเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Xiaomi 12T Pro จะเป็นการช่วยเพิ่มมิติของเสียงให้กับการใช้งานหูฟัง เป็นเหมือนการจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง เสียงจะมีความลึกมากขึ้นทั้งในการใช้งานเพลงและวีดีโอ

จากการทดสอบใช้งาน แม้ตัว 12T Pro จะมีความละเอียดในฟังก์ชั่นเชิงลึกที่มากกว่า แต่ทั้ง Xiaomi 12T และ 12T Pro ให้ประสิทธิภาพสูงทั้งคู่ครับ ทั้งในด้านการแสดงผล ระบบเสียง การเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งในบ้านและนอกบ้าน รวมถึงการประมวลผลที่เร็วแรงทันใจของทั้งคู่ คู่นี้ใช้งานแล้วรู้สึกคล่องตัวมากครับ แบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh อยู่กับเราได้ข้ามวันครับในการใช้งานทั่วไป หรือถ้าเปิดหน้าจอใช้งานต่อเนื่องก็จะกินพลังงานประมาณชั่วโมงละ 12%

ส่วนระบบชาร์จไม่ต้องพูดถึง ทั้งสองรุ่นมากับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge แค่เสียบไฟแล้วเข้าห้องน้ำ ออกมาแบตเตอรี่ก็กลับมาเต็ม 100% แล้วครับ มันใช้เวลาไม่ถึง 19 นาทีเท่านั้นเอง มาพร้อมระบบการดูแลแบตเตอรี่ยังมีโหมดถนอมตัวแบตเพื่อยืดอายุการใช้งานออกไปให้เราได้ด้วยนะครับ โดยระบบจะทำการชาร์จและพักไฟไว้ที่ประมาณ 80% ค่อยชาร์จต่อจนเต็มก่อนถึงเวลาเช้า ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยรักษาสภาพของตัวเซลล์แบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานครับ ไม่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

โหมดการประหยัดพลังงานแบบอัลตร้า ที่จะลดการทำงานที่กินพลังงานลงไป เช่นการเชื่อมต่อ 5G หรือการทำงานของระบบเบื้องหลัง เพื่อให้ตัวเครื่องใช้พลังงานในการสแตนด์บายได้น้อยที่สุด ผลจากโหมดประหยัดพลังงานอัลตร้า จะทำให้สมาร์ทโฟนของเราสามารถสแตนด์บายได้นานมากขึ้นกว่าปกติสามเท่าตัวเลยครับ

กล้องถ่ายภาพ

ฟังก์ชั่นกล้องของ Xiaomi 12T และ 12T Pro จะมีเหมือนๆ กันครับ รองรับการถ่ายภาพมาโครระยะใกล้ โหมดถ่ายภาพบุคคลละลายหลัง และโหมดถ่ายภาพกลางคืนมีครบครับ รองรับการถ่ายภาพโหมดมุมกว้างไปจนถึงซูมภาพแบบดิจิทัลที่ 10X

โหมดพิเศษสำหรับสายวีดีโอหรือ VLOG ใส่มาเพียบ ทั้งโหมดถ่ายวีอีโอสั้น โหมดภาพยนตร์ ลูกเล่นพิเศษที่เหมือนเทคนิคจากภาพยนตร์ มาให้ใช้งานด้วยซอฟท์แวร์ของกล้อง 12T Series ครับ มีระบบกันสั่นสุดยอดมากครับ ทั้งในภาพนิ่งและการถ่ายวีดีโอ รองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชั่นภาพยนตร์ เพื่อถ่ายวีดีโอในสัดส่วน Wide Screen ได้ด้วยครับ

ตัวกล้องมี OIS ช่วยลดการสั่นไหวในขณะถือเครื่องถ่ายรูป ทันทีที่เราเริ่มโฟกัส หรือซูมภาพ ตัวระบบกันสั่นจะทำงานให้เรารู้สึกได้ทันทีครับ มันจะคอยประคองเฟรมภาพ หยุดการสั่นไหวและรักษาแกนภาพให้เราถ่ายภาพได้คมชัดง่ายขึ้นมาก แม้เราจะถือเครื่องใช้งานมือเดียวก็ตามครับ โดยจากที่ทดสอบความสามารถในการซูมของตัว Xiaomi 12T ในระยะ 2X ภาพยังคมมีรายละเอียดที่ดีครบ ส่วนตัว Xiaomi 12 Pro ด้วยเพราะเซนเซอร์ที่ใหม่กว่า และรองรับระบบ 2x in-sensor zoom ทำให้การซูมภาพไปไกลเกิน 2X ยังคุมคุณภาพได้อยู่ ซูมระดับ 5X ภาพยังคมใช้ได้อยู่เลยครับ

โหมดการถ่ายภาพส่วนใหญ่จะมีเหมือนๆ กัน แต่จะแตกต่างที่โหมดถ่ายความละเอียดสูงสุดเท่านั้น โดยที่ตัว Xiaomi 12T Pro จะถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด 200ล้านพิกเซล และภาพวีดีโอระดับ 8K 24Fps  ส่วน Xiaomi 12T  จะถ่ายได้ที่ 108 ล้านพิกเซล และภาพวีดีโอที่ 4K 30Fps ครับ

ภาพนิ่งที่ได้จากโหมดความละเอียดสูงถือว่ามีขนาดไฟล์ที่ใหญ่มากๆ โดยภาพ 200ล้านพิกเซลแต่ละภาพ จะมีขนาด 16,384x 12,288พิกเซล ไฟล์ใหญ่ถึงประมาณ 50MB เลยทีเดียว นำมาขยายใช้งานบางส่วนของภาพยังคงคมชัด ด้วยฟังก์ชั่น 200MP เราอาจจะไม่ต้องใช้การซูมหรือโหมดมาโครเลยครับ ถ่ายแล้วเอามาตัดส่วนที่ต้องการก็ได้ภาพระยะใกล้ๆ ได้เช่นกัน

เมื่อเราทำการซูมขยายดู ตัวระบบจะทำการเรียกไฟล์ภาพเต็มขนาดมาให้ใช้งานเพื่อการดูรายละเอียดครับ  ซึ่งข้อดีของภาพขนาดใหญ่ยักษ์ระดับ 108 ล้านพิกเซล หรือใหญ่ขนาด 200ล้านพิกเซล มีเพื่อใช้ในกรณีต้องการนำไปพิมพ์ภาพขนาดใหญ่มากๆ หรือนำไปตัดเลือกภาพบางส่วนในภายหลังโดยยังไม่เสียรายละเอียดครับ

ภาพระดับ 200MP ซูมสุดจอก็ยังเห็นความคมชัดของภาพ นำไปใช้งานต่อได้สบายๆ ครับ

ในตัว Xiaomi 12T Pro เมื่อเราถ่ายภาพด้วยความละเอียด 200ล้านพิกเซลแล้ว ตัวระบบจะสามารถนำภาพไปตัดแบ่งให้ในสัดส่วนใหม่ได้ด้วยการคลิ๊กครังเดียวภายในแอพแกลอรี่ครับ เป็นภาพสัดส่วน 1:1, 16:9 หรือ 4:3 แล้วแยกออกเป็นไฟล์ภาพใหม่จัดเก็บให้เราลงเครื่องในทันที

โหมดภ่ายภาพบุคคลละลายฉากหลัง จะรองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวีดีโอเคลื่อนไหวเลยนะครับ ไม่ได้จำกัดแค่ภาพนิ่งเท่านั้น และมาพร้อมกับบิวติ้โหมดปรับแต่งใบหน้า และมีฟิลเตอร์สีสันต่างๆ เราสามารถเลือกระยะชัดลึกทั้งก่อนการถ่ายหรือถ่ายมาแล้วค่อยนำมาปรับระยะชัดลึกชัดตื้นใหม่ได้ รวมถึงระบุจุดโฟกัสได้ภายหลัง หรือการใส่เส้นแสงเอฟเฟ็กต์พิเศษสำหรับเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับภาพ พวกนี้เป็นการปรับแต่งหลังการถ่ายได้หมดครับ

ทดสอบถ่ายคน ไม่ว่าจะแสงธรรมชาติ ถ่ายในอาคารหรือที่แสงน้อยมากๆ ภาพคนก็ยังถือว่าดีอยู่เลยครับ ดูเนียนตาเป็นธรรมชาติ ไม่ตัดขอบจนคมเลอะ ถ่ายในที่แสงน้อยหน้าไม่มืด นอยส์ไม่เยอะจนภาพเสีย กล้องค่อนข้างดีมาก

 

กล้องหน้าทั้งสองรุ่นเป็นกล้องตัวเดียวกัน กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความละเอียดไม่สูงมากนัก แต่ก็รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่บุคคล ละลายฉากหลังพร้อมฟิลเตอร์และการปรับแต่งใบหน้าเนียนมาให้ครับ

มีโหมดพิเศษที่น่าใช้สำหรับการเพิ่มลูกเล่นให้กับการใช้งานกล้อง เช่นโหมดวีดีโอคู่ที่จะใช้กล้องหน้าและกล้องหลังถ่ายวีดีโอไปพร้อมๆ กัน สำหรับการเก็บบรรยากาศสถานที่หรือใช้ในการรีวิวสินค้าได้ครับ

AI ค่อนข้างฉลาดครับ มันสามารถโฟกัสตรวจจับได้ทั้งใบหน้า ลูกตา และแบบตัวบุคคลได้ทั้งตัว จับแม่น ฉะนั้นจึงสามารถนำมาใช้ในโหมดพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Xiaomi นั้นคือการถ่ายภาพและวีดีโอในโหมด “โคลน” การแยกร่างสร้างภาพและวีดีโอเคลื่อนไหวให้ 1 บุคคลสามารถแยกร่างได้เป็นหลายบุคคล ถ่ายอิริยาบทที่แตกต่างกันทำเป็นคอนเทนต์แปลกตา หรือจะถ่ายคลิปคุยกับตัวเองก็ได้ครับ อาศัยที่ตัวกล้องสามารถแยกบุคคลตลอดทั้งลำตัวออกจากฉากหลังได้เด่นชัดนั้นเองครับ

โหมดโคลนมาใช้แล้วแต่การสร้างสรรค์ เป็นฟังก์ชั่นตัวเด่นที่ยังมีอยู่ให้ใน Xiaomi 12T และ 12T Pro ครับ

กล้องของทั้งสองรุ่นอยู่ในเกรดระดับสูงของสมาร์ทโฟนครับ ฟังก์ชั่นเยอะ ความละเอียดสูง มี AI และ HDR คอยช่วยเหลือผู้ถ่าย ทั้งในสภาวะแสงทั้งกลางวันและกลางคืน

สำหรับความแตกต่างของกล้องทั้งสองรุ่นนอกจากความละเอียดที่แตกต่างกันแล้ว ผมรู้สึกว่าสีสันของภาพจากกล้องตัว Xiaomi 12T Pro จะมีความหนักและเข้มของสี ที่ AI จะให้มาเข้มและหนัก ส่วนตัว AI ของ Xiaomi 12T จะมีความสว่างใส ภาพออกแนวไปทางโปร่งตามากกว่าครับ มีเอกลักษณ์กล้องที่แตกต่างกันอยู่นิดหน่อย

ภาพจาก Xiaomi 12T Pro

ภาพ Xiaomi 12T

สรุปท้ายรีวิว

Xiaomi 12T และ 12T Pro สเปคแรง ประสิทธิภาพสูงทั้งสองรุ่นครับ เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป คุ้มมากกับสมาร์ทโฟนที่ได้มา เทคโนโลยีที่ดีที่สุดอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้หลายประการเลยครับ เช่นระบบชาร์จไว 120W ที่สามารถชาร์จแบต 5,000mAh ได้เต็มใน 19นาที ไม่มีอะไรที่ทันใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว หน้าจอคุณภาพสูงกับรีเฟรชเรทระดับ 120Hz ภาพสวยเสียงดังชัด ให้ลำโพงคู่สเตอริโอ Dolby Atmos ฟังเพลงดูหนังจบในตัวไม่ต้องต่อเพิ่ม

กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง ทั้งขนาด 108ล้านพิกเซลแะล 200ล้านพิกเซล ถ่ายก่อนซูมที่หลังหรือจะถ่ายภาพเพื่อไปพิมพ์คลุมตึกก็ยังทำได้ และคุณภาพของกล้องก็ยังดีมากอีกด้วย

แรง เร็ว ครบ ราคาคุ้มครับ

Xiaomi 12T Series มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Silver และ Blue โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ตุลาคม 2565 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

  • Xiaomi 12T Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 25,990 บาท
  • Xiaomi 12T รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท

พิเศษ! สำหรับลูกค้า 1,500 คนแรกที่สั่งซื้อ Xiaomi 12T Series ล่วงหน้าระหว่างวันที่ 8 – 21 ตุลาคม 2565 รับฟรี! นาฬิกาอัจฉริยะ Xiaomi Watch S1 Active มูลค่า 5,490 บาท1

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version