Advertisement

จริงๆ แล้วต้องยอมรับว่าแว๊บแรกสำหรับผม เหล่าเครื่องสมาร์ทโฟนหน้าจอ 18:9 ที่ออกมาติดๆ กันในช่วงประมาณเดือนกันยายน เจ้า Vivo V7+ เป็นตัวที่ผมตื่นเต้นน้อยที่สุดครับ

Advertisement

เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน คุณจะได้เห็นเครื่อง Huawei Nova 2i สมาร์ทโฟนกล้องสี่ตัว หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนแบรนด์ใหม่ Gionee M7 Power พร้อมทั้งเครื่องหน้าจอ 18:9 ราคาประหยัดของทาง Wiko ที่เปิดตัวมาพร้อมกันทีเดียวมากถึง 3 รุ่น ยังไม่นับบรรดารุ่นใหญ่อย่าง Samsung Note 8 ที่ก็เพิ่งเปิดตัวก่อนหน้าไปไม่นานด้วยความจัดเต็ม ก็ค่อนข้างสร้างความจืดชืดในมือถือที่หน้าตามันเหมือนๆ กันไปหมด จากในช่วงเวลาดังกล่าวครับ

แต่เมื่อได้สัมผัสลองใช้เครื่องจริงของ Vivo V7+ ก็ต้องบอกว่า มันไม่เหมือนกับพวกเครื่องเหล่านั้นสักเท่าไหร่ มันให้ความรู้สึกของเกรดสินค้าที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเครื่องหน้าจอ 18:9 ที่ออกมากันเป็นพรวนโดยที่หน้าตา วัสดุ การออกแบบเหมือนมาจากโรงงานเดียวกันหมด เพราะ Vivo V7+ ดีกว่านั้นครับ โดยเฉพาะถ้าเทียบกับคู่แข่งตรงๆ ของมันอย่าง Huawei Nova 2i ก็ต้องบอกว่างานประกอบกับวัสดุมันดูแพงกว่าค่อนข้างชัดเลยครับ แต่ก็ไม่ถึงระดับความพรีเมี่ยมของ Galaxy Note 8 ที่มอบให้

Vivo V7+ ตัววัสดุการออกแบบมันมีความพรีเมี่ยมเฉพาะตัวมากครับ ไม่ต้องวิเคราะห์ให้ลึก เอาแค่ถ้าคุณมีโอกาสได้จับได้ถือตัวเครื่องของมัน เทียบเกรดกับเครื่อง 18:9 ในเครื่องอื่นๆ แล้วก็รู้ได้ในวินาทีแรกที่สัมผัสเลย วัสดุตัวเครื่องมันคนละเกรด มีความหรูกว่า งานพรีเมี่ยม และให้ผิวสัมผัสที่ดีกว่า

Vivo V7+ มาในขนาดหน้าจอที่ถือว่าใหญ่สุดในเครื่องราคาหมื่นต้นๆ ที่ใช้จอสัดส่วน 18:9 ครับ เพราะว่ามาในขนาด 5.99 นิ้ว

รองรับสองซิมการ์ดที่ไม่ใช่สล็อคแบบไฮปริด เพราะว่ามันมีให้มาถึงสามสล็อตครับ สองสล็อตสำหรับซิมการ์ดและหนึ่งสล็อตสำหรับ Micro SD รองรับการสนทนาแบบ VoLTE

อุปกรณ์ภายในกล่องของ Vivo V7+ ก็มีมาให้ครบครับ หูฟัง ที่ชาร์จไฟ สายดาต้า USB ซึ่งยังใช้แบบ Micro USB อยู่ และเคสใสซิิลิโคน ซึ่งด้านหน้าเครื่องมีการติดกระจกกันรอยมาให้แล้วตั้งแต่ในโรงงานครับ

คลิปแกะกล่องเครื่องขายไทยของ Vivo V7+

แกะกล่อง Vivo V7+ เครื่องขายไทย

การใช้งานภายใน

การใช้งานภายในของ Vivo V7+ ค่อนข้างเรียบครับ ไม่ค่อยมีอะไรมานักตามสไตล์เครื่องแบรนด์จีนยุคนิยม เหลือแค่เพียงให้ปรับแต่งหน้าตาด้วยธีมสโตล์

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ถึงความพิเศษของระบบเจ้า Vivo V7+ คือการสแกนนิ้วครับ ปกติยุคสมัยนี้การสแกนนิ้วทำได้เร็วกันทุกเครื่องจนไม่น่าจะเอามาคุยข่มกันแล้วนะครับ แต่กับ Vivo V7+ นี่มันไวจริงๆ ให้ความรู้สึกการสแกนเข้าใช้งานแบบ “มาเลย” มานิ่งๆ เบาๆ จุดนี้ไม่ใช่ความแตกต่างที่เป็นเรื่องใหญ่แต่ผมต้องขอชมเลยว่าไวและรู้สึกว่าเบาเครื่องจริงๆ ครับ สำหรับการสแกนนิ้วเข้าใช้งาน

Vivo V7+ ยังเป็นเครื่องที่มาพร้อมกับการสแกนใบหน้าด้วยนะครับ และไม่ใช่เป็นระบบการสแกนใบหน้าเดิมๆ ของระบบ Android แต่เป็นระบบที่ทาง Vivo พัฒนาเพิ่มเติมใหม่ขึ้นมาเอง โดยยืนยันว่ามันจะปลอดภัยกว่าการสแกนใบหน้าของระบบตามปกติ ที่สามารถหลอกระบบสแกนด้วยภาพถ่ายหรือภาพวีดีโอได้ง่ายๆ

เจ้าระบบการสแกนใบหน้าของ Vivo V7+ จากที่ผมทดสอบมันทำงานได้ไวมากครับ กดปลุกจอ ยกเครื่องขึ้นส่องหน้าก็เข้าใช้งานได้ทันทีเลย และลองหลอกโดนใช้ภาพถ่ายใบหน้าผมมาลองสแกนดูก็ไม่สามารถเข้าใช้งานได้นะครับ แต่ยังไงก็ตามผมยังไม่เคยลองในหลายๆ รูปแบบ ในระดับเจตนาต้องการจะหลอกระบบเครื่องให้ได้นะครับ ด้วยเพราะผมยกให้ความน่าเชื่อถือของระบบสแกนนิ้วน่าจะชัวร์กว่า

ไม่ใช่แค่การสแกนนิ้วนะครับ ที่เป็นเรื่องเล็กๆ ที่มันทำงานให้เราได้แบบโคตรไว แต่เรื่องการเซฟภาพสกรีนช็อตหน้าจอนี่ก็ไวโคตรเช่นกัน กดเซฟปุ๊บมาปั๊บ ระบบมันดูเบาตัวไปหมดจริงๆ ครับ

หน้าโฮมลื่นไหลดี แม้เจ้าตัวนี้จะใช้หน่วยประมวลรุ่นคนกังขาครับ เพราะเป็น Snapdragon ตัวใหม่ แต่เป็นรุ่นเล็ก นั้นคือ Snapdragon 450 ครับ หลายคนเห็นแค่เลข 4 นำหน้าก็คิดว่ามันจะไม่ไหวแล้วครับ

ซึ่งในความเป็นจริง ประสิทธิภาพของมันกลับใช้งานได้แม้จะนำมาเล่นเกมระดับ HD อย่าง Dragon Nest II ได้สบายครับ เล่นได้ปกติแบบไม่หน่วง เกินที่ผมคาดไว้กับ Snapdragon Series 4xx ก่อนการทดสอบใช้มาก

มีสะดุดแลคให้เห็นบ้างตามประสาหน่วยประมวลผลระดับกลาง

ปัญหาคือความน่าสนใจของการกำหนดราคาเครื่อง Vivo V7+ ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ 5.99นิ้ว ความละเอียด HD+  1440×720 พิกเซล หน่วยประมวลผล Snapdragon 450 ทำงานร่วมกับขนาด 4G หน่วยความจำ 64GB แน่นอนแม้ผมจะยืนยันว่ามันไม่ใช่เครื่องที่สเปคแย่ในการใช้งานจริง แต่ก็ไม่ใช่อยู่ในระดับดีที่สุดในราคาหมื่นต้นๆ ที่จะทำให้คนมาสนใจมันในจุดขายด้านนี้ครับ

Vivo V7+ จะมีดีที่การถัวเฉลี่ยความน่าใช้ ด้วยตัวเครื่องภายนอกที่ดูดีกับสเปคภายในที่ดูธรรมดา

ทดสอบหน้าจอขนาด 5.99นิ้ว ความละเอียด HD+ จะบอกว่าไม่คมชัดก็ไม่เชิงนะครับ เพราะถ้าไม่เอาไปเทียบกับเครื่องจอความละเอียดสูงใกล้ๆ จริงๆ จังๆ มันก็ชัดเจนสวยงามเพียงพอต่อการใช้งาน

โดยหน้าจอ 18:9 สามารถกำหนดให้ยืดการแสดงผลของทุกแอพให้เต็มจอได้หมดครับในยการตั้งค่า แต่บางแอพก็จะเป็นการยืดหน้าจอออกแบบผิดสัดส่วนไปเช่นกันนะครับ ฉะนั้นก็เลือกเอาตามความสวยงามและความชอบ

ในเครื่องมีฟังก์ชั่นที่ค่อนข้างเยอะนะครับ ทั้งเก่าทั้งใหม่ Vivo V7+ มีระบบการแบ่งหน้าจอทำงานเป็นสองหน้าต่างได้ด้วยการสไลด์สามนิ้วลงมาได้ (ไม่รองรับทุกแอพ)

มีฟังก์ชั่นโคลนแอพเพื่อใช้งานสองไอดีได้พร้อมกันในเครื่องเดียว (ไม่รองรับทุกแอพ และที่สำคัญไม่รองรับการโคลนแอพ Facebook  แต่รองรับการโคลนแอพ Line)

มีฟังก์ชั่นที่อาศัยเกสเจอร์การวาดนิ้วบนหน้าจอมากมาย เช่นการวาดตัวอักษรเพื่อเปิดแอพที่ตั้งค่าไว้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดจอ หรือการใช้เซ็นเซอร์เพื่อทำงานแบบพิเศษเช่นการเขย่าเครื่องเพื่อเปิดไฟฉายได้เป็นต้น ระบบก็แม่นยำดีครับ

โหมดเกมสำหรับการเล่นเกมได้ไม่ติดขัดหรือโดนขัดจังหวะโดยการแจ้งเตือนหรือการโทรเข้า เราสามารถตั้งค่ากำหนดการแจ้งเตือนหรือการติดต่อเอาไว้ได้ล่วงหน้า

อีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่อง Vivo 7+ คือเป็นเครื่องที่รองรับระบบเสียง Hi-Fi จากชิพ AK4376A ที่อยู่ภายใน อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ชื่อชอบการฟังเพลงแบบใกล้เคียงต้นฉบับจริงผ่านหูฟังมากกว่าปกติ

ส่วนตัวลำโพงของเครื่อง Vivo V7+ นั้น ให้เสียงดังระดับกลางๆ ครับ ไม่เบา ไม่ค่อย เสียงไม่แตก ออกแนวใสๆ กว้างๆ

ผลทดสอบต่างๆ

Snapdragon 450 บนเครื่อง Vivo V7+ ทำคะแนน Benchmark ได้ห้าหมื่นปลายๆ ถือว่าไม่เลวเลยครับ การตรวจจับสัญญาณ GPS ทำได้ไวแม้ไม่เปิดเน็ตช่วย แบตเตอรี่ขนาด 3225 mAh อึดใช้ได้ครับ ทำงานได้ในระดับทั่วไปได้ทั้่งวันครับ เปิดเช็คเมล เข้าเว็บไซด์ เล่นเกม ด฿ภาพยนตร์แบบเปิดจอทิ้งไว้ ใช้พลังงานชั่วโมงละประมาณ 15-17% ครับ สำหรับความสว่างประมาณ 50%

กล้องถ่ายภาพ

มาถึงจุดเด่นอีกหนึ่งเรื่องของ Vivo V7+ นั้นคือ “คุณภาพของกล้องถ่ายภาพ” กล้องหน้าและกล้องหลังของ Vivo V7+ เป็นกล้องเดี่ยวทั้งสองด้านนะครับ ไม่ได้ทำแข่งออกมาเป็นกล้องคู่เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ฉะนั้นเรื่องลูกเล่นการปรับแต่งภาพละลายหลังหรือปรับแบบสองระยะภาพอะไรแบบนั้น มันจะไม่มี

แต่ที่มีให้ คือกล้องหน้าความละเอียดระดับ 24ล้านพิกเซล ที่คุณภาพสูงลิ่ว ผลทดสอบใช้งานกล้องหน้าของ Vivo V7+ อยู่ในระดับเทียบกล้องหน้าทุกเครื่องในโลกได้สบายเลยครับ คมชัด ถ่ายง่าย โฟกัสไว ใช้ได้มันทุกสภาพแสง แถมมีฟังก์ชั่นหน้านวลขาวเนียน และไฟแฟลชส่องให้แบบหน้านวลได้ในที่มืดให้ด้วยนะครับ

ระบบการถ่ายภาพบุคคล Face beauty 7.0 เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ที่ทำหน้าสวยให้เราได้ทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอครับ และมันยังมีโหมดถ่ายหน้าชัดหลังเบลอเช่นเดียวกับบรรดาเครื่องกล้องคู่มาเล่นนะครับ แต่เป็นการทำภาพหลังเบลอด้วยซอฟท์แวร์ระบบเพียวๆ เลย

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า

กล้องหลังความละเอียด 16 ล้าน PDAF ซึ่งก็พอใช้ได้ในด้านคุณภาพเช่นกันครับ ความละเอียดอาจจะต่ำกว่ากล้องหน้า

มีระบบ Ultra HD ที่ขยายความละเอียดของภาพที่ถ่ายได้สูงสุด ถึง 64 ล้านพิกเซล

ภาพขยายของภาพขนาด 64ล้านพิกเซล

เรื่องของกล้อง ถ้าคุณไม่ได้ต้องการกล้องคู่เพื่อคุณสมบัติพิเศษอะไรที่คุณติดใจต้องใช้ ในเรื่องของคุณภาพแล้ว กล้องเดี่ยวอย่าง Vivo V7+ ก็ให้คุณภาพที่ดีมากๆ โดยเฉพาะกล้องหน้า

สรุปท้ายรีวิว

Vivo ก็ทำ V7+ ออกมาได้ดีครับ ตัวเครื่องสวยมีความหรูและพรีเมี่ยมมากกว่าคู่แข่งที่เป็น 18:9 ในตลาดระดับราคาใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าทั้งหมด มีกล้องที่คุณภาพสูง ระบบการใช้งานของเครื่องเบา ไว สแกนนิ้ว สแกนใบหน้า และเซฟภาพหน้าจอได้ไวมาก

ประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในระดับกลางๆ แต่การเลือกใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 450 อาจจะสร้างความเชื่อมั่นในการโฆษณาทำตลาดได้ยาก เพราะเป็นหน่วยประมวลผลภายในชื่อซีรี่ย์หมายเลข 4XX ของ Snapdragon ให้ความรู้สึกว่าเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นเล็ก แม้การใช้งานจริงโดยรวมก็น่าพึงพอใจกับคุณภาพของตัวเครื่อง กล้อง และราคาจำหน่ายครับ

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version