Advertisement

อาจจะเรียกได้ว่า เป็นอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ตัวท็อปของตลาดเลยก็ได้ครับ สำหรับซีรี่ส์ Galaxy Watch3 จาก Samsung ด้วยการพัฒนามาไกล มีระบบเป็นของตัวเองที่สามารถติดตั้งแอพและฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ มีฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะมาก และมีการใส่มาตรฐานคุณสมบัติของเครื่องเอาไว้สูงทีเดียวครับ

Advertisement

Samsung Galaxy Watch3 จะมีรุ่นแยกออกมาตามขนาดหน้าปัดครับ มีขนาด 45 มม. ซึ่งมีทั้งแบบรองรับและไม่รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ LTE ในตัวเอง มาในตัวเรือนสี Mystic Black และ Mystic Silver  และรุ่นขนาดหน้าปัด 41 มม. แยกเป็นแบบรองรับ LTE และไม่รองรับเช่นกัน มาในตัวเรือนสี Mystic Bronze และ Mystic Silver และสุดท้ายเป็นรุ่นตัวเรือน Titanium ขนาดหน้าปัด 45 มม. มาในตัวเรือนสี Mystic Black ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมครับ

เครื่องที่เห็นในรีวิวนี้ เป็นสี Mystic Black ครับ ซึ่งเป็นรุ่นหน้าปัด 45 มม. BLT หรือตัวที่ไม่มี LTE นั้นเองครับ  (LTE ใช้สำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเองโดยตรง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต แต่รุ่น BLT จำเป็นต้องใช้สัญญาณเน็ตจากการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน)

Samsung Galaxy Watch3 ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ จอดี สีสวย เป็นจอชนิด Super AMOLED กระจกจอ Corning Gorilla Glass DX สีสันหน้าจอสวยและคมชัดมาก เพราะใส่จอความละเอียด 360×360

สเปคใช้ Exynos 9110 Dual-Core 1.15GHz RAM 1GB ROM 8GB หน่วยประมวลผลที่เร็วครับสำหรับอุปกรณ์สวมใส่

พื้นที่จัดเก็บมีไว้เก็บไฟล์และติดตั้งแอพพลิเคชั่นในตัว เพราะว่า Galaxy Watch3 เป็นนาฬิกาที่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นได้ด้วยตัวเราเอง รันระบบ Wearable Tizen OS ที่ Samsung พัฒนาขึ้นมา

สามารถจัดเก็บไฟล์ไว้ในตัวมันเองได้ เช่นรูปภาพหรือไฟล์เพลง เชื่อมต่อกับหูฟังผ่านสัญญาณบลูทูธในตัว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนไปซะทุกอย่าง ทำงานบนตัวมันเองได้ในการทำงานง่ายๆ อย่างเช่นการฟังเพลงจากตัวนาฬิกาโดยตรง

หรือจะซิงก์การควบคุมเพลงบนแอพของสมาร์ทโฟนผ่านตัวนาฬิกาก็ได้เช่นกันครับ รองรับการแสดงผลชื่อเพลงพร้อมภาพปกเพลงสมบูรณ์ สวยงาม ใช้ได้กับแอพเล่นเพลงดังๆ อย่าง Spotify หรือ Youtube Music ได้หมดครับ

และนี่เป็นระบบที่มีหน้า Watch Face เยอะมากที่สุด มากกว่า 10,000 แบบ และยังสามารถสร้าง Watch Face ของตัวเองได้ด้วยนะครับ โดยการอ้างอิงจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่นชุดเสื้อผ้าการแต่งกาย แล้วนำมาเลือกใช้ร่วมกับแพทเทิร์นที่ชอบได้เลย

งานประกอบเกรด MIL-STD 810G ผ่านการทดสอบทางทหาร ทนทานต่อการสั่่นสะเทือน การกระทบ และรองรับมาตรฐานกันน้ำ IP68 ทนน้ำลึก 5 ATM ใส่ลงว่ายน้ำหรือเล่นกีฬาทางน้ำไม่ต้องถอด (นอกจากสายนาฬิกาถ้าเป็นสายหนังควรเปลี่ยน) ใช้งานได้สมบุกสมบันแม้จะหน้าตาดูเป็นสายแฟชั่นสวยงาม

ใช้ปุ่มการควบคุมผ่านปุ่มสองปุ่ม ปุ่มโฮมและย้อนกลับ (กดพร่อมกันสองปุ่มเป็นการเซฟภาพหน้าจอได้ด้วย ) และมีวงแหวน bezel รอบหน้าปัดใช้สำหรับการเลื่อนตัวเลือก และการทัชสกรีนนลงบนหน้าจอโดยตรง ตัวเรือนมีความทนทาน สวยงามครับ ใช้วัสดุที่ดูดี ดูมีราคา

การเชื่อต่อก็รองรับระบบไร้สายครบ Bluetooth 5.0, Wi-Fi (b/g/n), NFC, GPS/GLONASS/Beidou/Galileo รวมถึงมีรุ่น LTE ที่สามารถรับสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ตเครือข่าย 4G ได้ในตัว

เซนเซอร์ใส่ให้มาครบเช่นกัน Accelerometer จับความเร็วการเคลื่อนที่, Barometer วัดความสูงแรงดันอากาศ, Gyro ตรวจจับการหมุน, Light Sensor วัดความสว่าง, Optical Heart Rate Sensor ตรวจจับชีพจรหัวใจ, และ Electrical Hear Rate Sensor ตัววัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ฟังก์ชั่นด้านสุขภาพบางอย่างจะเปิดใช้งานได้ในประเทศอนุญาตเท่านั้น)

ใส่มาครบ ใช้เกรดเซนเซอร์ระดับสูงทุกตัว สมเป็นรุ่นพรีเมี่ยมครับ และด้วยระบบอัลกริทึ่มของ Samsiung ทำให้สมาร์ทวอทช์เรือนนี้ของ Samsung เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการตรวจจับเยอะมาก

และรองรับการตรวจระดับออกซิเจนในเลือด (SpO 2) ซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญในยุคนี้ครับ เป็นค่าที่เอาไว้ชี้วัดภาวะร่างกาย ที่อาจจะติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคที่กำลังลุกลามไปทั่่วโลกในขณะนี้ครับ เพราะมันส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรงนั้นเอง

นั่งทำงานในลักษณะเท้าข้อศอกบนโต๊ะ วางระดับนาฬิกาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับหัวใจ แล้วกดวัดได้เองเลยครับ

ค่าออกซิเจนในเลือดของคนเราควรจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 95% ไม่งั้นร่างกายอาจจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ อาจจะเป็นที่สภาวะร่างกายไม่แข็งแรง พักผ่อนน้อย หรือกำลังเหนื่อยล้าครับ แต่ถ้าระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้วละก็ อาจจะเกิดความผิดปกติของร่างกายเกิดขึ้น เช่นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ หรือเป็นอาการของโรคปอดบวมได้ครับ ฉะนั้นอุปกรณ์สวมใส่ในยุคนี้จึงต้องรองรับการสแกนระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ความแม่นยำของการตรวจวัดจากตัวสมาร์ทวอทช์ของ Samsung ถือว่ามีความใกล้เคียงกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้งานกับเบื้องต้น แต่ผลการตรวจวัดเพียงอย่างเดียวไม่อาจจะชี้ชัดอะไรได้นะครับ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ ผลตรวจก็ออกมาเป็นตัวเลขที่ผิดไปจากมาตรฐาน ก็นับรวมกันเป็นปัจจัยให้เราเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุดนะครับ

ตัว Watch3 ใช้ที่ชาร์จเป็นระบบแม่เหล็ก แค่วางบนแท่นชาร์จโดยไม่ต้องเกี่ยวกับเขี้ยวล็อค ไม่ต้องเล็งขั้วแม่เหล็กให้ตรงกัน และสามารถใช้ระบบชาร์จ “Wireless PowerShare” ของอุปกรณ์ Samsung ในการชาร์จแบตได้ด้วยเช่นกัน

แบตเตอรี่ขนาด 247 mAh สำหรับรุ่นหน้าปัด 41มิลลิเมตร และแบต 340 mAh สำหรับรุ่นหน้าปัด 45มิลลิเมตร จากที่ทดสอบใช้งานมา จะอยู่ได้ประมาณสามวันสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ ถ้าใช้งานหนักเช่นใช้เป็นเครื่องตรวจจับการออกกำลังกาย ก็จะใช้ได้วันต่อวันเพราะเซ็นเซอร์จะเปิดเต็มกำลังเพื่อตรวจจับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของเราทุกตัว

การใช้งานของ Samsung Galaxy Watch3

แอพสำหรับการเริ่มใช้งาน Galaxy Wearable

การเริ่มต้นใช้งาน Samsung Galaxy Watch3 จะต้องเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable บนสมาร์ทโฟนซะก่อน รองรับกับ iOS และ Android ทุกยี่ห้อ

  • Android 5.0 ขึ้นไป และ RAM 1.5GB ขึ้นไป >> Download
  • iPhone5 หรือสูงกว่า และ iOS 9.0 ขึ้นไป >> Download

แอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable จะเป็นศูนย์กลางการตั้งค่าต่างๆ ของอุปกรณ์ทั้งหมดจาก Samsung เป็นศูนย์กลางการจัดการ การเชื่อมต่อ และเป็นตัวอัพเดทซอฟท์แวร์ให้อุปกรณ์ Galaxy Watch ของเราด้วยครับ

ตั้งค่ารูปแบบการแสดงผล ใช้เป็นแอพที่ตั้งค่ากำหนดการแจ้งเตือน คอยรับการแจ้งเตือนที่ติดต่อเข้ามาที่สมาร์ทโฟนมายังนาฬิกา โดยสามารถแสดงผลเป็นภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์ สามารถค้นหากันและกันได้ระหว่างสมาร์ทโฟนและนาฬิกาครับ

และยังรองรับการโทรสนทนาด้วยเสียงผ่านตัวนาฬิกาได้โดยตรงเลยนะครับ ไม่ต้องรับด้วยโทรศัพท์แต่คุยผ่านนาฬิกาเลย เพราะว่า Galaxy Watch3 มีมาครบทั้งไมค์และลำโพงในตัว สะดวกเวลามีคนโทรเข้าแต่สมาร์ทโฟนอาจจะวางไว้บริเวณอื่นของบ้าน รองรับการเชื่อมต่อระยะทางได้ประมาณ 20 เมตรครับ

ตอบกลับข้อความได้ด้วยนะ เพราะมันมีแอพคีย์บอร์ด พิมพ์ตอบบนหน้าปัดนาฬิกาได้เลย หน้าจอเล็กหน่อยแต่ทำได้ ^^ รองรับทั้งการเขียนด้วยมือและการพิมพ์ซึ่งพิมพ์ตอบกลับภาษาไทยได้เลยครับ

อ่านข้อความหรือเห็นข้อมูลการติดต่อเข้ามาได้ชัดเจนครับ เพราะหน้าจอใหญ่ แสงสว่าง และภาพก็สวย ถ้าเราติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากสโตร์ของนาฬิกา เรายังสามารถเล่นเกมหรือดูเช้าเว็บไซด์ หรือดูคลิปบนตัวนาฬิกาได้เลยนะครับ ^^ ทำอะไรได้มากขึ้นมากมายด้วยแอพพลิเคชั่นที่มีผู้พัฒนามาในในสโตร์ ทำงานหลายอย่างสำรองการทำงานของสมาร์ทโฟนได้ครับ

ทำให้ผู้ใช้ลดการถือจับสมาร์ทโฟนน้อยลงอย่างมาก ประหยัดแบตมือถือไปในตัว เพราะบางวันผมแทบจะไม่ต้องจับมือถือเลย อาศัยเช็คอีเมลหรือดูแชตที่เข้ามาบนนาฬิกาข้อมือได้แทน

Galaxy Watch ยังมีแอพช่วยผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง เพราะมีการออกแบบระบบเตือนรอบเดือน ใส่เข้ามาให้ด้วย

ตั้งค่าการแจ้งเตือนประจำวันของเราได้เองเพิ่มเติม สำหรับคนที่ต้องการคนเตือนกำหนดการต่างๆ เช่นนัดหมาย, กำหนดกินยา หรือการประชุมต่างๆ รวมถึงนาฬิกาปลุก ผมจะบอกว่าการใช้นาฬิกาเป็นตัวเตือนเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ มันสั่นให้เรารู้ที่ข้อมือของเราเท่านั้น ไม่รบกวนคนอื่น และไม่ต้องห่วงว่าเราจะไม่ได้ยินเสียงด้วย

แน่นอนว่ามันเป็นผู้ช่วยที่ดูแลสุขภาพของเราด้วย มันจะตรวจจับบันทึกจำนวนก้าวเดิน จับการเคลื่อนไหวคอยแจ้งเตือนการนั่งอยู่กับที่นานเกินไป

สิ่งที่ทำให้ Galaxy Watch มีความสามารถในด้านการออกกำลังกายระดับแนวหน้า ไม่ได้อยู่ที่ตัวนาฬิกาเพียงเท่านั้น แต่อยู่ที่ตัวแอพพลิเคชั่นตัวสุขภาพ ที่ชื่อว่า ” Samsung Health “

แอพนี้คือตัวเด็ดสำหรับผู้ใช้ Galaxy Watch เลยครับ ตัวนี้มีไว้สำหรับการดูแลสุขภาพของผู้สวมใส่ จะเป็นแอพที่รวมรวมสถิติการเคลื่อนไหวร่างกาย แสดงสถิติการนอน สถิติการออกกำลังกาย ระดับการเต้นของหัวใจ การตรวจจับทุกอย่างที่มันจัดเก็บผ่าน Galaxy Watch 3 จะถูกบันทึกเอาไว้ในโพรไฟล์ของเรา และจะแสดงให้เห็นได้เป็นกราฟชีวิตบนแอพพลิเคชั่นนี้ทั้งหมด

Samsung Health Android Link

Samsung Health iOS Link

ตกดึกก็จะตรวจจับการนอนของเราให้โดยอัตโนมัติ และแยกแยะคุณภาพการนอนออกมาให้ละเอียด 4 ระดับ

พร้อมตรวจจับการชีพจรหัวใจ แจ้งเตือนเพื่อพบระดับการเต้นที่ผิดไปจากปกติ พร้อมนำไปวิเคราะห์ความเครียดร่างกาย ถ้าพบว่าเราเครียดเกินไป ทาง Samsung เขาก็ออกแบบทางแก้เอาไว้ให้ เป็นวิธีการผ่อนคลายด้วยการกำหนดลมหายใจ ทำสมาธิ

ทั้งหมดที่ว่ามา เราแค่สวมใส่มันไว้เท่านั้นเองครับ ไม่ต้องใส่ใจ แต่มันจะใส่ใจเราทุกย่างก้าว ในแบบ “ทุกย่างก้าวจริงๆ” ^^

ในด้านความปลอดภัย ตัวนาฬิกายังมีระบบฉุกเฉินที่จะแจ้ง SOS ขอความช่วยเหลือไปยังหมายเลขที่เรากำหนดไว้ทันที โดยการกดปุ่มโฮมสามครั้งติดกัน และสามารถตรวจจับการล้มที่ดูไม่ปกติของผู้สวมใส่ได้ด้วยเซนเซอร์ และจะส่ง SOS แจ้งไปยังปลายทางได้ทันทีด้วยเช่นกัน

รองรับเป็นคู่หูการออกกำลังกาย ที่รองรับมากกว่า 120 กิจกรรม เป็นโปรไฟล์ที่ตัวนาฬิกาจะจัดเก็บข้อมูลร่างกายในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เราทำ

และด้วยตัวเซนเซอร์ระดับสูง มันตรวจจับค่อนข้างแม่นยำครับ และเป็นอุปกรณ์ที่มี GPS ในตัว จึงสามารถใช้บันทึกเส้นทางในการออกกำลังได้ด้วยตัวมันเอง เมื่อกลับมาซิงก์กับสมาร์ทโฟน ข้อมูลการออกกำลังกายของเราก็จะถูกบันทึกและแสดงเข้าไปในแอพ Samsung Health ทั้งหมดครับ ข้อมูลครบมาก

และภายในยังมีฟีเจอร์การดูแลร่างกายระดับโลก จากเทรนนิ่งชื่อดัง แผนออกกำลังราคาแพง แต่แทบทั้งหมด Samsung ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งผมจะบอกว่าบริการเหล่านี้ที่อยู่ภายใน Samsung Health มันมีมูลค่ามาก มีให้มากกว่า 120 โปรแกรม เพราะโปรแกรมการออกกำลังหรือการดูแลสุขภาพเหล่านี้บางคอสราคาแพงเป็นพันๆ

สรุปท้ายรีวิว

Samsung Galaxy Watch3 สมาร์ทวอทช์เกรดพรีเมี่ยมของตลาด ตัวเรือนสวยงาม หรูหราดูมีราคา ทนทาน กันน้ำระดับ 5ATM และผ่านการทดสอบทางการทหาร MIL-STD 810G  ความสามารถเยอะ ติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง มีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกใช้มากที่สุดในตลาด

มีไมค์และลำโพงในตัว รับสายสนทนาได้ผ่านตัวนาฬิกาโดยตรง เซนเซอร์ตรวจจับแม่นยำ มีครบทั้งการเชื่อมต่อและการตรวจจับกิจกรรมร่างกาย และมีรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ได้ในตัวเอง

บริการพิเศษจาก Samsung ที่เตรียมไว้ให้กับแผนดูแลสุขภาพมากกว่า 120 แบบ มูลค่ามหาศาล เป็นโปรแกรมเทรนนิ่งระดับโลกที่ให้ใช้งานกันได้ฟรีๆ

Galaxy Watch3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วที่ samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ

  • รุ่นขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 13,900 บาท (BLT) และราคา 16,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Black และ Mystic Silver
  • รุ่นขนาดหน้าปัด 41 มม. วางจำหน่ายในราคา 12,900 บาท (BLT)และราคา 15,900 บาท (LTE) มาในตัวเรือนสี Mystic Bronze และ Mystic Silver
  • รุ่นตัวเรือน Titanium ขนาดหน้าปัด 45 มม. วางจำหน่ายในราคา 21,900 บาท (BLT) มาในตัวเรือนสี Mystic Black
แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version