Advertisement

Samsung Galaxy Watch (eSim) ก็คือสมาร์ทวอทช์รุ่นท็อปของทาง Samsung ตอนนี้ครับ มันคือ Galaxy Watch ที่ได้รับความสามารถเพิ่มเติมในการออนไลน์ผ่านเครือข่าย 4G LTE ได้ด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องอาศัยสัญญาณเน็ตจากตัวสมาร์ทโฟน หรือสัญญาณ WiFi แต่อย่างใดครับ

มีความสามารถในการรับสายเรียกเข้ามาที่นาฬิกาได้โดยตรง โทรศัพท์แบตหมดตัวนาฬิกาจะทำหน้าที่โทรออกและรับสายเรียกเข้าได้ผ่านนาฬิกาแทนสมาร์ทโฟนได้ในทันที

Advertisement

ความสามารถเดิมยังครบครันตามสไตล์สมาร์ทวอทช์ของ Samsung แอพพลิเคชั่นเยอะ หน้าปัดนาฬิกาสวยเยอะแยะมากมาย ซึ่งน่าจะมีมากที่สุดแล้วในบรรดาสมาร์ทวอทช์ที่ผลิตกันออกมาครับ

และตอนนี้รุ่นใหม่ Samsung Galaxy Watch (eSim) ทำงานออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ทำให้เราสามารถเช็คข่าว เช็คเมล เข้าสโตร์โหลดแอพเพิ่มเติม ได้โดยไม่ต้องมีมือถืออยู่ใกล้ๆ อีกแล้วครับ

อธิบายหลักการทำงานของระบบ eSim ของมันคร่าวๆ ก่อนนะครับ มันคือระบบซิมการ์ดแบบที่ไม่มีตัวซิมจริง แต่เป็นตัวชิพประมวลผลที่ทำหน้าที่ได้เหมือนซิมจริงๆ ซึ่งถูกติดตั้งเอาไว้อยู่ภายใน ตัวชิพรับสัญญาณที่ว่าจะสามารถเชื่อมต่อจับคู่กับหมายเลขโทรศัพท์ และรับสัญญาณเครือข่าย 4G LTE ได้เหมือนซิมการ์ดปกติเลยครับ แต่มันยังสามารถปรับเปลี่ยนหมายเลขได้โดยไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดแบบเดิมๆ ครับ

โดยการทำงานของ eSim ในเครื่อง Galaxy Watch จะเป็นเหมือนซิมสำรองที่สองครับ เพราะเมื่อมันเชื่อมต่ออยู่กับสมาร์ทโฟน ระบบ eSim ของมันจะไม่ทำงาน แต่จะใช้สัญญาณการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือ Wi-Fi จากสมาร์ทโฟนตัวหลัก เมื่อมีการติดต่อเข้ามาตัวมันจะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยการแจ้งเตือนจากตัวสมาร์ทโฟนเท่านั้นครับ ทำงานเหมือน Galaxy Watch ในรุ่นปกติที่ไม่มี eSim ทุกอย่าง

แต่ระบบ eSim จะเริ่มสำแดงเดชต่อเมื่อมันไม่ได้อยู่ใกล้สมาร์ทโฟน หรือตัวสมาร์ทโฟนไม่ได้เชื่อมต่อกับตัวนาฬิกาเอาไว้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ตัวนาฬิกาจะทำหน้าที่รับสัญญาณเน็ตและสัญญาณโทรเข้าด้วยตัวมันเองจาก eSim ที่อยู่ภายในครับ เรียกว่ามันสามารถเชื่อมต่อออนไลน์และติดต่อสื่อสารได้ในทุกจังหวะแม้จะมีตัวช่วยหรือไม่ก็ตามนั้นเองครับ นี่คือความแตกต่างหลักระหว่าง Galaxy Watch รุ่นธรรมดา กับ Galaxy Watch รุ่นมี eSim ซึ่งปัจจุบันระบบ eSim สามารถใช้งานได้ทั้งสามผู้ให้บริการหลักในบ้านเราหมดแล้วครับ AIS, Dtac และ Truemove H

แต่ในส่วนของการทำงานของ Galaxy Watch eSim นั้น ยังไงก็ต้องเริ่มต้นจากการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนสักเครื่องก่อนอยู่ดีครับ มันสามารถใช้งานร่วมได้ทั้งสมาร์ทโฟนในระบบ iOS 9.0 ขึ้นไป และเครื่องสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy และ Android ทุกยี่ห้อที่ใช้ Android 5.0 หรือสูงกว่าขึ้นไป

มีนำเข้ามาจำหน่ายไทยทั้งสองไซส์ครับ นั้นคือขนาด 42 มม. (หน้าจอนาฬิกา 30 มม.) นับเป็นขนาดเล็ก โดยจะมีสีมิดไนท์แบล็ค และสีโรสโกลด์ และขนาดที่ใหญ่กว่านั้นคือ 46 มม. (หน้าจอนาฬิกา 33 มม.) ซึ่งหน้าจอเป็นระบบทัชสกรีนเต็มรูปแบบครับ ใช้จอแสดงผลแบบ Super AMOLED มองชัดเจนแม้ยามกลางวันแจ้งๆ เลยครับ

ตัวเรือนของ Galaxy Watch นั้นสวยมากอยู่แล้วครับ ตัวเรือนโลหะ เกรดทนทานระดับทางการทหาร MIL-STD-810G ดำน้ำได้ลึก 50 เมตรมาตรฐาน 5ATM หมายถึงใส่ลงน้ำทางการกีฬาได้เลยละครับ

ผิวสัมผัสไม่ต้องพูดถึง นี่น่าจะเป็นสมาร์ทวอทช์ที่สวยที่สุดแล้ว วงแหวน Bezel สำหรับสั่งงานรอบหน้าปัดใช้เป็นที่เปลี่ยนเมนูและเลื่อนหน้าจอ ตัววงแหวนนี้ใช้สะดวกมาก เราจะแทบไม่ต้องใช้การแตะหน้าจอเลยนอกจากการทัชเพื่อเลือก และมีปุ่มควบคุมด้านข้างสองปุ่มสำหรับย้อนกลับและหน้าโฮม

Galaxy Watch มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในขนาด 4GB (ใช้งานได้จริง 2.7GB) มีไมค์รับเสียงและลำโพงในตัว จึงสามารถสนทนารับสายโทรเข้าโทรออกได้ด้วยตัวมันเอง

นอกจากรองรับการเชื่อมต่อกับสัญญาณ 4G LTE ผ่าน eSim แล้ว ตัวนาฬิกาก็ยังเชื่อมต่อกับสัญญาณไร้สายได้อีกครบครันเลยครับ มี Bluetooth และ Wi-Fi ในตัว พร้อมระบบ NFC

Galaxy Watch เป็นนาฬิกาที่สวยถูกใจผมเสมอมาครับ มันดูเท่และดุดัน ในด้านการใส่เป็นนาฬิกางานออกแบบก็ผ่านแล้วครับสำหรับผม

Galaxy Watch eSim มาพร้อมแท่นชาร์จไร้สาย แค่วางไม่ต้องเสียบสายใดๆ ก็เป็นการชาร์จครับ ใช้เวลาชาร์จไม่นาน ประมาณชั่วโมงครึ่งแบตก็เกือบเต็ม

และในแบตเต็ม 100% ผมสามารถใช้งานแบบซิงก์ข้อมูลเต็มฟังก์ชั่นได้ประมาณสองวันครับ เข้าวันที่สามก็ต้องชาร์จแล้วเพราะกลัวแบตหมดถ้าจะฝืนใช้ เฉลี่ยแล้วจากการทดลองใช้งานตามสไตล์ผม ใช้แบตวันละ 30% กว่าๆ ครับ

ความสามารถในการใช้งานแบบสมาร์ทวอทช์ ขึ้นอยู่กับแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งลงในนาฬิกาและตัวสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อครับ ซึ่งแอพพลิเคชั่นในสโตร์ของ Galaxy Watch มาไกลมากแล้ว มีแอพพลิเคชั่นมากมายให้ใช้งานอันนี้คือข้อดี โดยการติดตั้งแอพเหล่านั้นจะมีตัวกลางสำหรับการตั้งค่าและการควบคุมคือแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable

แอพ Galaxy Wearable คือหัวใจสำคัญที่จะคอยใช้เพื่อกำหนดค่าการทำงานต่างๆ ของ Galaxy Watch ทั้งการอัพเดทระบบ ดูค่าสถานะ หรือแม้แต่การติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมจากสโตร์

ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้า Galaxy Watch เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ทำอะไรได้ด้วยตัวเองแทบทุกอย่างแล้วนะครับ มันสามารถตั้งค่ากำหนดตัวมันเองได้ ติดตั้งแอพพลิเคชั่นได้ โดยทำผ่านหน้าปัดนาฬิกาโดยตรง โดยเฉพาะในรุ่น eSim มันมีเน็ตของมันเองในตัวอยู่แล้วยิ่งทำได้แทบทั้งหมดแล้วละครับ แต่การสั่งงานเหล่านี้บนหน้าจอสมาร์ทโฟนมันสะดวกกว่าเท่านั้นเอง

ต้องชม Samsung ด้วยนะครับ เพราะหน้าแอพพลิเคชั่น Galaxy Wearable ออกแบบมาได้สวยมาก มีรายละเอียดครบ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในระบบ Eco ของ Samsung ได้หลายอุปกรณ์ในแอพเดียว

กำหนดค่าตัวนาฬิกาได้ละเอียด ต้องการให้แอพพลิเคชั่นใดแจ้งเตือนไปยังนาฬิกาก็กำหนดได้ครับ รวมถึงเป็นแอพสำหรับการส่งไฟล์มีเดียว ภาพและเพลง ไปเก็บไว้ในหน่วยความจำบนตัวนาฬิกา เพื่อเวลาใช้งานฟังเพลงหรือดูรูปภาพเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้โดยตรงจาก Galaxy Watch เลยนั้นเองครับ

 

แอพพลิเคชั่นและสโตร์ว่าทำมาสวยแล้ว แต่ที่สวยยิ่งกว่าและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่ามันคือที่สุดของอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ นั้นคือ “Watchface” หรือหน้าปัดนาฬิกาของ Galaxy Watch นั้นเองครับ

มีเยอะ และเท่ และสวย และอลังการ และเป็นแบรนด์ดัง และฟรี และมีเสียตังค์ และโคตรน่าใช้ 555 หลายและเลยละครับ

ไม่รู้ใครจะว่ายังไง แต่สำหรับผมความน่าใช้ที่สุดของ Galaxy Watch ก็คือหน้าปัดนาฬิกาที่เราเปลี่ยนได้ในทุกๆ วัน มากมายเป็นพันๆ แบบ และสวยมากๆ ด้วยครับ

การทำหน้าที่เป็นสมาร์ทวอทช์ของ Galaxy Watch ครบครันครับ ทั้งการแจ้งเตือนจากตัวแอพพลิเคชั่น ซึ่งสามารถรับรู้และยังอ่านได้จากหน้าปัดนาฬิกาโดยตรง ซึ่งหน้าจอใหญ่ ภาพคมชัด สีสันสดใส และระบบเองก็รองรับภาษาไทยสมบูรน์แบบ เช็คเมลล์ อ่านข้อความ อ่านแชตและการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมดแแหละครับ สามารถกดดูย้อนหลังได้

ความสามารถในการเป็นผู้ช่วย มันทำให้ในแต่ละวันเราหยิบจับสมาร์ทโฟนขึ้นมาใช้น้อยลงกว่าเดิมเยอะเลยละครับ

ซึ่งทาง Samsung ก็คิดมาดีนะครับสำหรับระบบตัวนาฬิกา เพราะมันออกแบบมาได้สอดรับกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราจริงๆ มันมีการกำหนดปลีกย่อยได้เยอะมาก รวมถึงมีโหมดต่างๆ เพื่อการใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างกัน เช่น โหมดห้ามรบกวนในยามประชุม โหมดพักผ่อนในยามนอน และโหมดภาพยนตร์ในยามใช้งานในโรงหนัง

แค่ความสามารถในการเป็นตัวควบคุมเครื่องเล่นเพลงก็ทำมาละเอียดแล้วครับ สามารถเลือกได้ว่าต้องการเข้าควบคุมแอพพลิเคชั่นเล่นสื่อแอพไหนที่ติดตั้งลงในเครื่องสมาร์ทโฟน หรือจะเล่นไฟล์เสียงจากในนาฬิกา โดยหน้าแสดงผลขึ้นรายละเอียดข้อมูลของเพลงครบถ้วนสวยงามครับ

ตั้งแต่ลองใส่ Galaxy Watch มา ก็เหมือนขาดไม่ได้ไปเลยนะครับ มันช่วยให้เราไม่พลาดการติดต่อ คล่องตัวในการรับรู้การติดต่อจากการแจ้งเตือนมายังนาฬิกาของเรา ประหยัดแบตสมาร์ทโฟนไปในตัวด้วยครับ

ในด้านการใช้งานเพื่อสุขภาพ Galaxy Watch มีผู้ช่วยเป็นแอพพลิเคชั่นเสริมอีกตัว นั้นคือ Samsung Health เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะคอยเก็บประวัติสุขภาพ การเคลื่อนไหว การพักผ่อน และประวัติการออกกำลังกายทุกๆ อย่างของเราจากตัวนาฬิกา และบันทึกไว้เป็นกราฟแสดงตามวันเวลาให้เราได้รู้ครับ

ซึ่งตัวนาฬิกา Galaxy Watch มันคือตัวจับร่างกายชั้นครูครับ มาพร้อมกับตัวจับการเคลื่อนไหว ตัวตรวจจับชีพจรการเต้นของหัวใจ ตัวจับตำแหน่ง GPS และเพื่อความแม่นยำได้มีการเพิ่ม Built-in Altimeter และ Barometer หรือเครื่องวัดความสูงและความกดอากาศเข้ามาในเครื่องด้วย

เมื่อมันรู้ทั้งการเคลื่อนไหว การเต้นของหัวใจ และระยะทางพร้อมทิศทางความเร็วทุกอย่าง มันก็สามารถนำข้อมูลมาคำนวนวิเคราะห์สุขภาพและร่างกายของเราได้ทั้งหมดแหละครับ จบในแต่ละวัน มีการสรุปผลงานการขยับร่างกายและการพักผ่อนมาให้ดูครับ วันไหนขี้เกียจนอนทั้งวัน ขยับน้อยนี่จะดูทุเรศมากเลย 555

ตัว Galaxy Watch รองรับการใช้งานคู่กับการออกกำลังเยอะมากครับ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงการออกกำลังกายคู่กับอุปกรณ์ (รวมแล้วประมาณ 39 แบบ) แม้แต่การออกกำลังกายที่ผมไม่รู้จัก มันยังรู้จัก ^^ การออกกำลังที่ไม่คุ้นหูสำหรับสายกินอย่างผม แต่คนออกกำลังกายน่าจะรู้จักและได้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าผมอย่างแน่นอนครับ

มีระบบโค๊ชเพื่อแนะนำการออกกำลังกายได้อย่างถูกวิธี ด้วยคำอธิบาย(ควรใช้คู่กับหูฟัง) และประกอบกับตัวจับการเคลื่อนไหว เหมือนมีผู้รู้มาอยู่ข้างเหมือนกันนะครับ เพราะเซนเซอร์จับแม่นเอาการ บางทีลองโกงเล่นๆ มันก็รู้นะครับ ไม่ยอมนับให้อย่างทำสควอชหรือทำลันช์ มันจับท่าทางเราได้แม้จะอยู่แค่ที่ข้อมือนะนั้น – –

ในเรื่องของการออกกำลังกายและสุขภาพ ผมคงไม่ใช่สายนักกีฬาที่จะพูดอะไรได้มากนักครับ แต่ในด้านข้อมูลสุขภาพมันมีครบอยู่ครับ มีระยะการเดิน จำนวนก้าวเดิน การเก็บข้อมูลการเต้นของหัวใจในแต่ละช่วงเวลา และการบันทึกการนอนและคุณภาพในการพักผ่อน มันค่อนข้างแม่นยำและครบถ้วนครับ อาจจะมีบ้างบางครั้งที่มั่วไปนับการนั่งรถคือปั่นจักรยาน ^^ แต่จะบอกว่ามันปกติของอุปกรณ์พวกนี้ครับ ผมใส่ตัวไหนตัวนั้นก็เอ่อในเรื่องนี้ประจำๆ

ก็เป็นความสามารถหลักๆ สามด้านที่คนใช้น่าจะหวังกันในการใช้สมาร์ทวอทช์นะครับ หนึ่งคือการใช้เป็นนาฬิกาเครื่องประดับ, สองคือการใช้เป็นสมาร์ทวอทช์เพื่อการแจ้งเตือนและการติดต่อ, และสุดท้ายคืองานด้านสุขภาพ ทั้งการบันทึกและตรวจจับร่างกายรวมถึงเป็นผู้ช่วยในการออกกำลังกาย

ซึ่งผมบอกได้ชัดเจนในข้อแรกและข้อสองเลยว่า Galaxy Watch ทำหน้าที่ในการเป็นนาฬิกาสวยๆ เป็นเครื่องประดับในวันที่คุณใส่สูทผูกไทด์หรือในวันที่คุณแต่งตัวเบาๆ ไปเที่ยวแบบสบายๆ มันก็เสริมให้ดูดีได้ เพราะตัวเรือนมันสวยมากครับ

ส่วนงานด้านสมาร์ทวอทช์ การแจ้งเตือน การเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน เจ้านี้ตัวท็อปครับ ความสามารถเยอะ แอพพลิเคชั่นเยอะ หน้าจอใหญ่ มีระบบเชื่อมต่อครบ ทำงานให้เราได้แทบทุกด้าน แถมถ้าเป็นตัว eSim ยิ่งครบไปกันใหญ่ ใช้เป็นสมาร์ทโฟนในยามฉุกเฉินได้อีกด้วยครับ

สรุปท้ายรีวิว

ตัวเรือนแกร่ง มีเซนเซอร์และระบบเชื่อมต่อครอบคลุมทุกอย่าง สวยงาม ความสามารถเยอะ เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดูดีและมีระบบที่พัฒนามากันไกลมากแล้วจาก Samsung ความสามารถครบสุดๆ

หน้าจอ Watchface นับพันคือเสน่ห์ มีผู้พัฒนาหน้าปัดสวยๆ มาให้ใช้เยอะมาก ทั้งจากดีไซน์เนอร์และแบรนด์ดังหลายเจ้า  ส่วนแอพพลิเคชั่นเองเจ้าตัวนี้คือเยอะมาก

ต้องบอกว่า Galaxy Watch ชนะเลิศไปเลยในด้านความหลากหลายของการใช้งาน มันคือสมาร์ทวอทช์ที่มีประโยชน์เต็มขั้นแบบสุดๆ เลยครับ

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version