Advertisement

คู่แฝดที่แตกต่าง! เปิดตัวมาพร้อมกันสองรุ่น Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G สมาร์ทโฟนในกลุ่มเรือธงของ Redmi หนึ่งรุ่นจัดเต็มสเปคมาในราคาน่าสนใจ อีกหนึ่งรุ่นมาพร้อมกล้องรุ่นใหญ่ กับเซนเซอร์ความละเอียดระดับ 200MP!! ในบทความรีวิวนี้จะพามารู้จักกับสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่น ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และมีอะไรน่าสนใจที่ Redmi จัดเต็มมาให้ในเครื่องสองรุ่นนี้กันครับ

Advertisement

ราคาเปิดตัวของ Redmi Note 12 Pro+ และ Redmi Note 12 Pro 5G

  • Redmi Note 12 Pro 5G รุ่น 6GB+128GB ราคา 9,999 บาท , รุ่น 8GB+256GB ราคา 12,990 บาท
  • Redmi Note 12 Pro+ 5G รุ่น 8GB+256GB ราคา 14,990 บาท

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G มีสเปคเครื่องที่ใกล้เคียงกันมากครับ ให้สเปคมาคุ้มกับราคาที่เปิดตัวกันออกมา มีงานออกแบบตัวเครื่องที่สวยและมีสเปคที่ดี โดยทั้งคู่มาพร้อมกับหน้าจอ Flow AMOLED display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ความสว่าง 900nits รองรับ Dolby Vision สีสันสด แสงสว่างดี ขอบจอเล็ก โดยทั้งสองรุ่นจะใช้หน้าจอชนิดเดียวกันและมีขนาดเท่ากันเป๊ะ ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 16MP เอาไว้เท่ากัน รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ ฉะนั้นตัวเครื่องด้านหน้าของทั้งสองรุ่นจึงมีความคล้ายกันมากพอสมควร

มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Doby Atmos ใช้รับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงได้เลย ระบบเสียงดีครับ ไม่ต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มเลยสำหรับใช้งานส่วนตัวภายในห้อง ในด้านอรรถรสความบันเทิงให้ประสบการณ์ที่ดีทั้งคู่เลย ภาพสวยขอบจอเล็ก ลำโพงคู่เสียงดีครับ

ความแตกต่างของเครื่องทั้งสองรุ่นในการออกแบบภายนอกภายนอก จะสังเกตเห็นง่ายที่ตัวเครื่องด้านหลัง มีการออกแบบที่ต่างกัน โดยตัว Pro+ จะมีขอบเครื่องด้านหลังโค้งบริเวณขอบ แต่สำหรับตัว Pro จะเป็นทรงตัดเหลี่ยมทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ เพราะในความเหมือนก็มีความแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองรุ่นมาให้พิจารณาเลือกใช้อยู่เช่นกัน

Redmi Note 12 Pro+ 5G

รุ่น Pro+ จะมีขอบตัวเครื่องด้านหลังโค้งและมีความหนามากกว่ารุ่น Pro เล็กน้อย (ตัว Pro+ มีขนาดตัวเครื่อง 8.98 มม. หนัก 210.5 กรัม / ส่วนรุ่น Pro จะบาง 7.9 มม. และมีน้ำหนัก 179 กรัม) นั้นก็เพราะว่า Redmi Note 12 Pro+ 5G ถูกติดตั้งกล้องหลังตัวหลักที่มีความละเอียดระดับสูงสุดๆ เป็นกล้องความละเอียด 200MP ใช้ชุดกล้องหลังแบบ 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 200MP ทำงานคู่กับกล้อง Ultra Wide 8MP และกล้อง macro 2MP

และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ยังเป็นรุ่นที่รองรับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge เทคโนโลยีชาร์จไวความเร็วสูงมากๆ แบตเตอรี่ภายในใส่เข้ามาให้ 5,000mAh ชาร์จด้วยโหมดเต็มประสิทธิภาพ 120W HyperCharge MAX จะสามารถชาร์จแบตได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 19 นาทีเท่านั้นเอง!! ไวมากๆๆ

โดยภายในตัวเครื่องได้มีการติดตั้งชุดระบายความร้อน LiquidCool Technology ที่มีขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษ เพื่อให้คลอบคลุมพื้นที่กระจายความร้อนได้มากถึง 3,000 ตร.มม. ช่วยคุมอุณหภูมิเครื่อง โดยจะมีชิป Xiaomi Surge P1 หรือชิปเซ็ตที่คอยดูแลระบบแบตเตอรี่โดยตรงมาเป็นตัวควบคุมหลัก

เมื่อคุมอุณหภูมิได้คงที่ ตัวเครื่องก็จะปล่อยประสิทธิภาพการทำงานได้เต็มที่ มีความปลอดภัย และส่งผลต่ออายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นไปพร้อมกันด้วยครับ

Redmi Note 12 Pro 5G

สำหรับแฝดน้อง จะให้กล้องหลังสามตัวมาเช่นกัน แต่กล้องหลักจะเป็นเซนเซอร์ความละเอียด 50MP ทำงานกับเซนเซอร์อีกสองตัวที่เหมือนๆ กับรุ่นแฝดพี่ นั้นคือกล้อง Ultra Wide 8MP และ macro 2MP

Redmi Note 12 Pro 5G จะรองรับระบบชาร์จไวที่เป็นตัว 67W Turbo charging และแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ยังคงสามารถชาร์จได้ไวมาก จากที่ทดสอบสามารถชาร์จแบต 50% ได้ในเวลาไม่ถึง 30นาที และตัวเครื่องไม่มีความร้อนใดๆ ที่ต้องเป็นกังวลครับ

ด้วยเทคโนโลยีกล้องหลังที่เซนเซอร์มีความละเอียดที่สูงกว่า และระบบชาร์จไฟรวมถึงระบบระบายความร้อน ทำให้ตัวเครื่องด้านหลังของรุ่น Pro+ จะมีความหนากว่า และหนักกว่าเล็กน้อย แต่ทาง Redmi มีการออกแบบให้ขอบเครื่องด้านหลังโค้ง เพื่อให้ถือจับได้เข้ามือถนัดได้เช่นเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าใหญ่หรือลำบากอะไรครับ เพราะอย่างไรก็มีความหนาโดยรวมแค่ 8.98มม. เท่านั้นเองสำหรับตัว Pro+

โดยทั้งสองรุ่นจะมีเข้ามาจำหน่ายใน 3 สีตัวเลือก คือ Midnight Black, Polar White และ Sky Blue

สำหรับ Pro จะมีความบางและเบากว่า และใช้การออกแบบขอบตัดเหลี่ยมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดูกระทัดรัด บางและเบา ถือจับใช้งานง่ายมากครับแม้เป็นคนมือไม่ใหญ่ก็ตาม

ทั้งสองรุ่นรองรับการสแกนนิ้วที่ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างเครื่อง ปุ่มเล็กแต่สแกนได้แม่นและทำงานไว มีการติดตั้ง IR Blaster ตัวอินฟราเรดเพื่อใช้งานเป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ และมีรูหูฟัง 3.5มม. อยู่ทั้งสองรุ่นครับ และในด้านการเชื่อมต่อก็รองรับทั้ง Wi-Fi 6, NFC, Bluetooth 5.2 และเชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งสองซิมพร้อมกันครับ แต่ไม่รองรับการใส่ micro SD Card เพิ่มเติม

เรียกว่าทั้งคู่ค่อนข้างครบครันเลยทีเดียวในด้านฮาร์ดแวร์ โดยอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีเคสใสซิลิโคน พร้อมกับสาย USB Type C พร้อมที่ชาร์จตรงรุ่นสำหรับทั้งสองอุปกรณ์ รุ่น Pro+ จะได้รับตัวอะเดปเตอร์ 120W HyperCharge และสำหรับรุ่น Pro จะได้รับ 67W Turbo charging ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มครับ

การใช้งานภายใน

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ในด้านสเปคการใช้งานเรียกว่าให้มาเท่ากันเลย ทั้งคู่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 เป็นชิปเซ็ต 5G ระดับ 6นาโน ทำงานคู่กับ RAM 8GB และ ROM 256GB (รุ่น Pro จะมีตัวเลือก 6GB+128GB ที่มีราคาถูกกว่ามาเป็นตัวเลือกให้ด้วย) มีความสามารถในการขยายแรมด้วยหน่วยความจำที่ยังไม่ใช้งานได้อีก 3GB รันด้วยระบบ MIUI 14 ครอบทับบน Android 12

Dimensity 1080 มีประสิทธิภาพมากพอแล้วสำหรับการนำมาเล่นเกมแบบจริงจังครับ สามารถรันเกม 3D กราฟิกสวยๆ ได้ลื่นในระดับไม่ขัดใจ จากที่ทดสอบใช้งานทั้งตัว Pro และ Pro+ ตัวเครื่องไม่ร้อนจนต้องเป็นกังวล ไม่มีอาการผิดปกติ จะมีอุณหภูมิอุ่นขึ้นมาให้รู้สึกบ้างเวลาใช้งานต่อนานๆ และไปใช้งานในที่ที่มีอากาศร้อน แต่เอาอยู่ครับเรื่องอุณหภูมิ

ประสิทธิภาพการใช้งานลื่นไหลดีครับ ไม่มีปัญหาอะไรในการใช้งาน ให้ความรู้สึกในเกรดเครื่องระดับกลาง เล่นเกมได้ดี ใช้งานทั่วไปได้คล่อง เปิดใช้งานสองแอปพลิเคชั่นพร้อมกันยังสามารถทำงานได้สบายอยู่ครับ RAM 8GB+3GB เข้าออกแอปสักประมาณห้าถึงหกแอปจะยังทำได้ไว

มีตัวช่วยในด้านการเล่นเกม เป็น Game Space ตัวใหม่สุดของระบบ Redmi สามารถจัดสรรเคลียร์ทรัพยากรเคลื่องให้เล่นเกมได้ไหลลื่นที่สุดแบบเต็มกำลังเครื่องตามที่เราปรับตั้งได้เอง รวมถึงการปิดกั้นและปรับแต่งระบบการแจ้งเตือนและระบบตัวเครื่องต่างๆ ได้ในหน้าต่างตัวเลือกของ Game Space ทั้งหมด สะดวกและใช้งานง่ายครับ

ระบบ MIUI 14 สามารถให้เรากำหนดระดับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องได้สามระดับ ค่าพื้นฐานเปิดมาให้อยู่ในระดับสมดุล เราสามารถเข้าไปปรับเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพได้เองในการตั้งค่า อยากใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพก็จะกินแบตเตอรี่มากขึ้นสักหน่อยและตัวเครื่องมีอุณหภูมิโดยรวมที่สูงขึ้น

แต่จากที่ผมทดสอบก็จะเปิดอยู่ในโหมดเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาอยู่แล้วครับ และอย่างที่บอกว่าตัวเครื่องไม่ได้มีความร้อนมากอะไร ส่วนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็อยู่กับเราได้เช้าถึงค่ำถ้าเปิดประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานน่าจะอยู่ได้นานถึงสองวัน

เฉลี่ยการใช้งานต่อเนื่องจะกินพลังงานประมาณชั่วโมงละ 12% ครับ สำหรับการเปิดแสงหน้าจอประมาณ 35% ในการเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์

ในรุ่น Redmi Note 12 Pro+ 5G จะมีการตั้งค่าพิเศษสำหรับปลดล็อค “เพิ่มความเร็วการชาร์จ” ด้วยฟังก์ชั่นนี้แหละจะทำให้เราสามารถชาร์จแบต 5,000mAh ของ Redmi Note 12 Pro+ 5G ให้เต็มได้เวลาแค่ 19นาที เพราะเมื่อเราเปิดการทำงานของฟังก์ชั่นนี้ตัวเครื่องจะให้ความสำคัญกับความเร็วการชาร์จมากขึ้น (ค่าปกติมาจะเป็นการปิดเอาไว้) ยิ่งแบตเตอรี่เหลือน้อยตัวเครื่องก็จะยิ่งชาร์จได้ไว แต่ตัวเครื่องก็อาจจะเกิดความร้อนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามภายในระบบก็จะคอยควบคุมอุณหภูมิและดูแลความปลอดภัยให้เราอยู่ดี โดยในขณะที่ชาร์จจะมีคำแนะนำขึ้นแจ้งให้เราทราบ และอนิเมชั่นขณะชาร์จจะมีคำว่า “MAX” ปรากฏขึ้นให้เราทราบด้วยเช่นกัน

หน้าจอแสดงผลสามารถปรับแต่งโทนสีสันได้ มีโหมดธีมมืดและโหมดสบายตาสำหรับการใช้งานกลางคืนหรือสำหรับการอ่านหนังสือ ปรับลดแสงสีฟ้าหรือจะปรับหน้าจอให้เป็นโทนขาวดำแบบกระดาษก็ได้เช่นกัน

นอกจากเรื่องภาพก็สามารถปรับโทนเสียงของลำโพงได้ตามค่าพรีเซ็ตที่ให้มา แบ่งแยกตามลักษณะคอนเทนต์ที่กำลังใช้ เช่นเล่นเกม หรือฟังเพลงดูหนัง หรือจะเปิดใช้งานพรีเซ็ตตามแนวเพลงที่ฟังก์มีรองรับครับ ปรับได้ทั้งการใช้งานเสียงจากลำโพงและเสียงจากหูฟัง

รุ่นนี้ดูหนังเต็มตาดีครับ จอใหญ่ สีสันดีขอบจอไม่ใหญ่ และลำโพงคู่ และมีแบตเตอรี่อึดที่ใช้งานได้นาน เอาไว้ดูหนังระหว่างวันสบายๆ ถ้าแบตหมดก็แวะชาร์จไม่นานเลยครับ 120W และ 67W ถือว่าให้ระบบชาร์จไวที่ดีเกินตัวมาให้อย่างมากๆ

กล้องถ่ายภาพ

ในด้านการถ่ายภาพของ Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ให้กล้องหน้าความละเอียด 16MP เป็นกล้องตัวเดียวกัน แต่ต่างกันที่กล้องหลังตัวหลัก โดยตัว PRO จะให้มาเป็นกล้อง Sony IMX766 เซนเซอร์ใหญ่ 1/1.56” มีระบบกันสั่น OIS ความละเอียด 50MP ส่วนตัว Pro+ จะให้กล้องหลักความละเอียดที่สูงกว่าเป็นกล้อง 200MP ขนาดเซนเซอร์ 1/1.4″ และมีกันสั่น OIS เช่นกัน คุณภาพกล้องหลักถ่ายง่าย โฟกัสไว มีคุณภาพสูงแล้วทั้งสองรุ่นครับ ต่างกันที่ตัว Pro+ จะมีโหมดถ่ายภาพความละเอียด 200MP เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานเท่านั้น ที่เหลือเป็นซอฟท์แวร์ตัวเดียวกันทั่งหมดเลยครับ

ทำงานคู่กับเลนส์มุมกว้าง 8MP และเลนส์มาโคร 2MP รองรับการถ่ายภาพตั้งแต่ระยะมาโคร 4 เซนติเมตร ไปจนถึงการซูมดิจิทัลระยะ 10x

มาพร้อมลายน้ำพิเศษ ที่จะใส่ข้อมูลและกรอบให้กับภาพถ่าย เราสามารถเลือกได้ว่าอยากจะใช้ลายน้ำที่แสดงเฉพาะชื่อรุ่นหรือจะเอาเป็นกรอบพิเศษ

ตัวกล้องมี AI คอยช่วยปรับแต่งภาพและสีสันของสิ่งที่ถ่ายให้เราโดยอัตโนมัติ ถ่ายง่ายครับ แสงดีโฟกัสไว เป็นกล้องที่ให้มิติภาพที่ดีเลยครับ ทั้งตัว Pro และ Pro+

ตัวอย่างภาพถ่ายจากหลายๆ โหมด

รุ่นนี้มีโหมดการถ่ายภาพครบ มีโหมดถ่ายภาพบุคคลละลายหลัง เลือกระยะชัดลึกชัดตื้นละลายหลังได้ก่อนถ่ายแบบเรียลไทม์ พร้อมฟังก์ชั่นการปรับแต่ใบหน้าเนียนใสที่ทำงานได้คู่กัน จับโฟกัสใบหน้าได้แม่นครับภาพบุคคลจึงออกมาดีครับ ใบหน้าเนียนแยกคนได้แม่น และทำงานได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลยครับ

สามารถมาปรับแต่งภาพในภายหลังการถ่ายได้ด้วย เลือกระยะชัดลึกชัดตื้นได้ใหม่ หรือเลือกจุดโฟกัสใหม่ได้ทั้งหมด

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ไม่ได้ถูกพัฒนามาแค่เรื่องของตัวกล้องถ่ายภาพ แต่มีการพัฒนาระบบจัดการภาพและปรับแต่งภาพภายหลังการขายมาได้ดีด้วยครับ เราสามารถใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งภาพให้สวยได้ในคลิ๊กเดียว

รวมถึงใช้ AI ลบวัตถุที่ไม่ต้องการบนภาพ เปลี่ยนตำแหน่งลายน้ำบนภาพ รวมถึงปรับเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นอย่างที่เราต้องการ วันที่แดดแรงๆ อากาศร้อนจนท้องฟ้าขาวโพลนไปหมด เราสามารถเติมความสดใสให้กับท้องฟ้าได้ในคลิ๊กเดียวราวกับเสกมาเลยครับ ตัวปรับแต่งภาพของ Redmo Note 12 Pro Series ถือว่าเด็ดดวงมาก

มีฟิลเตอร์คลาสสิกที่ทำเลียนแบบเอกลักษณ์จากฟิล์มเก่า มีมาให้เล่นในการถ่ายภาพหลายตัว เช่น KC64, V-250, H-400, FC400 เป็นต้น ให้ลักษณะสีภาพย้อนยุค แปลกตาดีครับ

โหมดถ่ายภาพกลางคืน ภาพออกมาคม ไม่มีนอยส์ รองรับการซูมภาพได้ปกติเหมือนโหมดภ่ายภาพกลางวัน

กล้องดีซอฟท์แวร์ดีครับ รุ่นนี้ทำกล้องมาได้ยอดเยี่ยมเกินราคา ติดตัวไปท่องเที่ยวได้เลยไม่มีผิดหวังครับ

โหมดภาพความละเอียดสูงของทั้งคู่ ถ่ายก่อนแล้วมาครอปตัดภาพในส่วนที่ต้องการภายหลัง ภาพก็ยังคมครับ ในรุ่น Pro รองรับภาพขนาด 50MP ไฟล์ภาพขนาด 10MB+ ขยายขึ้นมาใช้ก็เรียกว่าชัดมากแล้ว แต่สำหรับภาพ 200MP ของรุ่น Pro+ เรียกได้ว่าใหญ่จนเอาไปพิมพ์คลุมตึกได้เลย

ภาพโหมด 200MP Ultra HD นำไปขยายบางส่วนใช้ในภายหลังภาพยังดูคมใช้ได้อยู่ครับ แต่ขนาดภาพก็ไฟล์ใหญ่มาก ไม่เหมาะสำหรับการถ่ายในกรณีปกติ เปลื่องพื้นที่เกินไป ใช้แค่ตอนต้องการถ่ายแล้วนำไปซูมในภายหลังเท่านั้นก็พอครับ

เมื่อถ่ายภาพบนความละเอียด 200MP เราไม่ต้องตัดครอปภาพเองก็ได้ครับ เพราะจะมาพร้อมฟังก์ชั่น Xiaomi Pro Cut ที่จะแนะนำภาพตัดในสัดส่วนต่างๆ ออกมาให้โดยอัตโนมัติ

สรุปท้ายรีวิว

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G สมาร์ตโฟนน่าใช้ครับ ตัวเครื่องสวย งานประกอบแน่น จับสัมผัสรู้สึกทนทาน และมาในราคาที่คุ้มดีครับ ให้สเปคใช้งานที่เพียงพอต่อการทำงานรอบด้าน เล่นเกมได้ ดูหนังก็ดี จอภาพสวยและลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังชัด แบตเตอรี่ใหญ่ และให้ระบบชาร์จไวที่ชาร์จไดเร็วมากๆ สูงสุดถึง 120W เลยทีเดียว

ระบบกล้องถ่ายภาพพัฒนามาได้ดี ถ่ายง่าย โฟกัสไว ได้ภาพสวยติดตัวไปเที่ยวใช้งานได้สนุก และมีความละเอียดที่ค่อนข้างสูงมาก 200MP

Redmi Note 12 Pro+ 5G และ Redmi Note 12 Pro 5G เปิดให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าได้ในระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2566 – 6 พฤษภาคม 2566 ซึ่งลูกค้าที่สั่งจองจะได้รับของแถมฟรี เป็นกระเป๋าเดินทาง Luggage และบัตร VIP Service Card มูลค่าของแถมรวม 6,780 บาท

โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ มีให้เลือก 3 สี  Midnight Black, Polar White และ Sky Blue จะวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ผ่านทางที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

  • Redmi Note 12 Pro+ 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท
  • Redmi Note 12 Pro 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท
  • ** Redmi Note 12 Pro 5G รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท (** วางจำหน่ายเฉพาะที่ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS เท่านั้น)

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version