Advertisement

Xiaomi เปิดตัว Redmi Note 10 Pro สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ ที่มากับราคาน่าประทับใจมาก 8,499 บาท แต่ให้สเปคเกินราคาขายไปไกล กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล กับหน้าจอ AMOLED ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูง 120Hz สเปคแรง Snapdragon 732G แบตเตอรี่ใหญ่พร้อมชาร์จไว 33W ลำโพงสเตอริโอคู่ งานออกแบบระดับเครื่องพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะดูจากมุมไหน ก็ไม่น่าจะมีราคาขายที่ถูกขนาดนี้ได้เลยครับ แต่สำหรับ Redmi จาก Xiaomi ให้เราได้ และใครที่่สนใจ จริงๆก็ไม่ต้องอ่านรีวิวให้จบก็ได้ครับ ถ้าจะเอาความคุ้มค่า แล้วถูกใจกับแบรนด์ Redmi จาก Xiaomi อยู่แล้ว ก็ตรงไปสั่งจองได้เลย ยังไงก็ไม่ขาดทุน ^^

Redmi Note 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวมาคู่กันกับ Redmi Note 10 รุ่นธรรมดาด้วยนะครับ อย่าจำชื่อสับสนกัน สำหรับรุ่น Pro จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายนเป็นต้นไปในราคาเริ่มต้น 8,499 บาท และรุ่นธรรมดา Redmi Note 10 วางจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท ซึ่งวันนี้เราจะเน้นไปที่  Pro เป็นหลักนะครับ

Advertisement

 

หน้าจอ AMOLED รีเพรชเรท 120Hz

Redmi Note 10 Pro เป็นเครื่องที่แต่ละอย่างเกินตัวมากครับ เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลของมัน มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้วแบบ DotDisplay เจาะรูวางหล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไว้เล็กนิดเดียว สัดส่วนหน้าจอ 20:9 และเป็นหน้าจอรองรับรีเฟรชเรทระดับ 120Hz อีกด้วย ใช้งานกันมัน ลื่นตาทั้งเกมและแอพต่างๆ ในภาพที่การเคลื่อนไหวสมูธกว่าจอทั่วไป 2 เท่า เลือกใช้กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5 ทนทานแบบไม่มีลดงบประมาณ

มีเข้ามาจำหน่าย 3 สี  Glacier Blue, Gradient Bronze และสีเทากระจก Onyx Gray ที่เห็นในรีวิวนี้ครับ

ตัวเครื่องบางและสวยงาม แบตเตอรี่ใหญ่ 5,020mAh แต่ขนาดตัวเครื่องแค่ 8.1 มิล หนัก 193 กรัม ด้านหลังเครื่องโค้ง ยกโมดูกล้องด้านหลังขึ้นมาเด่นชัด การวางกล้องไม่ธรรมดา ดูเหมือนเครื่องระดับมีราคาเลยครับ เพราะกล้องด้านหลังคุณภาพสูงมาก เป็นกล้องความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล พร้อมกับเลนส์มุมกว้าง  8 ล้านพิกเซล กล้องเทเลโฟโต้ 5ล้านพิกเซล และสุดท้ายกล้อง Depth sensor ไว้ถ่ายภาพบุคคล ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

มีรูหูฟัง 3.5 มม. ด้านบนมี IR Infared สำหรับใช้งานเป็นรีโมท ให้ที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษลักษณะผิวโค้ง ทัชง่ายกดง่าย สแกนได้ไวมากๆ แค่วางนิ้วก็เข้าใช้งานได้อย่างเร็วเลย

รองรับสองซิมการ์ด พร้อมช่องใส่ Micro SD card แยกต่างหากเป็นสามสล็อต ให้ลำโพงคู่ที่ด้านล่างสเตอริโอ เต็มอิ่มครับ ไม่เจอจุดอ่อนอะไรเลยในด้านฮาร์ดแวร์ตัวเครื่อง นี่มันเกินราคาแปดพันกว่าบาทไปไกลมากครับ

อุปกรณ์ภายในกล่องมีมาให้ทั้งเคสซิลิโคน ที่ชาร์จไว 33W Turbo Charge และสาย USB Type-C สิ่งเดียวที่อาจจะขาดไป อย่างเดียวจริงๆ สำหรับเครื่องรุ่นนี้ คือมันไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่อง แต่ใครสน! เล่นให้เครื่องมาขนาดนี้ ยอมหาหูฟังเอาทีหลังก็ได้ 555

การใช้งานภายใน Redmi Note 10 Pro ใช้ Qualcomm Snapdragon 732G 

Snapdragon 732G มีประสิทธิภาพสูงพอสำหรับการเล่นเกมในระดับรีเฟรชเรท 120Hz ได้ลื่นไหลแล้วครับ รวมถึงการใช้งานทุกอย่างของระบบ Android ครับ เป็นหน่วยประมวลผลระดับท็อปของ Mid-End ในกลุ่มสมาร์ทโฟน 4G ขยับขึ้นไปอีกก็จะเป็นชิปเซ็ตในยุค 5G ให้แรมสองขนาดเป็นตัวเลือกจำหน่ายในไทย คือแรม 6GB และ 8GB หน่วยความจำเท่ากัน 128GB รันด้วยระบบ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI Global 12

ตัวที่ผมได้มารีวิวเป็นแรมขนาด 6GB การเข้าออกแอพไม่ช้า ใช้งานไม่หน่วงให้รู้สึกหงุดหงิดอะไรครับ แต่ถ้าเป็นตัวแรม 8GB น่าจะได้ความคล่องตัว และความรวดเร็วในระหว่างสลับแอพใช้งานเร็วกว่านี้ไปได้อีกสักหน่อยครับ ไม่สำคัญจนเห็นความต่างมากสักเท่าไหร่

ระบบภายในให้ฟังก์ชั่นช่วยเหลือการใช้งานมาหลายตัว สำหรับการดูแลด้านความปลอดภัย จัดการไฟล์ขยะ

การปรับแต่งหน้าจอแสดงผล สามารเลือกระดับ Refresh Rate ได้ระหว่าง 60 กับ 120Hz แต่ผมแนะนำว่าเปิดไปเลยครับ 120Hz ไม่ต้องกลัวแบตหมดไว เพราะแบตเตอรี่ค่อนข้างใหญ่ ใช้งานได้นานถึงกลับบ้านแน่นอนครับ

มีโหมดการอ่านสำหรับถนอมสายตา โหมดมืดเพื่อใช้งานในตอนกลางคืน เราตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติพวกโหมดเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าได้ ให้มันเปิดทำงานเองตอนกลางคืน

สำหรับคนชอบดู VR สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบของ MIUI เขามีฟังก์ชั่นการเสริมความคมชัดให้กับโหมด VR ไว้ด้วยนะครับ เวลารับชมวีดีโอ VR ภาพจะสด คม และเวียนหัวน้อยลงครับ ^^

ความสามารถในการเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้ ด้วยชุดคำสั่งลัดต่างๆ ที่เรากำหนดได้เอง โดยการกำหนดปุ่มคำสั่งผสมระหว่างสามปุ่มหลักของระบบ กับปุ่มบนตัวเครื่อง เพื่อเรียกใช้งานคำสั่งด่วนที่เรากำหนดไว้ได้เป็นต้น

“หน้าจอเปิดตลอด” ไว้สำหรับแสดงเวลา ข้อมูลการแจ้งเตือน โดยสามารถเลือกใช้จากอนิเมชั่นและกราฟิกสวยๆ ที่เครื่องมีเตรียมไว้ให้

สำหรับผู้ที่ชอบการเล่นเกม จะมีโหมด Game Turbo ที่ออกแบบมาเพื่อผู้เล่นเกมในระดับมือโปรได้เลยครับ เป็นศูนย์กลางของการเริ่มต้นเล่นเกม ตัวระบบจะรีดประสิทธิภาพเครื่องเพื่อให้พร้อมสำหรับการเล่นเกมได้ดีที่สุด พร้อมเปิดการป้องกันที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการเล่น เช่นการติดต่อเข้ามา การแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ หรือการปิดกั้นส่วนสัมผัสบริเวณมุมจอ ที่มือเราอาจจะไปโดนโดยบังเอิญเป็นต้น

ปรับสีสันของภาพในแต่ละเกมไว้ล่วงหน้า ว่าต้องการให้ภาพของเกมเห็นรายละเอียดและความแตกต่างของสีมากน้อยสักเท่าไหร่ เราถึงจะเห็นได้ถนัด ปรับตั้งความไวสัมผัสและการตอบสนองได้ตามใจตัวเอง ปรับได้เยอะมากครับสำหรับโหมดเกมของ MIUI

สามารถเปิดหน้าต่าง POP UP ซ้อนขึ้นมาในหน้าเกมได้ด้วย  มีฟังก์ชั่นเท่ๆ อย่างเปลี่ยนเสียงของเราเป็นเสียงอื่นในการแชตภายในเกมครับ

หน้าจอใหญ่ ภาพสีสด รีเฟรชเรทดี ใช้เล่นเกมหรือดูหนังก็สวยครับ พร้อมลำโพงคู่เสียงดังชัดเจน ยิ่งใช้ยิ่งรู้สึกลืมราคาขายมันไปทุกทีครับ

ในโหมดปกติของหน้า MIUI เราก็สามารถเปิดแอพซ้อนแอพขึ้นมาทำงานพร้อมกันเป็น POP UP ได้เช่นกันนะครับ สำหรับใครที่ต้องการใช้งานสองแอพพลิเคชั่น

แบตเตอรี่อึดครับ ใช้งานได้นาน เปิดทำงานเต็มที่ในวันปกติของผมจะอยู่ได้ถึงค่ำเลย ชาร์จไฟค่อนข้างไว ได้แบต 50% ในเวลา 30 นาทีเท่านั้นเอง

จับสัญญาณ GPS ได้ไวแม้ไม่ใช่เน็ตช่วย การเชื่อมต่อต่างๆ ไม่มีปัญหาครับ

Redmi Note 10 Pro ครั้งแรกของซีรี่ส์กับกล้องความละเอียด 108 ล้าน

กล้องหลัง 4 ตัว มี AI คอยช่วยแต่งภาพให้ ความละเอียดกล้องหลักสูงมาก 108 ล้านพิกเซล ทำงานกับกล้องมุมกว้าง ultra-wide angle 8 และ telemacro 5 ล้านพิกเซล ทั้งซูมภาพ ทั้งภาพมุมกว้าง และโหมดมาโคร รองรับหมดครับ

โหมดถ่ายภาพเยอะมากครับ ทั้งสำหรับมือใหม่และมือโปร เล่นได้เยอะเลยกล้องรุ่นนี้

ซูมภาพได้สูงสุด 10X จากที่ทดสอบมา ภาพถ่ายในระยะซูม 2X ยังคมไม่เสียรายละเอียดครับ เกินกว่าระยะ 5X ภาพจะเริ่มดูไม่สวยแล้ว

ภาพความละเอียดสูง เอาไว้ถ่ายเพื่อนำมาซูมเอารายละเอียดหรือนำไปใช้พิมพ์ภาพขนาดใหญ่ได้ครับ

ถ่ายคนสนุกรุ่นนี้ มีโหมดหน้าชัดหลังเบลอจากกล้อง depth sensor 2 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพบุคคลได้หลากหลายฟังก์ชั่นมาก เราสามารถเบลอฉากหลังให้กลายเป็นโปเก้แปลกๆ ได้หลายรูปแบบ โปเก้หมุน โปเก้แบบเส้นสปีด หรือแบบระเบิดซูม จำลองได้หมดครับ

 

 

กล้องของ Redmi Note 10 Pro มีฟังก์ชั่นเล่นกับวีดีโอหลายตัวที่น่าสนใจด้วย เช่นโหมดสโลว์โมชั่น โหมดไฮเปอร์แลป และโหมดที่แปลกตาที่สุด คือ “โคลน” การแยกร่างแบบให้กลายเป็นหลายคน ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ทำให้นางแบบเราคุยกับตัวเองได้ ^^ หรือโหมด “หยุดเฟรม” ที่ดูสวยงามและก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์นำไปทำต่อกันได้ดีทีเดียวครับ

ลองดูตัวอย่างวีดีโอโหมดเล่นกับบุคคลของ  Redmi Note 10 Pro ในคลิปด้านล่างนี้กันดีกว่า ว่ามันทำอะไรได้บ้าง

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมบิวตี้โหมด และทำหน้าชัดหลังเบลอที่ปรับระยะชัดลึกชัดตื้นได้หลังการถ่ายเช่นเดียวกับกล้องหลังครับ คุณภาพพอใช้ได้ มีฟิลเตอร์ปรับสีสัน และแสงเอฟเฟ็กต์ให้เลือกเล่นด้วย ^^

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า

มีโหมดกล้องคู่ ที่ใช้กล้องหน้าและกล้องหลังร่วมกัน ถ่ายสองด้านพร้อมกันในรูปแบบวีดีโอ มีการจัดเฟรมให้เลือกใช้สองแบบ แบบแบ่งครึ่งหรือเป็น Pop Up เล็กๆ ซ่อนทับกัน

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง

กล้องถ่ายภาพของ Reami Note 10 Pro เน้นถ่ายสนุกครับ คุณภาพของภาพที่ได้จากกล้องอยู่ในระดับใช้ได้ครับ แสงสว่างเพียงพอภาพคม สีสวย ที่สำคัญมีฟังก์ชั่นเยอะมาก ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ และมีความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ยังมีความสามารถด้านกล้องอีกเพียบเลยครับที่มีอยู่ในกล้องรุ่นนี้ที่ผมยังไม่ได้พูดถึง เพราะมันเยอะและยิบย่อยมากๆ ^^

สรุปท้ายรีวิว

สมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่ได้เทคโนโลยีมาเกินตัว หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz ลำโพงสเตอริโอ สเปคเครื่องก็แรง Snapdragon 732G แบตเตอรี่ใหญ่ 5,020 mAh รองรับชาร์จไว 33W กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ครบไปหมดครับ ตัวเครื่องก็สวย

สิ่งที่สำคัญที่สุดของ Redmi Note 10 Pro คือราคาที่ถูกมากเมื่อดูจากสเปค

  • ความจุ RAM 8GB + ROM 128 GB ราคา 8,999 บาท (วางจำหน่าย ที่ Mi Stores, ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์)
  • ความจุ RAM 6GB + ROM 128 GB ราคา 8,499 บาท (วางจำหน่ายเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ)

ด้วยราคาขายที่ไม่ถึงเก้าพันแต่ได้มาในระดับนี้ ถ้าใครไม่ได้สนใจสมาร์ทโฟนที่ต้องรองรับ 5G ผมก็ฟันธง ซื้อได้เลย เริ่มวางจำหน่ายวันที่ เมษายน เป็นต้นไปนะครับ

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version