Advertisement

OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนถ่ายคนอย่างโปร ภาพสวยคมชัด ละลายหลังอย่างเป็นธรรมชาติ

81% ยอดเยี่ยม

ตัวเครื่องสวยงาม กระจกจอและฝาหลังโค้งให้ความสวยงามดูมีราคาแบบเครื่องพรีเมี่ยม งานประกอบแน่นหนา เพียวบางน่าใช้ ทำสีและลวดลายไม่เหมือนใคร ดูทันสมัยแต่มีความเป็นธรรมชาติในตัว
สเปคดีมีฟังก์ชั่นครบ ระบบทำมาได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้งานได้ลื่นไหลไม่เจอปัญหาใดๆ ในการทดสอบใช้งาน มีเทคโนโลยีการเร่งจับสัญญาณเมื่อพบจุดอับที่สัญญาณอ่อน
กล้องถ่ายภาพออกแบบมาได้อย่างดี มีโหมดสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่ครบครัน ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาครบทั้งฟังก์ชั่นและคุณภาพของกล้อง
เหมาะกับคนชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพ อยากได้สมาร์ตโฟนเครื่องสวยที่มีความทนทานแต่บางเบา ใช้เก็บภาพท่องเที่ยวได้สวยงาม ตัวนี้ยกให้เลยว่าตรงงานที่ต้องการแน่นอน

จุดเด่น
  1. ตัวเครื่องสวยงาม บางเบา สีสันและลวดลายใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
  2. กล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยม มาพร้อมโหมดพอร์ตเทรตที่ซูมได้ ถ่ายบุคคลได้ ถ่ายได่สวยงามทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ฟังก์ชั่นครบ
  3. หน้าจอใหญ่ ขอบจอเล็กมากเพียง 1.57 มม. ขอบบางมากที่สุดในตลาดขณะนี้
  4. ลำโพงคู่สเตอริโอ เร่งเสียงได้ดังกว่าปกติ 300%
  5. รองรับระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC ระบบชาร์จที่ดีที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน
  6. มีเทคโนโลยี LinkBoost ตัวเร่งการจับสัญญาณได้รวดเร็วและต่อเนื่องกว่าใคร ลดปัญหาเวลาเข้าจุดอับสัญญาณหรือมีผู้ใช้บริการอยู่รวมกันเยอะๆ
ต้องปรับปรุง
  1. ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนอุปกรณ์โดยตรง
  2. ไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่อง
  • ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน 80 %
  • ประสิทธิภาพ 80 %
  • วัสดุและการประกอบ 90 %
  • กล้องถ่ายรูป 80 %
  • ความคุ้มค่าต่อราคา 75 %

OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนจากซีรี่ส์ Reno11 ที่โดดเด่นกว่าใครในเรื่องของการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพบุคคลหรือโหมดพอร์ตเทรตนั้นเอง เพราะรุ่นนี้ใส่เลนส์เทเลโฟโต้คุณภาพสูงที่รองรับการซูมภาพแบบ 2x ในโหมดพอร์ตเทรตมาให้ มีมุมมองการถ่ายบุคคลในสองระยะที่ให้ความลึกของภาพแตกต่างกัน แต่มีความคมชัดในระดับที่ไม่แตกต่างกันเลยนั้นเองครับ

และยังเปิดตัวออกมาพร้อมตัวเครื่องจริงที่สวยสะดุดตามาก ผิวฝาหลังที่ทำมาเป็นพิเศษ เลียนแบบเรื่องราวจากธรรมชาตินำมาทำเป็นลวดลายและสีสันใหม่ ดูทันสมัยและมีความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวเอง ในขณะที่เจ้าอื่นเริ่มทำตัวเครื่องออกมาได้สวยงานมากขึ้น แต่ OPPO ก็ยังนำไปได้ไกลกว่าในด้านความเป็นแฟชั่นอยู่เสมอ

Advertisement

และสำหรับ OPPO Reno11 5G นอกจากสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ง่ายๆ จากภายนอกแล้ว ยังมีการใช้งานภายในที่ได้พัฒนาใหม่เข้ามาอีกมากมายครับ โดยในรีวิวนี้ผมจะพาไปรู้จักกับความสามารถของ Reno11 5G กันแบบครบๆ ในบทความเลยนะครับว่าจะมีอะไรบ้าง

กล้องถ่ายภาพ ที่มาพร้อมความสามารถถ่ายคนได้อย่างโปร

OPPO Reno11 5G มาพร้อมกับระบบกล้องที่มีคุณภาพทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ในการถ่ายภาพเลยครับ เริ่มจากตัวกล้อง

  • กล้องหลังตัวหลัก Sony LYT600 ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS ในตัว เป็นเซนเซอร์ขนาด 1/1.95″ f1.8 ทางยาวโฟกัส 26 มม.
  • กล้องพอร์ตเทรต เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ Sony IMX709 ความละเอียด 32MP เป็นเซนเซอร์ขนาด 1/2.74″ f2 ทางยาวโฟกัส 47 มม.
  • กล้องมุมกว้างพิเศษ Sony IMX355 ความละเอียด 8MP เป็นเซนเซอร์ขนาด f2.2 เป็นเลนส์ Ultra-Wide ทางยาวโฟกัส 16 มม.

ด้วยชุดกล้องจาก Sony ทั้งสามเลนส์ในระยะที่แตกต่างกัน ทำให้ชุดกล้องของ OPPO Reno11 5G สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ทั้งในระยะเลนส์ 26 มม. และแบบซูม 2x ที่ระยะ 47 มม. ได้นั้นเองครับ สร้างระยะมิติของภาพบุคคลกับฉากหลังได้แตกต่างกันเพราะเป็นการใช้การซูมด้วยออฟติคัลไม่ใช่เป็นการซูมแบบซอฟท์แวร์ มากับฟิลเตอร์ปรับโทนสีหลากหลายอารมณ์มาให้เล่นเยอะครับ ถ่ายคนสนุกแน่นอน

ตัดภาพคนได้คมด้วยเลนส์ที่ดีและมีระยะที่เหมาะสมครับ ในด้านซอฟท์แวร์ก็มีการใส่ระบบเฉพาะของ OPPO ที่เก่งกาจมากเป็นพิเศษอยู่แล้วในเรื่องของการถ่ายคน โดยมีการใส่ระบบ Portrait Expert Engine เข้ามาช่่วยปรับภาพให้เราอัตโนมัติ ภาพจะถูกปรับแต่งสีสัน ความคมชัด ความสวยงามของโบเก้ฉากหลัง รวมถึงการปรับสมดุลแสงและความสว่างของใบหน้าคนให้เราได้อัตโนมัติ

ตัวกล้องมีระบบกันสั่น OIS และใช้การจัดเรียงเซนเซอร์แบบพิเศษของตัวเองแบบ RGBW (Red, Green, Blue, White) ซึ่งตามข้อมูลเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความไวในการรับแสงได้มากกว่าเซนเซอร์ RGGB แบบที่ใช้กันดั้งเดิมได้ถึง 60% ช่วยลดนอยส์ให้กับภาพได้มากขึ้น 35% ทำให้ภาพมีความสว่าง จัดการแสงได้ดีมากขึ้น ฉะนั้นในเวลาถ่ายภาพไม่ต้องกลัวแสงในอาคาร หรือมีเงาร่ม ตัวกันสั่นกับเทคนิคการรับแสงที่ดีขึ้นจะช่วยให้ภาพยังมีความคมได้เท่าเดิมได้ครับ

ออกแบบระบบมาได้ฉลาดสำหรับการถ่ายภาพคนจริงๆ ครับ มีการปรับรูปให้กับเราได้เองอัตโนมัติหลังกดถ่ายไปแล้ว โดยใช้โปรเซสเล็กน้อย และเป็นกล้องที่ให้อารมณ์แตกต่างกันในสองระยะการซูมที่กำลังน่าใช้ โดยการถ่ายแบบความยาวโฟกัส 26 มม. จะยังคงเหมาะสมกับการเฉลี่ยความสำคัญในภาพระหว่างบุคคลกับบรรยากาศฉากหลัง และสำหรับภาพแบบความยาวโฟกัส 47 มม. จะเหมาะมากที่จะเน้นไปยังตัวบุคคลแบบเต็มที่ เป็นมุมมองและแนวภาพการถ่ายบุคคลแบบที่มืออาชีพชอบใช้นั้นเองครับ รุ่นนี้จัดมาให้แล้ว และคุณภาพเอาอยู่แทบทุกสภาพแสง

รองรับการถ่ายภาพตั้งแต่ระยะ 0.6 ไปจนถึง การซูมดิจิทัลแบบ 10x โดยที่จะรองรับการซูมแบบ in-sensor ในระยะ 5x ภาพยังไม่แตกแบบเสียรายละเอียดไปมากนักครับ

ความสามารถของกล้อง OPPO Reno11 5G สำหรับการเล่นกับตัวบุคคลมีใส่มามากมาย ทั้งการปรับแต่งอัตโนมัติด้วย AI และการปรับแต่งใบหน้าของผู้ใช้เองผ่านทางเครื่องมือบนหน้าแอปถ่ายภาพ มีฟิลเตอร์สีสันและเอฟเฟ็กต์สำหรับถ่ายภาพคนอย่าง AI Color Portrait ที่จะเปลี่ยนสีฉากหลังของบุคคลให้กลายเป็นขาวดำทั้งหมด และ Bokeh Fair Portrait ที่จะเร่งให้ดวงไฟโบเก้ของฉากหลังมีดวงที่กลมโตและสวยขึ้นกว่าปกติได้ อยากจะอลังการงานโบเก้ ก็หาแสงไฟหรือเงาไม้ในฉากหลัง แล้วเปิดใช้ไปเลยครับ^^

และผมชอบที่ตัวกล้องมีการใส่ระบบปรับความสว่างของภาพที่ใช้งานได้ง่ายๆ เหมือนกล้องใหญ่เข้ามาให้แล้วครับ เป็นการปรับค่า EV (ความสว่าง) จากการเลื่อนขีดระดับง่ายๆ ไม่ต้องมาเล็งสไลด์เพิ่มความสว่างแบบเล็กๆ ให้เราต้องลำบากกันแล้ว

ในความสามารถการถ่ายวีดีโอของรุ่นนี้ ก็สามารถถ่ายวีดีโอแนวละลายหลังได้ด้วย พร้อมโหมด AI Color Portrait และ Bokeh Fair Portrait และการตัดสีในวีดีโอให้เหลือแต่สีเฉพาะที่เลือกไว้ รวมถึงความสามารถในการถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังครับ

กล้องหน้า 32MP ของ OPPO Reno11 5G จึงมีความสามารถครบไม่ต่างจากกล้องหลัง และเซลฟี่บุคคลได้สนุกและภาพสวยเช่นกันครับ ^^ ทั้งการปรับระดับชัดลึกชัดตื้น, การปรับแต่งใบหน้าได้ละเอียดในทุกส่วน, การเล่นกับ AI Color Portrait และ Bokeh Fair Portrait มาครบครับ

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า สวยงามพร้อมใช้ ^^ ถ่ายเองก็สวยได้ไม่แพ้กล้องหลังครับ

ตัวเครื่องสวย บางเบา งานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

OPPO ยังคงใส่ใจในการออกแบบสมาร์ตโฟนของเขาในทุกรุ่นเช่นเดิมครับ โดยจะมาทั้งความสวยงามที่เห็นได้ด้วยตา และความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว ถ้าจะมีสิ่งใดที่ไม่ได้บอกเราอยู่ในหน้ากระดาาสเปคก็คงเป็นเรื่องของมาตรฐานการผลิตตัวเครื่องนี้แหละครับ

OPPO Reno11 5G เป็นสมาร์ตโฟนตัวเครื่องบาง แค่ 7.99 มม. และเบาแค่ 182 กรัม ขอบเครื่องโค้ง 3D บรรจบกันหน้าหลัง สวยงานแข็งแรงและดูหรูมีราคา เป็นงานประกอบในเกรดเครื่องเรือธงแบบเต็มตัวครับ

หน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ขอบจอบางมากๆ เหลือขอบเพียง 1.57 มม. เรียกได้ว่านี่เป็นเครื่องที่มีขอบจอบางมากที่สุดในตลาดในขณะนี้ด้วยสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93% เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32MP (OmniVision OV32C)

ใช้เป็นจอ AMOLED สีสันสด สีดำที่ดำได้สนิท รองรับการแสดงสีสันแบบ 10-bits และรองรับเทคโนโลยี HDR10+ มีรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และใช้สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอโดยตรง

ความสวยงามของหน้าจอกระจกโค้งไร้ขอบ มันสวยงามดูแพง ภาพเสียงและคมชัดมากครับ ให้ความสว่างสูงสุด 950nits ใช้งานสู้แสงได้สบายๆ

ตัวเครื่องด้านหลังผลิตลวดลายและสีสันจากเรื่องราวของธรรมชาติ โดยในรุ่น OPPO Reno11 5G จะมาด้วยกันสองสีนั้นคือ สีเขียว Wave Green หรือชื่อไทย “สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์” บนลวดลายที่ได้จากผสมระหว่างลายเส้นถักทอของผ้าไหมกับเลื่อมโลหะที่สะท้อนแสงแวววาว ออกมาเป็นสีใหม่ที่ดูมีลาดเส้นที่ลื่นไหลอยู่บนฝาหลัง

อีกหนึ่งสีคือสีเทา Rock Grey หรือชื่อไทยเสริมมงคลว่า “เทาดำดูดทรัพย์” ใช้เทคนิคการผลิตแบบ OPPO Glow ที่ทำให้พื้นผิวมีเกล็ดคริสตัลระยิบระยับขนาดเล็กส่องไล่เฉดและเล่นระดับเมื่อมีแสงมากระทบ ได้แรงบันดาลใจจากแสงแดดอ่อนมากระทบโขดหินชาวฝั่ง ออกมาเป็นสีโทนเทาดำที่ดูนุ่มนวลมีเลเยอร์

กล้องหลังวางเมทริกซ์การออกแบบใหม่ พร้อมทำลวดลายทรงกลมเป็นวงแหวนสองวง Sunshine Ring สะท้อนเล่นเงากับแสง เพิ่มความโดดเด่นสะดุดตามากเข้าไปอีกครับ เก็บงานปราณีตและใส่รายละเอียดในทุกจุดเลย

ซึ่งตัวเครื่องทั้งสองสีจะไม่มีคราบมันรอยนิ้วมือในการใช้งานนะครับ ทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้ดี ถือจับได้ถนัดมือเพราะความบาง

นอกจากนั้นแล้ว OPPO Reno11 5G ยังได้ใส่ระบบลำโพงคู่เสียงดังกระหึ่มมาให้ด้วยครับ ตัวบางนิดเดียวแต่เสียงดังมาก มีความสามารถในการเร่งเสียงด้วยฟังก์ชั่น Ultra Volume ให้เสียงมีความดังได้มากกว่าปกติถึง 300% ซึ่งอาศัยแค่ลำโพงคู่บนตัวสมาร์ตโฟนก็ได้เสียงที่ดังมากๆ แล้ว หรือถ้าต่อกับขุดหูฟังก็ยังเร่งเสียงได้ดังในระดับ 200% ได้ด้วยเช่นกัน โดยที่คุณภาพของเสียงไม่ดรอปลงไป

OPPO Reno11 5G จะรองรับการใช้งาน 5G ทั้งสองซิมการ์ด รองรับการใส่ micro SD card ได้เพิ่มเติมสูงสุด 2TB เป็นรุ่นที่ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. บนตัวเครื่องโดยตรงนะครับ แต่มีการใส่ IR Blaster หรืออินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ครับ

แบตเตอรี่ภายในขนาด 5000mAh พร้อมรองรับชาร์จไวในระบบ 67W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 45 นาที โดยไม่มีความร้อนสะสมและมีความปลอดภัยสูง (รองรับ SUPERVOOC 2.0, VOOC 3.0, และระบบชาร์จ PD 9V/1.5A ด้วย ) ซึ่งเป็นระบบชาร์จที่ดีมากเมื่อดูจากในกลุ่มเรทราคาเดียวกัน และภายในระบบมีการใส่ Battery Health Engine ซึ่งเป็นระบบดูแลสุขภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาว เพื่อยืดอายุและลดการเสื่อมของแบต ให้สามารถยังคงเก็บประจุไฟได้เกินกว่า 80% แม้การใช้งานจะผ่านไปเป็นเวลาถึง 4 ปีแล้วก็ตามครับ

โดยอุปกรณ์ภายในกล่อง ก็จะมีที่ชาร์จ  67W SUPERVOOC และเคสซิลิโคนสีโทนเดียวกับตัวเครื่องแถมมาให้ด้วยครับ

การใช้งานภายใน ColorOS 14 บน Android 14

OPPO Reno11 5G มากับระบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์ตั้งแต่แกะกล่อง ระบบใหม่ก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพมาในรุ่นล่าสุดด้วยเช่นกัน โดยตัวสเปคชุดประมวลผลของรุ่นนี้ก็อยู่ในระดับค่อนข้างแรงพอตัวแล้วครับ ชิปเซ็ตยุค 5G อย่าง MediaTek Dimensity 7050 เทคโนโลยี 6 นาโนเมตรแบบ 8 Core ให้ RAM LPDDR4x มาในขนาดใหญ่ครับ 12GB (เพิ่มได้อีก 12GB ด้วยหน่วยความจำชั่วคราว) และหน่วยความจำ UFS 2.2 ขนาด 256GB ซึ่งมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานได้เต็มที่เช่นกัน ซึ่งจะเป็นหน่วยความจำขนาดเดียวที่มีเข้าจำหน่ายในไทยครับ

สิ่งที่ OPPO พัฒนาใส่เข้ามานั้นคือระบบ Trinity Engine ซึ่งจะเป็นการทำงานที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสามตัว ที่จะดูแลประสิทธิภาพเครื่องใน 3 ส่วนหลักไปพร้อมๆ กัน นั้นคือ ROM Vitalization, RAM Vitalization และ CPU Vitalization

ROM Vitalization จะช่วยดูแลในเรื่องหน่วยความจำ เช่น ช่วยเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำให้ใช้งานได้มากขึ้นโดยการบีบอัดข้อมูลแอพ และรวมไฟล์ที่ซ้ำซ้อนเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงซึ่งเกิดจากหน่วยความจำเต็ม หรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอจนส่งผลกระทบต่อการทำงาน

RAM Vitalization จะทำหน้าที่ในการปรับกลไกการเรียกใช้ RAM ของระบบ Android ขึ้นมาใหม่ โดยใช้เทคนิคพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเร่งความเร็วในการเปิดแอป และเพิ่มความลื่นไหลต่อเนื่องเมื่อมีการสลับแอปใช้งาน

CPU Vitalization เป็นตัวจัดการด้านการจัดส่งพลังงานและทรัพยากร ให้สอดรับกับการประมวลผลได้อย่างแม่นยำ กำหนดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด และการใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ามากที่่สุด แก้ปัญหาเดิมของระบบที่อาจจะมีการจัดสรรพลังงานและทรัพยากรของเครื่องเอาไว้เตรียมประมวลผลมากเกินไป จนส่งผลให้สูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็นและอาจจะกระทบกับการทำงานในส่วนอื่นของระบบได้อีกด้วย

ความสามารถของ Trinity Engine เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกพัฒนาเข้ามาใน ColorOS 14 เป็นการทำงานที่จะเรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ใช้และปรับเปลี่ยนตามไปในแบบของ AI ซึ่งจากการทดสอบอุปกรณ์ของ OPPO มานานหลายรุ่น ในเรื่องระบบการใช้งานของแบรนด์นี้แต่เดิมก็ไม่เคยมีปัญหา และทำได้ดีมากอยู่แล้วครับ มีความลื่นไหล ตอบสนองได้ไว เราจะรู้สึกได้ถึงพลังและความต่อเนื่องซึ่งมันถูกเขียนขึ้นมาได้อย่างดีภายในระบบของ OPPO ครับ

นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับรับสัญญาณเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า LinkBoost ชุดเครื่องมือนี้น่าสนใจครับ เพราะมีการทดสอบผ่านผู้ให้บริการในไทยมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นเทคโนโลยีการออกแบบเสาสัญญาณที่บวกกับการทำงานของ AI โดยจะเข้ามาช่วยในเรื่องการเพิ่มกำลังรับ-ส่งสัญญาณของตัวเครื่อง ให้สัญญาณมีความแข็งแกร่งและมีความสเถียร ลดจังหวะสะดุดหรือลดช่องว่างในการหลุดสัญญาณให้น้อยลงมากที่สุด ยังรวมถึงเพิ่มความว่องไวในการจับสัญญาณใหม่เมื่อมีการเข้าสู่พื้นที่อัปสัญญาณ เช่นในลิฟท์ ในชั้นใต้ดิน หรือในบริเวณที่มีผู้ใช้สัญญาณรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก เครื่องของเราจะมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครในการเบียดจับสัญญาณในพื้นที่นั้น นั่นเองครับ

พื้นที่จัดเก็บการคัดลอกและพักรูปไว้ File Dock และการคัตเอาท์รูปด้วยการกดค้างที่วัตถุ Smart Image Matting ถูกใส่เข้ามาให้ใน ColorOS 14 ด้วยเช่นกัน โดยตัว File Dock จะเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาอยู่ใน “แถบด้านข้างอัจฉริยะ” จะทำหน้าที่เหมือนเป็นกล่องฝากไฟล์ที่เราคัดลอกมา เพื่อนำไปใช้งานในภายหลังบนแอปอื่นๆ

โดย File Dock จะสามารถใช้ร่วมกับความสามารถ Smart Image Matting ที่สามารถคัตเอาท์ตัดภาพบุคคลหรือวัตถุบนภาพออกมาได้แค่เพียงกดค้างไว้ในส่วนที่ต้องการบนภาพ และเราสามารถนำไปเก็บไว้ใน  File Dock เพื่อเรียกใช้งานในภายหลังได้ครับ

โดยเรายังสามารถซิงก์ข้อมูลใน File Dock ข้ามอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ได้ด้วยครับ ทำให้เราสามารถคัดลอกจากอุปกรณ์หนึ่ง เพื่อไปใช้งานในอีกอุปกรณ์หนึ่งของ OPPO ได้นั้นเอง

ราคาจำหน่ายและโปรโมชั่น OPPO Reno11 5G

OPPO Reno11 5G เปิดจำหน่ายในประเทศไทยในรุ่นหน่วยความจำ 12GB + 256GB มีตัวเลือกให้สองสี นั้นคือสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green และสีเทาดำดูดทรัพย์ Rock Grey ในราคาจำหน่าย 14,990 บาท ลูกค้าที่จองสินค้าในวันที่ 23 – 29 มกราคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณ มูลค่า 11,297 บาท ประกอบไปด้วย

  • OPPO EVIP CARD มูลค่า 6,500 บาท โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิการรับประกันจอแตก จำนวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้าตามบิล และลูกค้าต้องลงทะเบียนผ่านระบบ MY OPPO ตั้งแต่วันที่ซื้อจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น
  • RENO SPECIAL EDITION BACKPACK มูลค่า 2,999 บาท
  • FILM 2 TIMES WITHIN 2 YEARS มูลค่า 1,299 บาท
  • PHONE CASE 2 PCS WITHIN 2 YEARS มูลค่า 499 บาท

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version