Advertisement

หลังจากที่ทาง LG ปล่อย G3 ออกมาเมื่อปีที่แล้วต้องบอกเลยครับว่า กระแสตอบรับของเจ้าเครื่องนี้ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่ก็มีผู้ชื่นชอบอยู่ไม่ใช่น้อยไม่ว่าจะเรื่องของการออกแบบและ Interface แบบที่ไม่เหมือนใครนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีไม่ใช่น้อยเลยล่ะครับ การจะทำสมาร์ทโฟนดีๆออกมาซักเครื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และแน่นอนว่ามันจะยากมากขึ้นไปอีกหากว่าบางชิ้นส่วนนั้นทำจากมือ ล่าสุดตอนนี้เราคงทราบกันดีว่าทาง LG ได้ปล่อยเรือธงตัวใหม่ของปี 2015 ออกมาให้เราได้เชยชมกันแล้วอย่างเจ้า G4 และสิ่งที่ทาง LG ดูจะเน้นที่สุดดูจะเป็นเรื่องของการดีไซน์ที่ออกแบบมาให้ด้านหลังโค้งด้านหน้าแบนราบจะยังคงเป็นจุดเด่นที่ทาง LG ยังคงรักษาไว้ เพราะคิดว่าผู้ใช้น่าจะชอบตรงจุดนี้

g4-fb2

Advertisement

 

 

ในการกลับมาของตระกูล G ในครั้งนี้นอกจากฝาหลังแบบหนังที่เป็นออพชั่นใหม่ให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้กันแล้ว ยังมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 เมก้าพิกเซล กับหน้าจอระดับ Quad HD ที่เหมือนว่าทาง LG ต้องการให้ภาพที่ได้นั้นคมชัดและแม่นยำขึ้น ? เอาเป็นว่าเราไม่รอช้าแล้วกันครับ เพราะด้านล่างนี้มีเนื้อหาอัดแน่นของการรีวิว LG G4 รออยู่แล้วครับ พร้อมแล้วก็ตามไปดูกันเลยว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

 

อัลบั้มภาพตัวเครื่อง

Screenshot (206)

 

 

สรุปข้อดีข้อเสียสั้นๆ

ข้อดี

  • กล้องเยี่ยมสุดๆ
  • แบตเตอรี่อึด ถึก ทน
  • มีช่องใส่ microSD
  • หน้าจอสว่างสีสันสดใส

ข้อเสีย 

  • การออกแบบขาดรสชาติไปนิด หากไม่นับฝาหลังหนังแท้
  • การแสดงผลของเกมส์อาจไม่เท่าคู่แข่งจาก Samsung
  • มี Quick Charge Technology (แต่ต้องไปหาซื้อมาใช้เอง)

สรุปสั้นๆ

LG G4 เรือธงรุ่นใหม่ตัวนี้ถือว่ามีของดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการจับคู่ระหว่างกล้องและหน้าจอคุณภาพสูงที่ทางผู้ผลิตออกปากว่าจะสามารถสร้างและแสดงผลได้ชัดเจนและแม่นยำที่สุด แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ G4 ดูเหมือนจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาจากการพัฒนาจากรุ่นเก่าซะอย่างงั้น ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่ LG ต้องการให้สมาร์ทโฟนอย่าง G4 เป็นคือ เรือธงที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริงเสียมากกว่า

 

ฮาร์ดแวร์ของ LG G4

g4back

 

 

ปล.บอกไว้ก่อนว่าการรีวิวในครั้งนี้เป็นการรีวิวจาก LG G4 Korean Unlocked นะครับ

เอาจริงๆนะครับ มีใครคิดว่าทาง LG นั้นจะมีการ Re-Design รูปทรงของสมาร์ทโฟนใหม่ในปีนี้บ้างครับ?? หากใครคิดเช่นนั้นก็ผิดหวังไปก่อนนะครับ เพราะด้วยรูปแบบการออกแบบด้านหน้าที่แบนราบและฝาหลังแบบโค้งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถจับได้ถนัดมือนั้น LG ยังคงต้องการเก็บการออกแบบแบบนี้ไว้  LG ได้เลือกที่จะออกแบบมาตรงกึ่งกลางระหว่าง G Flex 2 และ G3 เรือธงที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในการออกแบบแบบนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้พอดิบพอดีนะครับ แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่า G Flex2 นั้นให้ความรู้สึกที่ผู้ใช้จับได้ถนัดมือมากกว่าอยู่ดี ซึ่งในการที่จะปฏิวัติรูปแบบในการออกแบบใหม่นั้นคาดว่าน่าจะเป็นหนทางอีกยาวไกลเลยทีเดียว หลายๆคนอาจจะคิดว่าการออกแบบลักษณะนี้มันก็โอเคดีอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย แต่เหมือนว่าการออกแบบในลักษณะเดิมๆนี้จะทำให้ผู้ใช้หลายๆคนเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นกันเหมือนกันครับว่า มันเริ่มจะน่าเบื่อแล้วล่ะ

อย่างที่เราทราบกันดีว่าเจ้าเรือธงที่ออกมาใหม่ตัวนี้กำลังเริ่มสั่นคลอนวงการด้วยการออกแบบฝาหลังแบบหนังแท้ออกมาให้เหล่าผู้ใช้เลือกเป็นออพชั่นเพิ่มเติม ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่า LG พยายามที่จะก้าวไปในทางที่ดูหรูหราขึ้นและใกล้กับความเป็นออร์แกนิคมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของออพชั่นมากมายที่ทาง LG มีให้เราได้เลือกใช้ อย่างไรก็ตามเวอร์ชั่นที่ผมใช้ในการรีวิวในครั้งนี้ฝาหลังของมันดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นจากโลหะ ซึ่งดูๆไปแล้วก็เหมือนกับการตอกเอาชิ้นส่วนเล็กๆของเหล็กออกมาทำขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นแค่แผ่นพลาสติกที่ดูเหมือนโลหะเท่านั้นครับ เช่นเดียวกันกับที่เราเห็นใน G3 เมื่อปีที่แล้วนั่นเอง นอกจากนั้นก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยในส่วนที่เหลือของฝาหลังครับ แต่ต้องอย่าลืมว่า LG G4 ตัวนี้ก็มาพร้อมกับกกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านเมก้าพิกเซลที่ถูกจัดวางไว้บริเวณด้านหลังส่วนบนของตัวเครื่อง และนอกจากนั้นมันยังมากับคู่หู LED Flash ทางด้านขาวและ Infared Autofocus ทางด้านซ้าย และแน่นอนว่าบริเวณด้านล่างของเจ้าคู่หูคู่ฮานี้ก็ตามมาด้วยปุ่มควบคุมเสียงและปุ่ม Power ที่เป็นเอกลักษณ์ของ LG แต่ในครั้งนี้มันกลับออกแบบมาไม่ดีเท่าที่ควรนัก เพราะจะรู้สึกได้ว่าหาเจอยากขึ้นด้วยความรู้สึก(คลำเจอยากขึ้น) หากเทียบกับรุ่นก่อน

g4screenoff

 

 

นากจากนี้ทาง LG ยังเน้นในส่วนของงานฝีมืออีกด้วยสำหรับเรือธงรุ่นนี้ โดย Dr. Ramchan Woo หัวหน้าส่วนการวางแผนสมาร์ทโฟนของบริษัทบอกไว้ว่า เราต้องการเน้นความสำคัญของงานหัตถกรรมหรืองานฝีมือให้มากขึ้น เพราะนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตน และความแตกต่างด้วยการจำแนกสมาร์ทโฟนของ LG ให้ต่างจากสมาร์ทโฟนจากอีกหลายๆบริษัทนั่นเองครับ และนอกจากนี้ G4 ยังมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว IPS Quantum ที่มีสีดำสนิททำให้ตัวเครื่องดูเรียบหรู และขณะเดียวกันก็ทำให้ขอบสีเทาเข้มที่ล้อมรอบตัวเครื่องอยู่ และกล้องหน้า 8 เมก้าพิกเซลกับโลโก้ของ LG ลอยเด่นเป็นสง่าเห็นชัดขึ้นมาจากหน้าจอสีโมโนโทนคล้ำๆของ G4 ด้วยล่ะครับ

นั่นแหละครับ ต้องบอกว่า G4 นั้นดูจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกผิดหวังเท่าไรนักในเรื่องการออกแบบ แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ฝาหลังพลาสติกพวกนั้นมากกว่า คุณคิดว่าเรือธงประจำปีของบริษัทจะต้องใช้ขุมพลังชิพเซทที่สุดยอดที่สุดอยู่ในนั้นใช่ไหมล่ะครับ? ถ้าคิดแบบนั้นแล้วละก็ต้องบอกเลยว่าคุณคิดผิดแล้วครับ

g4inside

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า LG ได้ใส่ชิพเซทตัว Top อย่าง Snapdragon 810 ลงไปใน G Flex 2 อย่างที่เป็นข่าวออกมาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเหมือนว่าตอนนี้ทาง LG จะตัดสินใจที่จะเดินไปอีกทางเมื่อทางบริษัทหันมาใช้ชิพเซทที่ถูกกว่าอย่าง 1.8GHz hexa-core Snapdragon 808 เข้าไปแทนที่ตัว Top และจงอย่าให้ตัวเลขหลอกคุณว่า 810 กับ 808 ต่างกันไม่มาก เพราะเจ้า Snapdragon 808 จะขาดไปซึ่ง Cortex-A57 processor cores 1 คู่เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เราเปิดเจ้าฝาพลาสติกด้านหลังออกเราก็จะได้พบกับสิ่งดีๆภายในอยู่บ้าง อย่างแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh และช่องใส่ microSIM 2 ช่อง และแน่นอนว่ามันมีช่องใส่ microSD เพื่อเพิ่มความจุภายในให้กับผู้ใช้มาให้ด้วยครับผม

หน้าจอและเสียงของ LG G4

g4display

 

 

ต้องบอกเลยว่าหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว IPS Quantum ดูจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นนักที่จะทำให้เรือธงตัวนี้ดูดีกว่าเหล่าคู่แข่ง เพียงแต่มันช่วยให้แตกต่างได้เท่านั้น และผมก็คิดว่าหน้าจอที่แม่นยำและคมชดนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้อยากได้เท่ากับหน้าจอที่ถูกปรับการแสดงผลมาที่ super-saturated เพราะนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหน้าจอที่ถูกปรับออกมาเป็นแบบนี้นั้นมันช่างดึงดูดสายตาของเราเสียเหลือเกิน LG นั้นได้ทำการเพิ่มในส่วนของความสว่างหน้าจอและปรับปรุงส่วนของการแสดงผลของสีให้ออกมาเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งหากลองมองลึกลงไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็เกิดมาจากการเลือกใช้กระจกหน้าจอแบบ Liquid Crystal ที่จะช่วยให้แสงสามารถส่องผ่านออกมาได้มากขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุง Blacklight ให้สามารถแสดงผลของสีได้สะอาดตาขึ้น ต้องบอกว่าจริงๆแล้วหน้าจอของ LG นั้นเป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาอย่างดีทีเดียว และค่อนข้างจะใกล้กับความสมบูรณ์แบบโดยห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเองครับ

ในส่วนของ Blacklight ของ G4 นั้นต้องบอกว่าจะรู้สึกว่าแสงที่ได้นั้นเราจะสัมผัสได้น้อยกว่า Galaxy S6 และ S6 Edge เมื่อวางเทียบกันระหว่างที่หน้าจอแสดงสีขาวจะเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าการแสดงผลของสีดำนั้นขาดซึ่งความลึกและความหรูหราซึ่งเป็นจุดเด่นของ AMOLED และในส่วนที่เหลือของสีใน Spectrum นั้นก็ไม่ได้ทำให้น่าพอใจgmjkwiนัก แล้วจากนั้นก็เหมือนมีเรื่องตลกเกิดขึ้น หลังจากที่มองไปที่หน้าจอแบบ Over Saturated ของ Galaxy S6  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสีแดง กลับทำให้รู้สึกว่าผมชอบหน้าจอของ LG ขึ้นมามากกว่า เพราะว่าสีแดงใน LG นั้นทำออกมาได้ค่อนข้างจะเหมาะสมกว่า ดีกว่าของ Samsung ที่ค่อนข้างจะทำให้เราแสบตาซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะพบได้ในอุปกรณ์ของ Samsung หลายๆตัว

g4displays

 

 

ครั้งนี้เหมือนว่าทาง LG จะให้ความสนใจในส่วนของลำโพงน้อยไปหน่อย เพราะว่ามันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกช็อคแต่อย่างใดเลย เพราะว่ามีลำโพงเพียงตัวเดียวที่จัดวางไว้บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง และในการดสอบนั้นพบว่าได้เพียงเสียงที่คมชัดและมีการแบ่งแยกแชแนลตามที่ตั้งค่าเท่านั้น แต่เหมือนว่าเสียงที่ได้จาก LG G4 นั้นก็ยังคงทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ในระดับเสียงดังนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันกับ Galaxy S6 เท่าไรนัก เพราะฉะนั้นควรจะเปิดระดับเสียงกลางๆในการฟังเพลงอยู่ห้องน่าจะเป็นการดีกว่า หากไม่มีหูฟังอยู่ในมือนะครับ

สำหรับลำโพงของ LG ที่ออกแบบมาอย่างปราณีตนั้น ทาง LG ไม่ได้พูดถึงมันมากเท่าไรในการโฆษณาหรืองานเปิดตัวต่างๆ หลังจากที่ได้ทดสอบฟังด้วยหูฟังไม่ว่าจะเป็น Bluetooth หรือสายหูฟังปกติก็พบว่า มันยังคงเป็นเหมือนสมัยก่อน LG ยังเป็นบริษัทที่โรแมนติก เพราะเสียงที่ได้จากหูฟังทั้ง 2 ข้างนั้นจะได้ยินเหมือนกัน

 

ซอฟท์แวร์ของ LG G4

g4soft

 

 

เหมือนจะต้องเคลียร์กันให้เข้าใจไปเลยครับว่า LG นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงซอฟท์แวร์แบบใหญ่โตมโหฬารแบบรื้อทำใหม่หมด แต่กลับเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมเสียมากกว่า พูดง่ายคือถ้าให้เราบอกความแตกต่างของหน้า Interface LG’s UX 4.0 และ Interface ที่ใช้ใน G Flex2 หรือแม้แต่ใน G3 ก็ตาม มันจะเป็นอะไรที่จำแนกได้ยากมากๆเลยครับ การเปลี่ยนแปลงหลักๆนั้นจะเห็นว่าหน้าตาของ Android เริ่มมีการเปลี่ยนไปโดยทำให้ดูสว่างขึ้นและดีขึ้นในทุกๆเวอรชั่น ถึงแม้ว่าภาพด้วยรวมอาจจะดูไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่วิธีที่เร็วที่สุดในการจะบอกข้อแตกต่างของแต่ละเวอร์ชั่นนั้นก็คือการสไลด์ไปหน้า Home screen ครับ จะเห็นว่ามีหน้า Smart Bulletin ใหม่ ที่ประมวลผลรวมจากดาต้าในปฏิทินและแอพอย่าง QRemote และ LG Health (ที่ทำการติดตามเก็บสถิติการเดินและน้ำหนักของผู้ใช้) ทั้งหมดนี้ยังตามมาด้วยวิธีการใช้งานต่างๆอีกมากมาย และแน่นอนว่าแอพพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้ฆ่าเวลาเหมือนกับ Blink Feed หรือ Samsung’s Flipboard ที่เหมาะแก่การใช้เวลาในแต่ละวันของคุณให้หมดไป

 

ภาพบันทึกหน้าจอ

Screenshot (205)

 

การเปลี่ยนแปลงของซอฟท์แวร์ตรงนี้ยังเป็นสิ่งเล็กๆที่เกิดขึ้นเท่านั้น หากเทียบกับแอพปฏิทินตัวใหม่ที่มีการออกแบบให้ดูสวยสดงดงามขึ้นและฟีเจอร์ใหม่อย่าง Event Pocket ยังอนุญาติให้คุณดึงรูปภาพ สถานที่และ Event ที่จะเกิดขึ้นใน Facebook มารวมไว้ได้ในแอพ แต่อย่างไรก็ตามต้องบอกว่า Event Pocket นั้นเป็นแอพที่ค่อนข้างมีประโยชน์ตัวหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจัดตารางงานของคุณหรือแม้กระทั่งนัดหมายต่างๆ เราก็สามารถที่จะพิมพ์มันลงไปได้ด้วยตัวของเราเอง และที่แน่ๆคือมันมาพร้อมกับ Android 5.1 Lollipop ที่จะมี Knock Code ไว้ให้ผู้ใช้ปลดล็อคหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว และ Glance View ที่สามารถทำให้เราสไลด์จากบนลงล่างของหน้าจอเพื่อเช็คเวลาได้ด้วยครับ

ขณะที่คู่แข่งอย่าง Samsung ได้เพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเค้าและ Google แต่ LG กลับพยายามที่จะทำให้มันง่ายขึ้นในการทำงานร่วมกับผู้สร้าง Android อย่าง Google จำได้ไหมครับว่าก่อนหน้านี้หากเราต้องงการเปิดลิ้งค์ต่างๆเราอาจจะต้องเลือกว่าจะเปิดจาก Browser ของ LG หรือ Chorme แต่ตอนนี้วันเหล่านั้นได้หายไปแล้วครับเพราะว่าตอนนี้หากเราเปิดลิงค์จะเป็นการเปิดด้วย Browser ของ Chrome โดยอัตโนมัติ และหากคุณเปิดใช้ Google Drive เป็นครั้งแรกใน G4 จะได้รับพื้นที่ใช้งานถึง 100 GB อีกด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า LG มีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกับ Google และ LG ก็อยากให้คุณเข้าใจแบบนั้นเช่นกัน

 

กล้องของ LG G4

g4camera

 

 

ทั้งหมดทั้งมวล LG ดูจะตั้งใจตรงจุดนี้ที่สุด ด้วยกล้องหลังขนาด 16 เมก้าพิกเซลนั้นดทำให้มันเป็นหนึ่งในกล้องที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เรากำลังเข้าไปถึงจุดที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนตั้งใจจะใส่กล้อง DSLR ลงไปในกระเป๋ากางเกงของู้ใช้ และ LG ก็มีความใฝ่ฝันตรงจุดนี้เป็นที่สุด แต่หลังจากที่ผมและเพื่อนผมได้ทดลองนำ G4 ไปเก็บภาพเทียบกับ iPhone 6 และ Galaxy S6 พบว่าภาพที่ได้ออกมาจะสว่างกว่าซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในการถ่ายภาพแบบ Close-up นั้นด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสง f/1.8 สามารถทำให้เราถ่าย Bokeh หรือหน้าชัดหลังเบลอออกมาได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว

 

ตัวอย่างภาพถ่าย

Screenshot (204)

 

ด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ของ 16 เมก้าพิกเซล (1/2.6 นิ้ว เทียบกับ S6 1/3 นิ้ว) ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เอื้อต่อการสร้างประสบการณ์ดีๆ เพราะว่ามันมีเซนเซอร์ Spectrum อยู่ด้านล่างของ LED Flash ซึ่งมันจะทำหน้าที่สแกนสิ่งที่กล้องกำลังจับอยู่ในแต่ละช็อต ไอเดียของมันคือการสแกนฉากต่างๆ ด้วยสิ่งที่กล้งอจับอยู่และใช้อินฟาดเรด Spectrum ในเวลาเดียวกัน ซึ่งกล้องจะสามารถเข้าใจได้อย่างเช่นว่า กระดาษแผ่นหนึ่งสีขาวอยู่ใต้ไฟสีเหลือง ไม่ได้เข้าใจว่ากระดาษสีเหลืองเฉยๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึงมันสามารที่จะแยกแยะได้ค่อนข้างชัดเจน และรู้วิธีจัดการกับ White Balance และ Exposure ได้ดีทีเดียว เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเองครับ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากผมได้ทดลองถ่ายภาพด้วยกล่้องหลังของ LG G4  โดยไม่มีการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติม หรืออาจจะมีการปรับแต่งขั้นพื้นฐานเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมานั้นถือว่าออกมาดีเลยครับ ซึ่งอย่างที่บอกว่า LG นั้นต้องการให้สมาร์ทโฟนตัวนี้เป็นเหมือนกับกล้องโปร มันจึงมีโหมด Manual แบบจัดเต็มให้เหล่าช่างภาพทั้งหลายสามารถปรับแต่งได้สมใจ และยังนำรูปแบบ RAW ออกมาได้ด้วย นอกจากนี้มันยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุกเลยทีเดียวกับการทดลองเล่นกับ ISO และ ความเร็วของชัตเตอร์ในเวลากลางคืนครับ

g4bar

 

 

ถ้าคุณอยากจะเห็นองค์ประกอบของ G4 ชัดๆ อยากให้ไปลองจัดหนักในขณะที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ต้องขอบคุณสำหรับเลนส์ f/1.8 ที่ทำให้เจ้าสมาร์ทโฟนตัวนี้สามารถถ่ายรูปออกมาได้ดีแม้ที่ที่มีแสงน้อยที่สุดครับ อย่างที่เรารู้กันดีว่ากล้องจากสมาร์ทโฟนส่วนมากนั้นไม่สามารถแสดงผลได้ดีเท่าไรนักในที่ที่แสงน้อย เรียกได้ว่ารูปที่ถ่ายออกมาเป็นไปได้ยากมากๆที่จะไม่ติด noise แต่สำหรับ G4 นั้นกลับสามารถทำงานได้ดีในที่ที่แสงน้อย แต่อย่างไรก็ต้องระวังอยู่ดีหากจำได้ว่า G4 มี Color Sensor ที่ช่วยทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาแม่นยำและคมชัดขึ้น ซึ่งในบางครั้งการถ่ายในที่ที่แสงน้อยอาจจะทำให้ภาพมันออกมาเหลืองเกินกว่าที่มันควรจะเป็น และต้องแอบกระซิบว่ามันเกิดขึ้นบ่อยด้วย ฉะนั้นก่อนกดชัตเตอร์แต่ละครั้งควรจะต้องตระหนักถึงจุดนี้ไว้เป็นดีที่สุดครับ

และอีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้กับกล้องหน้าความละเอียด 8 เมก้าพิกเซลสำหรับเซลฟี่ที่มาพร้อมกับเลนส์ f/2.0 ถึงแม้จะดูไม่น่าประทับใจเท่ากับกล้องหลังของตัวเครื่องก็ตาม แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะให้คุณเซลฟี่กับถ้วยกาแฟถ้วยโปรดของคุณ เพราะแน่นอนว่ามันรับแสงได้กว้างเหมือนกับกล้องหลังเลยล่ะครับ แต่ถ้าคุณต้องการจะถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มด้วยการหมุนข้อมือเข้าหาหน้าตัวเองแล้วถ่ายจากมุมสูงรัวๆออกมา 4 รูปเพื่อให้แน่ใจว่าหนึ่งในนั้นสามารถใช้ได้ ผมแนะนำว่าให้เปลี่ยนไปเป็นอัดวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ของมันจะดีกว่าเพราะแน่นอนว่าคุณจะได้รูปที่สวยที่สุดจาการอัดวิดีโอแน่นอน แต่ก็ยังมีคำถามอีกว่าแล้วกล้องของ LG เนี่ยมันดีกว่าคู่แข่งเยอะหรือไม่? ผมตอบได้เลยว่าเยอะครับ หากผมจะนำไปเทียบกับ S6 ซึ่งเป็นเหมือนกับคู่แข่งของเจ้า G4 ต้องบอกว่ากล้องของ G4 จะทำให้เราได้ภาพที่ดีกว่า เพราะแน่นอนว่าภาพที่ได้จะออกมาเป็นธรรมชาติกว่าของ S6 แต่ต้องเป็นภาพที่เจ้า Color Sensor ไม่ได้ขยันทำงานขึ้นมาตอนนั้นนะครับ

 

การแสดงผลและแบตเตอรี่ของ LG G4

g4perf

 

 

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่เจ๋งที่สุดในปี 2015 บางที LG อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับหัวข้อนี้ เพราะว่า LG นั้นใช้ Snapdragon 808 ที่ทาง LG กล่าวว่าเจ้าชิพตัวนี้นี่แหละเหมาะกับ G4 แทนที่จะเป็นชิพระดับ High-End อย่าง 810 เพราะว่าทาง LG พบว่าชิพ 808 นั้นสามารถแสดงผลการทำงานได้คล้ายกับญาติรุ่นก่อนของ G4 นั่นเอง และโดยปราศจากปัญหาด้านความร้อนที่กล่าวถึงกันในชิพ Snapdragon 810 และแน่นอนว่าราคาถูกกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานที่อาจไม่แรงเท่ากับ 810 นั่นเองครับ

LG G4 นั้นในการเปิดแอพต่างๆก็ถือว่าสามารถทำได้ดีทีเดียว เพราะว่าไม่มีดีเลย์ในการเปิดหรือแม้กระทั่งการสลับหน้าจอเข้าไปในแอพเช่นกัน ซึ่งหลังจากการทดสอบใช้งานปกติในแต่ละวันพบว่ามันสามารถทำงานได้ไม่แตกต่างจากคู่แข่งของมันอย่าง Galaxy S6 เลย แต่ในการทดสอบเล่นเกมส์อย่าง Dead Trigger 2 และ Asphalt 8 นั้นถึงแม้จะทำงานได้ไม่มีปัญหาแต่พบว่าจำนวน Frame rate ในเกมส์อาจจะน้อยกว่า Galaxy S6 และ S6 Edge จึงทำให้ภาพในเกมส์นั้นขาดๆไปบ้างเล็กน้อย ถึงแม้ว่าการทำงานต่างๆของ G4 จะไม่แสดงข้อผิดพลาดออกมาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุด เพราะเมื่อจับมานั่งเทียบกันระหว่าง G4 กับ Galaxy S6 นั้นในด้านนกราฟฟิกของ G4 จะด้อยกว่าของ Galaxy S6

Screenshot (207)

 

 

อย่างที่เรารู้ว่า Samsung นั้นได้ผลิตชิพเซทใน Galaxy S6 ออกมาเอง และผลงานสถิติของมันก็แสดงให้เห็นแล้วด้วยว่าทางด้านกราฟฟิกมันอยู่ในอันดับต้นๆของตาราง แต่ G4 กลับเลือกที่จะใช้ 808 แทนที่จะเป็น 810 ยิ่งทำให้การแสดงผลโดยรวมนั้นไม่สามารถเทียบเท่ากับชิพเซทจากทาง Samsung ได้เลย โดยที่ทาง LG ได้ให้เหตุผลไว้ว่าเจ้า Snapdragon 810 นั้นจะทำให้เกิดความร้อนขนาดที่ทอดไข่ให้สุกได้เลยทีเดียว แต่ก็เป็นไปตามนั้นที่ว่า G4 สามารถทำงานโดยที่เครื่องไม่ร้อนมากนักแถมจะเย็นกว่า G Flex2 และ HTC One M9 อีกด้วย

และแน่นอนว่านอกจากเรื่องของความร้อนที่ทาง LG ระวังแล้ว เจ้าชิพ Snapdragon 808 ยังกินพลังงานน้อยกว่าเจ้า 810 อีกด้วยครับ เพราะด้วยความที่มันมี Core น้อยกว่าถึง 2 ตัวด้วยกัน ถึงแม้ว่าหน้าจอ IPS Quantum จะกินพลังงานไปไม่ใช่น้อยเมื่อเทียบกับหน้าจอปกติที่ทาง LG เคยนำมาใช้ผลิตสมาร์ทโฟนก่อนหน้านี้

แต่หลังจากการได้ทดลองใช้งานแบบจัดเต็มทั้งเล่นเกมส์ในห้องน้ำ แชทราวกับพายุ รวมถึงใช้รับส่งงานต่างๆ จนกระทั่งตื่นมาในเช้ารุ่งขึ้นก็พบว่า G4 นั้นอยู่ในโหมด ฺBattery Saver Mode ถือว่าทำได้ไม่เลวโดยรวมแล้วมันสามารถทำงานได้ราว 13-14 ชั่วโมงจากการใช้งานในชีวิตประจำวันของตัวผม จากนั้นมันก็ออกเดินทางสู่ห้วงอันไกลโพ้นสลบไสลไปกับแหล่งพลังงานที่มันต้องดูดซับจากปลั๊กไฟบ้าน หากเทียบกับคู่หูจาก Samsung ที่ทำงานได้ราว 12 ชั่วโมงก็ถือว่าโอเคเลยล่ะครับ ส่วนการทดสอบเปิดวิดีโอเพื่อรับชมในความละเอียด 720p ด้วยความสว่าง 50% ของหน้าจอ มันสามารถอยู่ได้นานถึง 11 ชั่วโมงกับ 2 นาที ชัดเจนเลยครับว่าซัด S6 ล่วงเข้าที่ปลายคาง เพราะ S6 ทำได้เพียงเกือบ 9 ชั่วโมงเท่านั้น

 

สรุปโดยรวมของ LG G4

g4pocket

 

 

มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับขุมพลังมหาศาลเหมือนกับการปล่อยอุปกรณ์ตัวใหม่ครั้งก่อนๆของ LG แต่ทว่า G4 นั้นก็มาพร้อมกับสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกพอใจได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับ UI ใหม่และยังมีการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้เข้าได้กับ Google มากขึ้น ไหนจะกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง ถือว่า G4 เป็นสมาร์ทโฟนระดับดีเยี่ยมเครื่องหนึ่ง แต่เหมือนว่า LG ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องของฮาาร์ดแวร์ได้เท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าน่าชื่นชมอยู่พอสมควร และหลังจากที่ทำการทดลองใช้มา 1 อาทิตย์นั้น มันทำให้รู้สึกว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมืแนตอนแรกพบสบตากันในครั้งแรก เรียกได้ว่ายิ่งรู้จักยิ่งรักเธอครับ หากคุณเป็นผู้ใช้ Android ยุคดึกดำบรรพ์อยู่ G4 เครื่องนี้จะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการได้เลย และอาจจะมากกว่าที่คุณต้องการด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ที่เคยใช้ G3 มาก่อน เจ้าเรือธง G4 ตัวนี้อาจจะไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ก็เป็นได้

 

ขอบคุณ James Trew

ที่มา : Engadget

แชร์
Avatar photo

คอมลัมนิสต์แอ๊คหลุมผู้หลงใหล IT และ Gadget พร้อมสาระความรู้ How To ดีๆ สำหรับการใช้งานมือถือและแท๊ปเบล็ตที่พร้อมจะมาแชร์กับเพื่อนๆ ที่สนใจในเนื้อหาเดียวกัน เพื่อให้พื้นที่ AppDisqus.com เป็นสเปซสำหรับการแบ่งบันโดยแท้จริง

Advertisement
Exit mobile version