Advertisement

Jabra Elite 5 หูฟังไร้สายขนาดเล็กตัวใหม่ เปิดตัวมาในราคา 5,290 บาท  ออกแบบมาในสไตล์สำหรับสวมใช้ในชีวิตประจำวัน รองรับการใช้งานร่วมกันได้ทั้งอุปกรณ์ในระบบ Android, iOS รวมถึงพีซีและโน๊ตบุ๊คในระบบ Windows ด้วยครับ

Advertisement

การออกแบบเรียบง่าย ทำมาใส่ใจตั้งแต่แพ็กเกจภายนอก โดยมีการแนะนำให้โหลดแอพพลิเคชั่น Jabra Sound+ เพื่อนำมาจับคู่และเริ่มใช้งานหูฟังตัวนี้ครับ โดบสีตัวหูฟังที่เราได้มาทดสอบใช้งานคือสีดำ Titanium Black

คุณลักษณะและการออกแบบภายนอก

Jabra Elite 5 เป็นหูฟังขนาดไม่ใหญ่ครับ ไดร์เวอร์ลำโพงขนาด 6มม. ติดตั้งไมค์รับเสียง 6 ตัว หูฟังแต่ละข้างจะมีน้ำหนักแค่ 5กรัมเท่านั้นครับ ผิวสัมผัสดี เก็บงานดีไม่มีคม ผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55 โดนฝนหรือโดนเหงื่อไม่มีปัญหาในการใช้งาน สามารถถอดออกมาล้างผ่านน้ำบางๆ ได้  (กันน้ำเฉพาะตัวหูฟัง)

ใช้การควบคุมผ่านปุ่มกดบนตัวหูฟังด้านนอก รองรับรูปแบบสั่งงานทั้งการกดหนึ่งครั้ง, สองครั้ง, สามครั้ง และการกดค้างไว้ กำหนดรูปแบบการสั่งงานได้จากภายในแอพพลิเคชั่น Jabra Sound+ (กดค้างบนปุ่มหูฟังทั้งสองข้างนาน 3 วินาที เพื่อเปิดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใหม่) สามารถใช้งานเพียงข้างใดข้างหนึ่งได้แบบ Mono อีกหนึ่งข้างเก็บเข้าเคสหูฟังก็จะเป็นการปิดการทำงานได้เอง

ตัวเคสมีขนาด 26 x 38.9 x 64.1 มิลลิเมตร น้ำหนักเคสอยู่ที่ 40 กรัมเท่านั้นครับ โดยรวมก็เป็นหูฟังที่พกง่าย น้ำหนักเบา มีเข้ามาจำหน่ายสองสี  Gold Beige และสี Titanium Black ซึ่งเป็นสีโทนดำที่เห็นในรีวิวนี้ครับ

ตัวเคสรองรับการชาร์จไร้สายในมาตรฐาน Qi สามารถชาร์จผ่านแท่นชาร์จไร้สายทั่วไปได้เลย

ด้านหลังใช้พอร์ตชาร์จแบบ USB Type C ซึ่งอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสาย USB-A to USB-C แถมมาให้ แต่จะไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ จากการทดสอบใช้งานจะสามารถเปิดเพลงฟังต่อเนื่องได้ประมาณ 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และเก็บใส่เคสเพื่อชาร์จพลังงานกลับมาได้ประมาณ 3 รอบ และถ้าเปิดฟังก์ชั่น ANC จะใช้พลังงานเยอะกว่าการปิด ANC เล็กน้อยครับ

ลองสวมใส่นานๆ สบายครับและไม่เจ็บหู เพราะหูฟังตัวเล็กและเบา แทบไม่ค่อยรู้สึกถึงการสวมใส่ จุกยางที่ให้มาเป็นซิลิโคน EarGels โดยภายในกล่องจะมีให้มา 3 คู่ 3 ขนาด S, M, L เลือกใส่ให้พอดีจะช่วยให้สบายหูและส่งผลต่อการตัดเสียงรบกวนด้วยครับ

การใช้งานภายใน

Jabra Elite 5 รองรับการใช้งานได้ทั้งกับอุปกรณ์ในระบบ iOS, Android และระบบ Windows ก็เรียกว่าใช้งานได้ครอบคลุมครับ เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth 5.2 และสามารถพบเจอจับคู่ได้ทันทีที่เปิดการจับคู่บนตัวหูฟัง ด้วยระบบ Google Fast Pair (สำหรับอุปกรณ์ Android OS 6.0 ขึ้นไป) และ Microsoft Swift Pair (สำหรับอุปกรณ์ระบบ Windows 10 ขึ้นไป) โดยหูฟังรุ่นนี้จะสามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ 2 อุปกรณ์ไปพร้อมๆ กันครับ (สามารถจดจำได้มากสุด 8 อุปกรณ์)

การเชื่อมต่อและการจัดการระบบของหูฟัง ทำได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Jabra Sound+ (รองรับทั้ง Android และ iOS)  โดยภายในแอพเราจะสามารถตั้งค่าต่างๆ ของตัวหูฟังได้ทั้งหมด ทั้งการอัปเดตระบบและการควบคุมคอนโทรลบนตัวหูฟัง

เราสามารถระบุปุ่มการเรียกใช้งานบริการ Spotify แบบด่วนในคลิ๊กเดียวไว้ได้ด้วยนะครับ กดครั้งเดียวก็เปิดเพลงจากแอพ Spotify ได้ทันที

ซึ่ง Jabra Elite 5  เป็นหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ Hybrid ANC หรือระบบตัดเสียงรบกวนที่ฉลาดกว่าแต่ก่อน เพราะนอกจากจะตัดเสียงรบกวนที่มาจากภายนอกแล้ว มันยังสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายในด้วยครับ เช่นเสียงการเคี้ยวอาหาร หรือกินขนมกรอบๆ เสียงเหล่านี้ก็จะถูกตัดทอนลง พร้อมกับเสียงรถยนต์หรือเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัวไปพร้อมกันด้วยนั้นเองครับ นี้คือระบบตัดเสียงตัวเก่งของ Jabra Elite 5 ตัวนี้ครับ

การที่ Jabra Elite 5 มีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนได้ขนาดนี้ เพราะรอบตัวของหูฟังมีการติดตั้งไมโครโฟนรับเสียงเอาไว้ถึง 6 ตัวครับ ทั้งไมค์ด้านในและไมค์ด้านนอก ทำงานร่วมกันเพื่อดักจับและตัดเสียงรบกวน รวมถึงเพิ่มความคมชัดของไมค์ในขณะสนทนาด้วย จากการทดสอบลองใช้งาน ตัวไมค์เสียงค่อนข้างเคลียร์ครับแม้จะพูดคุยอยู่กลางถนน ตัดเสียงไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ดีทีเดียว

โดยภายในแอพเราสามารถปรับจูนความแม่นยำของระบบตัดเสียงรบกวนได้ละเอียด เพื่อให้ตัวหูฟังทำงานได้แม่นยำกับหูของเรามากที่สุด เพราะมนุษย์แต่ละคนมีรูปลักษณ์ของใบหูและการรับเสียงที่แตกต่างกันนั้นเองครับ ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดด้าน ANC มากๆ ครับ

มีระบบเพิ่มความสงบและเป็นความส่วนตัวเอาไว้ให้ผู้ใช้ โดยจะเป็นการตัดเสียงรอบข้าง และเปิดเสียงที่จะทำให้เราจิตใจสงบโดยการเลียบแบบเสียงจากสถานที่หรือสถานการณ์ต่างๆ เช่นเสียงฝนตก นกร้อง เสียงจอแจในเมืองหรืออยูในถ้ำ ใช้หลักการณ์ ASMR เปิดเสียงบรรยากาศคลอให้เราได้ยินเบาๆ โดยสามารถเปิดฟังก์ชั่นนี้ได้จากภายในแอพครับ

ปรับแต่แนวเสียงที่ชื่นชอบด้วยพรีเซ็ต EQ โดยตัวหูฟัง Jabra Elite 5 จะรองรับโค๊ดเสียงทั้ง SBC, AAC, QualComm aptX คุณภาพเสียงแน่น มีพลัง เหมาะกับดนตรีอัดๆ ไม่แหลมแสบหู แม้จริงหูฟังตัวนี้มีไดรเวอร์ขนาดที่ไม่ใหญ่เลยครับ แต่ปรับเสียงมาได้ดีจริงๆ

มีฟังก์ชั่น Find my Jabra ในการให้หูฟังส่งสัญญาณบอกตำแหน่งล่าสุดในการเชื่อมต่อล่าสุดให้เราทราบ ว่าลืมไปวางทิ้งไว้ไหนครับ

เราสามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนของตัวหูฟังได้หลายระดับครับ ต้องการโลกส่วนตัวมากแค่ไหน หรือเปิดรับเสียงรอบข้างเอาไว้เพื่อให้รับรู้เหตการณ์ข้างนอกบ้าง ก็เลือกระบบที่ต้องการได้เลยครับ และที่สำคัญ ตัว Jabra Elite 5 รองรับเทคโนโลยี HearThrough หรือการเปิดรับเสียงภายนอกเข้ามาในหูฟังโดยตรงผ่านไมค์รับเสียง ให้ได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดเจนมากกว่าปกติ เพื่อใช้ในการสนทนาหรือฟังเสียงรอบข้างได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกครับ เราสามารถสลับโหมด ANC เพื่อตัดเสียงรอบข้าง และโหมด HearThrough เพื่อเริ่มรับเสียงรอบข้างได้ทันที โดยปุ่มที่เราตั้งค่าไว้สำหรับสลับโหมดได้เลยครับ

และอย่าลืมในการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์เพื่อรับการประกันหลังการขาย โดยทาง Jabra จะรับประกันความเสียหายจากฝุ่นและน้ำ ให้กับ Jabra Elite 5 นานถึงสองปีเลยนะครับ ^^ สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับการประกันตัวนี้ได้จากภายในแอพพลิเคชั่น Jabra Sound+ นะครับ เก็บหลักฐานการซื้อไว้เพื่อใช้เคลมการเสียหายได้ภายหลังครับ

สรุปท้ายรีวิว

หูฟังขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่ได้ตลอดวัน มีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่ดีมาก ตัดเสียงไม่เกี่ยวข้องออกได้ทั้งเสียงจากภายนอกของสภาพแวดล้อม และเสียงจากภายในเช่นเสียงเคี้ยวอาหารเป็นต้น ระบบตัดเสียงที่ปรับแต่งได้ มีระบบ HearThrough เปิดรับเสียงภายนอกเข้าหูฟังได้ทันทีเพื่อใช้ในการสนทนาโดยไม่ต้องถอดหูฟัง และไมค์ 6 ตัวช่วยในการคัดกรองทั้งด้านในและด้านนอก ช่วยทำให้เสียงไมค์ในยามใช้สนทนา ก็จะได้เสียงพูดที่ชัดเจนอีกด้วย

คุณภาพเสียงปรับมาดีพอตัว แม้จะมีไดรเวอร์ไม่ใหญ่แต่พลังเสียงไม่บาง หนักและแน่นในเพลงแนวเมทัล คุมพลังได้ดีแม้จะเปิดเสียงเต็ม 100% แต่ไม่มีแตกหรือเสียงแสบหู

วัสดุตัวงานและคุณภาพการผลิตดูดีครับ สวยน่าใช้ ราคาไม่แพงเกินไป ราคาจำหน่าย 5,290 บาท ที่มาพร้อมการรับประกันการกันน้ำกันฝุ่นใรมาตรฐาน IP55 นานถึง 2 ปี อุ่นใจได้ เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนเป็นต้นไป ที่ Gadget by RTB, Munkong Gadget, Banana IT, Studio7, 425 Degree, Mercular, Siam Discovery, Central Online, Lazada, Shopee

*สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Jabra Elite 5 200 ท่านแรก รับฟรีเคสหูฟัง DIY ที่มีให้เลือก 3 แบบ โดยส่งหลักฐานการซื้อได้ที่ไลน์ @GadgetByRTB หรือรับฟรีทันที เมื่อซื้อหูฟัง Jabra Elite 5 ที่ Digital Lab สาขาสยามดิสคัฟเวอรีเท่านั้น

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version