Advertisement

HUAWEI MateBook D14 เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีการเปิดจำหน่ายออกมาสองรุ่นนะครับ โดยจะใช้หน่วยประมวลผลที่แตกต่างกันให้ผู้ใช้เลือก หนึ่งตัวใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen 7 และอีกหนึ่งรุ่นคือ Intel Core i7-10510U ซึ่งเป็นเครื่องที่เราได้มารีวิวในบทความนี้นะครับ

Advertisement

ตัวเครื่องภายนอก HUAWEI MateBook D14

HUAWEI MateBook D14 ออกแบบมาเพื่อการทำงานครับ จุดเด่นคือความสวยงามของเครื่องที่ใช้โลหะทั้งตัว แต่น้ำหนักไม่หนักพกพาไม่ยากเลยครับ หนัก 1.38 กก. และมีความหนา 15.9 มม มีหน้าจอขนาดใหญ่ 14 นิ้ว ไม่ใช่จอทัชสกรีน

ขอบจอเล็กครับ เวลาทำงานขอบสายตาเราจะไม่รู้สึกถึงขอบจอครับ ออกแบบสัดส่วนจอมาได้เต็มตา ความละเอียดจอ FullHD เป็นจอ IPS มุมมองกว้างมากๆ สามารถกางจอออกไปได้ 180 องศา

เหมาะสำหรับการทำงานโดยเฉพาะการพิมพ์ เพราะแป้นคีย์บอร์ดออกแบบให้มีระยะความลึกของปุ่มในการกดมากกว่ารุ่นเดิมครับ พิมพ์ถนัดกว่า และมีแรงดีดที่ออกแบบมากำลังดี แป้นพิมพ์ดีดตัวได้เร็ว คนพิมพ์รัวๆ น่าจะชอบครับ มีไฟแป้นพิมพ์ปรับความสว่างได้สองระดับ แต่การออกแบบความลาดชันของแป้นพิมพ์ยังราบเอียงน้อยไปนิดนึง

 

มีที่สแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าใช้งานที่ปุ่มพาวเวอร์ จากที่ลองใช้สแกนนิ้วได้ไวและแม่นครับ จะบอกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือของโน๊ตบุ๊ค Huawei ทำงานได่ไวและแม่นกว่าเจ้าอื่นหลายยี่ห้อค่อนข้างชัดครับ น่าจะเพราะที่ Huawei พัฒนาระบบนี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยอุปกรณ์สมาร์ทโฟนแล้วนั้นเองครับ

งานประกอบเครื่องแน่นหน้า วัสดุแกร่งไม่โค้งงอง่ายๆ ตามแรงกด ทัชแพดใหญ่รองรับการทัชสกรีนค่อนข้างแม่น การใช้งานหน้าแป้นพิมพ์ของผู้ใช้งานทำได้่ดีครับ สัดส่วนลงตัว

ตัวเครื่องมาพร้อมลำโพงคู่เสียงคุณภาพดีด้านใต้เครื่อง มีช่อง HDMI และหูฟัง 3.5 มม. มาให้ครับ พร้อมพอร์ทเชื่อมต่อ USB 2.0 และ 3.0 อย่างละหนึ่งพอร์ท พร้อม USB 3.1 Type C มาให้อีกหนึ่งพอร์ทสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกและเป็นพอร์ทชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ภายในตัว

โดยตัวชา่ร์จจะมีขนาดที่พอๆ กับที่ชาร์จมือถือและใช้งานร่วมกันได้กับอุปกรณ์มือถือเลยครับ กำลังไฟแรงมาก ระดับ 65W จากที่ลองชาร์จแบตเตอรี่ จากแบตเตอรี่หมด มาถึงแบต 50% ใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง

ตัวกล้องของเครื่อง Huawei MateBook D14 จะใช้การออกแบบที่เรียกว่า Recessed camera กล้องหน้าซ่อนใต้แป้นพิมพ์ ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ดีที่สุดเพราะตัวกล้องจะถูกเก็บไว้ด้านในมิดชิดและไม่สามารถใช้งานได้ถ้าเราไม่เปิดมันขึ้นมาก่อน

แต่มุมกล้องทื่ได้ก็จะเป็นลักษณะแบบเสยหน้าขึ้นมาแปลกตากันสักหน่อยครับ

การใช้งานภายในของ HUAWEI MateBook D14

สเปคแรงใช้ได้เลยครับ ใช้ชิป Intel Core i7-10510U เจนเนอเรชั่น 3 รุ่นที่ผมได้มารีวิวใช้หน่วยความจำ PCIe SSD ขนาดรวม 512GB ใช้แรม Dual-channel DDR4 16 GB มาพร้อมตัวประมวลผลกราฟิก NVIDIA GeForce MX250 สเปคแรงมากสำหรับการทำงาน และสามารถใช้งานในการเล่นเกมได้ประมาณหนึ่งเลยครับ

ต้องชมว่าการทำงานของระบบระบายอากาศค่อนข้างเงียบมากๆ โดย Huawei ใช้การออกแบบพัดลมในรูปแบบของครีบฉลาม Shark Fin 2.0 แม้จะเปิดใช้งานเล่นเกมก็ยังเงียบครับ กราฟิกที่รองรับได้ของเกมก็อยู่ในระดับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คตัวมาตรฐานที่ใช้งานกันอยู่ ไม่ได้เป็นรองเลยในด้านเล่ายเกม แต่เครื่องมีความร้อนเล็กน้อยนะเมื่อเปิดใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ สัมผัสแล้วรู้สึกได้ แต่ยังไม่เคยมีอาการผิดปกติให้เห็นออกมาครับ

HUAWEI MateBook D14 มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครในระบบ ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Huawei Share เป็นระบบอีโค่ของแบรนด์ที่สามารถใช้งานได้ร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของ Huawei เอง เราสามารถนำภาพของหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นไปทำงานบนตัว Notebook ต่อได้ทันที เพียงนำสมาร์ทโฟนมาแตะตรงสัญลักษณ์ Huawei Share ด้านล่างของเครื่อง เราะจำสามารถใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของเราได้เหมือนอยู่บนหน้าจอโน๊ตบุ๊คเลยครับ ไม่ต้องจับตัวมือถืออีกต่อไปตลอดการเชื่อมต่อใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้าโทรออก หรือการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ก็สามารถเรียกใช้งานได้โดยตรงบนหน้าจอ MateBook D14 เลยครับ

โดยตัว Huawei Share จะเป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรแกรม PC Manager ของ Huawei ครับ ภายในชุดโปรแกรมดูแลเครื่องตัวนี้ยังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่างเช่น การบันทึกหน้าจอเป็นวีดีโอ หรือการดูแลเครื่องจากข้อผิดพลาดและการอัพเดทไดรเวอร์ให้อัตโนมัติ ยังเป็นหน้าด่วนที่รวมคลิปบอร์ดที่เราทำการบันทึกคัดลอกเอาไว้ ให้เราเรียกใช้งานย้อนหลังได้อีกด้วย เป็นชุดโปรแกรมที่เก่งมากๆ ผมขอชมเลยว่าช่วยผู้ใช้ Notebook ได้เยอะมากจริงๆ

แบตเตอรีสามารถใช้งานได้ประมาณ 9 ชั่วโมงในโหมดประสิทธิภาพสูงสุดขณะใช้งานบนแบตเตอรี่ครับ แสงหน้าจอคือสิ่งสำคัญ ผมเปิดใช้ความสว่างประมาณ 60% ครับ ความอึดของแบตเพียงพอสำหรับคนชอบทำงานนอกสถานที่

โดยรวมแล้วน่าใช้ครับ เพราะเครื่องดูแพง สเปคแรง แต่ราคาไม่แพงเกินไป เปิดตัวมาในวันรีวิวอยู่ที่ 29,990 บาท ยังไม่นับรวมโปรโมชั่นและของแถมจากหน้าร้านค้าและช้อปปิ้งออนไลน์ครับ

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version