วันเสาร์, พฤษภาคม 4
Advertisement

ด้วยแผนการดูแลร้านค้าและการตลาดที่แข็งแกร่ง ทำให้จำนวนร้านค้าบนแพลตฟอร์มราคูทเน ตลาดดอทคอมขยายตัวขึ้นถึง 110% และยอดขายพุ่งสูงขึ้นถึง 1,876% นับตั้งแต่ปี 2010

นับเป็นเวลา 5 ปีแล้วที่ บริษัท ราคูเท็น อิงค์ ก้าวเข้าสู่ตลาดของประเทศไทยโดยการรวมตัวกับ ตลาดดอทคอม (Tarad.com) และยังคงดำรงตำแน่งผู้นำแถวหน้าของการปฏิวัติรูปแบบธุรกิจ ซื้อ-ขาย ออนไลน์ ซึ่งปัจจุบัน ราคูเท็น มีสมาชิกจำนวนถึง 2.5 ล้านราย รวมไปถึงการเติบโตของจำนวนร้านค้าที่เพิ่มมากขึ้นถึง 110% และยอดขายที่พุ่งกระฉูดถึง 1,876% นับตั้งแต่ปี 2010

Advertisement

ราคูเท็น นับเป็นหนี่งในบริษัทผู้นำการบริการต่างๆเพื่อประโยชน์สำหรับผู้บริโภคและธุรกิจ บนระบบอินเตอร์เน็ต และเป็นผู้บุกเบิกทางด้านธุรกิจ B2B2C ในระดับสากล โดยการนำประสบการณ์พัฒนาร้านค้าที่มากกว่า 15 ปี มาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มการขายของราคูเท็น ตลาดดอทคอมให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด อาทิ จัดอบรมหลักการเนินธุรกิจออนไลน์โดย Rakuten University (มหาวิทยาลัยราคูเท็น), การให้บริการที่ปรึกษาด้านอีคอมเมิร์ซส่วนตัวหรือ ECC ที่ย่อมาจาก e-commerce consultants เพื่อช่วยคิดและผลักดันกลยุทธการขายต่างๆให้กับผู้ประกอบการเพื่อสร้างยอดขายที่ดีที่สุด

“ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของราคูเท็น ตลาดดอทคอมถือเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง” นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ราคูเท็น ตลาดอทคอม กล่าว “หัวใจสำคัญของการรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำของเราคือ การสร้างพื้นที่การทำธุรกิจที่ปลอดภัยและมั่นคงให้กับร้านค้า และเปลี่ยนประสบการณ์การช้อปปิ้ง ออนไลน์ให้เป็นความบันเทิงให้กับผู้ซื้อ โดยเน้นที่ความสะดวกในการค้นหาและเชื่อมโยง เรามีการดูแลส่งเสริมร้านค้าโดยการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมการขายด้วยบริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังสร้างโอกาสให้กับผู้ค้าในการจับมือกับบริษัทชั้นนำเพื่อเพิ่มยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน ความบันเทิง หรือเทคโนโลยี ราคูเท็น ตลาดดอทคอม มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนร้านค้าให้เจริญเติบโตต่อไปในด้าน อี-คอมเมิร์ซ”

เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้นผ่านสมาร์ทโฟนและรอยัลตี้โปรแกรม

เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้งานอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ราคูเท็น ตลาดดอทคอม จึงได้มีการพัฒนาการตลาดผ่านทางระบบสมาร์ทโฟน เพื่อให้ร้านค้าติดต่อผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น และยังเป็นช่องทางในการซื้อขายที่สะดวกและรวดเร็วอีกช่องทางหนึ่ง ราคูเท็น ตลาดดอทคอมเป็นผู้นำด้าน เอ็ม-คอมเมิร์ซ เรามีการเปิดตัวเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือในปี 2012 เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งจำนวนผู้เข้าใช้เว็บไซต์ราคูเท็น ตลาดดอทคอมบนมือถือนั้น นับเป็น 50% ของผู้ใช้ทั้งหมดต่อเดือน อีกทั้งยังเป็นที่มาของรายได้ถึง 35% ต่อเดือนอีกด้วย

สืบเนื่องมาจากความสำเร็จของ ราคูเท็น อิชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น ราคูเท็น ตลาดดอทคอม จึงได้นำโปรแกรม ‘ราคูเท็น ซูเปอร์ พ้อยท์’ มาเริ่มใช้ในปี 2010 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่แจกคะแนนเพื่อให้ผู้ซื้อสินค้านำคะแนนเหล่านั้นมาใช้แลกของในเว็บได้อย่างสะดวกภายใต้ร่มเงาของ ราคูเท็น

“ในปีนี้ เรามั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้บริการเว็บราคูเท็น ตลาดดอทคอมถึง 60 ล้านคน หรือประมาณ 5 เท่าของปีแรกที่เปิดบริการในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า เราเข้าใจความต้องการของคนไทย และเรามีส่วนช่วยในการผลักดันร้านค้าที่อยู่กับเราให้มียอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในปี 2015 ราคูเท็น ตลาดดอทคอมจะมีการนำเสนอโปรแกรม ‘order fulfillment service’ เพื่อดูแลเรื่องการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อได้ครอบคลุมครบวงจรเพื่อประสบการณ์การช๊อปปิ้งที่ดีที่สุด” นายภาวุธ กล่าวปิดท้าย

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ (2)

เกี่ยวกับบริษัทราคูเท็น บริษัท ราคูเท็น อิงค์ เป็นบริษัทชั้นนำระดับสากลที่เป็นผู้ให้บริการต่างๆเพื่อประโยชน์สำหรับผู้บริโภคและธุรกิจ บนระบบอินเตอร์เน็ต โดยให้บริการด้านธุรกิจอย่างหลากหลายโดยมุ่งเน้นไปที่ พื้นที่ให้การทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ การเงินออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2012 นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับ ให้ราคูเท็น เป็น 1 ใน 20 บริษัทที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม (Top 20 Most Innovative Companies) ราคูเท็นทำการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลกโดยปัจจุบันครอบคลุมประเทศต่างๆในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา และ กลุ่มประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ราคูเท็นถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1997 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีพนักงานกว่า 11,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://global.rakuten.com/corp

เกี่ยวกับ ราคูเท็น ตลาดดอทคอม ราคูเท็น เปิดตัวเมื่อปี 1999 โดย ตลาดดอทคอม ได้เข้ารวมบริษัทกับ ราคูเท็น กรุ๊ปในปี 2009 ซึ่งตอนนี้ได้โอบอุ้มสินค้าประมาณ 4 ล้านชิ้น จากร้านค้ากว่า 250,000 ร้านค้า โดยใช้หลักการ B2B2C (Business to Business to Consumer) และ B2C (Business to Consumer) ด้วยสินค้าที่มีมากมายหลากประเภท ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น ความงาม เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็คโทรนิค จนไปถึงอาหารและเครื่องดื่มเลยทีเดียว

แชร์
Avatar photo

คอมลัมนิสต์หัวใจฝักใฝ่ด้าน IT และ Gadget พร้อมสาระความรู้ How To ดีๆ สำหรับการใช้งานมือถือและแท๊ปเบล็ตที่พร้อมจะมาแชร์กับเพื่อนๆ ที่สนใจในเนื้อหาเดียวกัน เพื่อให้พื้นที่ AppDisqus.com เป็นสเปซสำหรับการแบ่งบันโดยแท้จริง

Advertisement
Exit mobile version