Advertisement

OPPO Reno6 5G สมาร์ทโฟนจากซีรี่ส์ขายดีของ OPPO ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทยวันที่ 16 กันยายน เป็นซีรี่ส์สมาร์ทโฟนที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพยอดเยี่ยมโดยเฉพาะภาพบุคคล เด่นด้วยการสร้าง Bokeh Flare Portrait ที่ไม่เหมือนใคร อย่างที่เราเคยเห็นผลงานกันไปแล้วใน OPPO Reno6 Series ในรุ่นที่เปิดตัวกันไปก่อนหน้านี้ ซึ่งผมจะแอบกระซิบว่า รุ่นใหม่นี้ยังพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเฉพาะงานวีดีโอ ที่ตอนนี้ OPPO Reno6 5G สามารถถ่ายภาพวีดีโอแบบ Bokeh Flare Portrait Video ได้แล้วด้วยครับ ^^

OPPO Reno6 5G คืองานกล้องระดับสูง และงานบรรจงสร้างที่ใช้เทคนิคการผลิตที่ดีที่สุด ใส่ใจในรายละเอียดมากที่สุดจาก OPPO เพราะตัวเครื่องจริงในมือของผมมันคือสมาร์ทโฟนที่สวยงามมากครับ

Advertisement

OPPO Reno6 5G จะมีนำเข้ามาสองสี หนึ่งคือ “สี Aurora” เป็นสีที่อาจจะระบุชัดไม่ได้ เพราะมันคือสีที่มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนได้เป็นพันเฉดสี สะท้อนเฉดตามแสงที่มากระทบ ใครที่ชอบแนวสีมหัศจรรย์ที่เล่นกับแสงได้อย่างเด็ดขาดแล้วละก็ สี Aurora คือคำตอบครับ

และอีกหนึ่งสีที่จะมีเข้ามาจำหน่วยในไทย คือ “สี Stellar Black” เป็นสีดำที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน เพราะมันเป็นสีดำที่จะ “เปล่งประกายได้มากที่สุด” เทคเจอร์บนพื้นผิวที่เป็นเหมือนปริซึมเม็ดทรายจำนวนนับไม่ถ้วน ให้ความรู้สึกพิเศษ พรีเมี่ยม แปลกใหม่ สวยงาม และดูลึกลับ เป็นสไตล์เครื่องสีดำที่ไม่มีใครเหมือน

OPPO เลือกเปลี่ยนดีไซน์เครื่องในทรงใหม่ ใช้งานออกแบบที่เรียกว่า “Ultra-slim Retro Design” รูปทรงคลาสสิคแบบมุมเหลี่ยมที่มีความบางพิเศษ โครงเครื่องโลหะ ขอบเรียบ ที่บางเพียง 7.59 มม. ใส่รายละเอียดไล่ชั้น เล่นระดับ ลบคมหลบมุม เครื่องแกร่งมาก งานผลิตแน่นๆ แต่น้ำหนักโดยรวมของเครื่องอยู่ที่ 182 กรัมเท่านั้น ด้วยรูปทรงใหม่และความบางทำให้ OPPO Reno6 5G สามารถถือใช้งานได้อย่างสบายมือมากๆ ครับ แม้แต่ผู้หญิงมือเล็กๆ

ใช้เทคนิคการทำพื้นผิว OPPO Reno Glow ที่เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของซีรี่ส์มาโดยตลอด เป็นการสร้างผิวงานระยิบระยับแนวเครื่องสมัยใหม่ เมื่อนำไปผสมกับงานดีไซน์รูปทรงคลาสสิคแบบ Retro ก็ดูเข้ากันพอดีครับ สวยทั้งรูปทรง สวยทั้งพื้นผิว และสวยทั้งเรื่องของสีที่ OPPO นำมาใช้ในรุ่นนี้ด้วย

พื้นผิว OPPO Reno Glow ช่วยสร้างความสบายใจในการใช้ได้อย่างมากด้วยนะครับ เพราะนอกจากแสงระยิบระยับที่สะท้อนกับผลึกปริซึมแล้ว พื้นผิวนี้ยังให้สัมผัสแบบด้านช่วยป้องกันการเกิดคราบรอยนิ้วมือได้เกือบ 100% และทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่มองเห็นได้ยากมากๆ ด้วยครับ

ระยิบระยับจับได้เต็มมือ เครื่องไม่เงาไม่เกิดคราบมัน เครื่องไม่ลื่นเพราะเทคเจอร์เม็ดทรายเป็นตัวกันความลื่นในตัว รูปทรงบางและสะท้อนเล่นกับแสง นี่คืองานผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ของ OPPO ผู้เป็นเจ้าของสิทธิบัตรกว่า 20 ฉบับทั่วโลกสำหรับเทคนิคงานผลิตชิ้นนี้ครับ

ด้านหลังเป็น กล้อง AI ความละเอียดสูง ใช้กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล  กล้องมุมกว้าง 8ล้านพิกเซล และกล้องมาโคร 2ล้านพิกเซลที่เป็นเซนเซอร์วัดอุณหภูมิสีในตัว คุณภาพกล้องก็รอดูกันในรีวิว แต่แน่นอนว่าจะมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเด็ดอย่าง Bokeh Flare Portrait แน่นอน และในรุ่นนี้รองรับการทำโบเก้สวยๆ ได้ทั้งภาพนิ่งและการถ่ายวีดีโอซะด้วย

รุ่นนี้ก็ยังคงเน้นที่การถ่ายภาพในระดับคุณภาพสูง ความละเอียดสูง และมีฟังก์ชั่นมากมายครับ เป็นรุ่นเด็ดในการถ่ายภาพเช่นเคย รอติดตามกันได้ว่าภาพถ่ายละลายหลังแบบ Bokeh Flare Portrait และ Bokeh Flare Portrait Video จะเป็นอย่างไร และยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มความสวยงามให้กับแบบได้แบบเรียลไทม์ในวีดีโอ Portrait Beautification Video ให้เราสวยเด่นได้แม้การถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วย ^^ และก็มีระบบ Focus Tracking ติดตามวัตถุในการถ่ายวีดีโอ ใครชอบถ่ายสิ่งที่มีการเคลื่อนไหว เช่นถ่ายกีฬา Extreme ถ่ายสุนัข หมา แมวที่บ้าน ไม่หลุดโฟกัสแน่นอนครับ กล้องจะติดตามไปโฟกัสให้อัตโนมัติได้เองตลอดเวลา ^^

ด้านหน้าตัวเครื่องเป็นจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว ที่เรียกว่าแทบจะเต็มพื้นที่ ขอบจอบางเฉียบทั้งสี่มุม เป็นจอ FullHD+ AMOLED Display รีเฟรชเรท 90 Hz การตอบสนอง touch sampling rate 180 Hz

ด้วยขอบจอที่บางเฉียบ จอเต็มพื้นที่ด้านหน้า และขอบเรียบๆ ทำให้ดูโฉบมากครับสำหรับ OPPO Reno6 5G ในมุมมองด้านหน้าตรง เหมือนขอบเครื่องจะอยู่พอดีชิดจอเลย

OPPO Reno6 5G ใช้เทคนิคการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติจากสภาวะแสงรอบข้างแบบ 360° Light sensing ด้วยนะครับ เป็นการใช้เซนเซอร์แสงด้านหน้าประกอบกับเซนเซอร์วัดอุณหภูมิสีด้านหลังเครื่อง เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม และให้ความสว่างของหน้าจอแบบ Auto-brightness ที่แม่นยำมากกว่าเดิม ผู้ใช้เองก็จะไม่ต้องคอยปรับแสงจออยู่บ่อยๆ เวลาใช้แล้วเจอปัญหาจอมืดหรือสว่างเกินไป เพราะเครื่องส่วนใหญ่จะวัดแสงแค่ด้านเดียว

บนหน้าจอฝังกล้องหน้าขนาดเล็ก ให้กล้องความละเอียดสูงเช่นกัน เป็นกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล คุณภาพกล้องก็ติดตามได้ในรีวิวครับ แต่เชื่อมือ OPPO กันได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกโหมดถ่ายภาพบุคคลหรือเซลฟี่ ^^ คนได้ลองกับเครื่อง OPPO ไม่เคยผิดหวัง

หน้าจอรองรับการสแกนลายนิ้วมือโดยตรง พร้อมสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้ด้วยกล้องหน้า ปุ่มกดต่างๆ แน่นหนา รู้สึกถึงคุณภาพงานประกอบที่มีมาตรฐานระดับสูงได้ตั้งแต่ลองกดปุ่มต่างๆ กันเลยละครับ ฟิลลิ่งดีมาก  และผมจะบอกว่าด้วยเครื่องมันบาง และจอมันชิดขอบแบบนี้ เวลาใช้งานนิ้วเราไปได้ทั่วจอแบบไม่ต้องฝืนด้วยครับ สาวๆ มือเล็ก ก็ไม่ต้องห่วง ใช้งานสะดวกไม่ต้องเกร็ง น้ำหนักเบาเครื่องบาง ถือใช้ทั้งวันก็ไม่ปวดนิ้วแน่นอนครับ

รองรับ 5G ทั้งสองสล็อตซิมการ์ด ใส่แล้วพร้อมใช้งาน 5G ได้ทันที

ในด้านประสิทธิภาพ OPPO Reno6 5G ก็มากับหน่วยประมวลผลตัวระดับบนของ MediaTek นั้นคือ Dimensity 900 Integrated 5G SoC มาพร้อมกับแรมขนาดใหญ่ 8GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้อีก ด้วยเทคโนโลยี RAM Expansion สูงสุดอีก 5GB! เผื่อในกรณีต้องการหน่วยความจำเพิ่มเติม แต่ 8GB ก็เยอะมากอยู่แล้ว

หน่วยความภายใน 128GB  ขนาดแบตเตอรี่ 4300mAh ให้ระบบชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 มาในรุ่นนี้ด้วยครับ ชาร์จไว มั่นใจได้ เต็มแน่นอน 100% ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ^^

อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีมาให้ครบ ทั้งที่ชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 เคสใส และชุดหูฟังแบบ USB Type C และสายดาต้า

รันด้วยระบบ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS11.3 ใหม่ล่าสุด รวมสเปคด้านประมวลผลทั้งหมดก็เป็นรุ่นที่ใช้งานกันสบายๆ ครับ จากที่ทดสอบเบื้องต้นก็ลื่นไหลละมุนมาก ^^ ซอฟท์แวร์ใหม่ของ OPPO นุ่มตาสุดๆ ตอบสนองไวด้วยครับ

 

ก็ติดตามรีวิวการใช้งานเต็มๆ ได้ที่ Appdisqus เช่นเดิม เราจะเอารายละเอียดทั้งหมดมาให้ทราบกันหลังงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจาก OPPO ก็อีกไม่นานแล้วครับ

งานเปิดตัวของ OPPO Reno6 5G จะมีขึ้นในวันที่ 16 กันยายน เวลา 18.00 นาฬิกา ก็เชิญมาร่วมไปรับชมกันได้ที่  OPPO Fanpage >> https://bit.ly/2YvWk0Z มีกิจกรรมแจกของรางวัลกันอีกอย่างแน่นอน ^^ มาชมกันเยอะๆ นะครับร่วมสนุกกัน

แล้วพบกันในบทความต่อไป ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบ สวัสดีครับ ^^

 

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version