Advertisement

Nop : พินิจกระแสสังคมตำหนิ “สภาทนายความ ผลักดันเกมออนไลน์ให้เข้าข่ายการพนันปัญญาอ่อน”

1

สวัสดีครับ วันนี้ผม Noppinij จับเอากระแสสังคมเรื่องของ “เกมออนไลน์” บนกระแส Social ที่รุมก่นด่า “สภาทนาย” มาพูดคุยกันครับ จากกรณี แถลงการณ์ 5 ข้อ ตามที่สภาทนายตั้งข้อสังเกตไว้ ว่าพฤติกรรมการให้บริการเกมออนไลน์ในปัจจุปันนั้น เข้าข่ายของรูปแบบการพนันในแบบหนึ่งหรือไม่ และถ้าใช่ควรมีมาตรการในการป้องกันและควบคุมอย่างไร

Advertisement

หลายคนหลายเสียงใน Social ต่างให้สรรพนามกับสภาทนายในความคิดเห็นดังกล่าวโดยทันทีว่า “ปัญญาอ่อน” แม้อาจจะคิดคล้ายๆกัน แต่ผมก็ไม่ได้มองแบบนั้นทั้งหมด

สภาทนายอาจจะผิดที่ผลักดันให้เกมเข้าข่ายการพนันซึ่งมันไม่ใช่…แต่ผมเห็นด้วยในเจตนาที่ต้องการให้มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลความหย่อนยานและความไม่จริงจัง ในการควบคุม “กิเลสเด็ก” ของผู้ให้บริการเกมในปัจจุปัน

ปัญหานี้จริงๆ จะว่าไปแล้วไม่ได้เกิดกับเด็กเท่านั้นหรอกครับ ผู้ใหญ่ก็เป็นนะ ในสมัยนึงประเทศของเราเคยพยายามจะควบคุมการให้บริการเกมออนไลน์ โดยห้ามการขายไอเท็มในเกมและให้คิดค่าบริการเป็น รายชั่วโมง/รายเดือน เพื่อป้องกันการเสียทรัพย์ของผู้ใช้บริการที่อาจจะเป็นเหมือนบ่อไร้ก้น เติมเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มตื้นในความพอใจ 

ผู้ใหญ่เองก็หยุดตัวเองไม่ได้เช่นกัน ซึ่งมันก็คล้ายๆ การเสพติดในรูปแบบหนึ่งที่เราเรียกว่า “ติดเกม” นั้นแหละครับ อย่านับประสาอะไรกับเด็ก และยิ่งถ้าเขาสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ ในทั้งแบบที่เรารู้ หรือในแบบที่เราไม่รู้ นั้นอาจจะรวมถึงในแบบที่เราไม่เต็มใจก็เป็นได้อีกเช่นกัน มันเกิดปัญหาแน่นอนอยู่แล้วถ้าผู้ให้บริการเต็มใจอ้าแขนรับไม่เลือก

แม้แต่คนที่ไม่มีปัญหาในการควบคุมวินัยตนเองหรือในชีวิตไม่เคยจะใส่ใจในการเสียเงินเพื่อเติมเกมมาก่อน ก็ยังสามารถเข้าใจได้ว่า กลุ่มบุคคลติดเกมนั้นมีอยู่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ และบางคนนั้นไม่ได้ติดเกมในระดับธรรมดา ที่หนักกว่าคือเด็กๆ พวกเขาจะยังด้อยด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิในการควบคุมตัวเองและยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องการรับรู้ผลร้ายที่อาจจะตามมาเหมือนเช่นผู้ใหญ่ รายที่หนักๆ สำหรับเด็กบางคนนั้นอยู่ในระดับถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งภาวะจิตใจและภาวะอารมณ์ของพวกเขาจะแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจนทุกครั้งที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองขัดขวางในสิ่งที่พวกเขาตั้งใจอยากได้ จนบางครั้งเลยเถิดเป็นคดีมากมายไม่ใช่แค่เรื่องการเสียทรัพย์อย่างที่เป็นกระแสสื่อในทุกวันนี้

บางค่ายเกมเคยพยายามควบคุม และเอาใจใส่อย่างจริงจัง โดยการตรวจสอบอายุผู้เล่นที่แท้จริงด้วยการขอเอกสารบัตรประชาชน แม้จะไม่ได้ผลมากนัก แต่ก็พอให้เป็นเขื่อนกั้นและเป็นข้ออ้างให้กับพ่อแม่ที่ลูกๆ ของพวกเขายังพอจะฟังเหตุผลอยู่ได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นอันล้มเลิกไป เหลือไว้แต่ทฤษฏีที่เคยปฏิบัติ เพราะทุกอย่างมันขัดกับการเติบโตและการแข่งขันในด้านธุรกิจ

[quote]ถ้าจะเอาความถูกต้องตามระบอบสังคมและเศรษฐกิจที่เป็นไปในทุกวันนี้ เราอาจจะต้องปล่อยมันไปตามรูปแบบที่เราชาชิน ธุรกิจเกมเฟื่องฟู เติบโตและมีบริการสนองต่อผู้ใช้ คนเล่นแฮปปี้มีความสุข เติมเงินด้วยความเต็มใจเพื่อได้ในสิ่งที่อยากได้ตามความต้องการ ปัญหาต่างๆ ก็ให้เป็นกรณีไป อยู่ที่ความเดือดร้อนและความรับผิดชอบจะตกที่ใคร พ่อแม่ที่ไม่มีเวลา ผู้ปกครองของเด็กที่ห้ามตัวเองไม่ได้ หรืออาจจะเป็นผู้ให้บริการที่ต้องการซื้อใจสังคม โดยออกมารับผิดชอบแทนความ(แกล้ง)ไม่รู้ของเด็กบางคนที่ผู้ปกครองก็ไม่รู้เรื่องพอๆ กัน[/quote]

ผมมีลูกชายและลูกสาวที่อยู่ในวัยกำลังปวดหัวพอดีครับ แต่ผมรู้สึกโชคดีที่พวกเขาเป็นเด็กซื่อสัตย์ และยอมเข้าใจในสถานะตัวเขาเองในเรื่องการเล่นเกมออนไลน์ แม้เขาจะเริ่มอิจฉาเพื่อนอยากมีอยากได้ตามกิเลสที่ก่อตัว และผมโชคดีที่เขาไม่ลักขโมย ผมโชคดีที่เขา “ถาม” ก่อนจะแอบทำ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นไปจนถึงวันสุดท้ายที่เขาโตพอจะเข้าใจ

แต่ถ้าไม่ใช่! วันนั้นสภาทนายคงจะถอยหลังพับกระดานเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อสังคมไม่เอาด้วย คนไม่เห็นค่า เพราะมันปัญญาอ่อน

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version