วันเสาร์, พฤษภาคม 4
Advertisement

สำหรับ iPad mini นั้นถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ Apple นับตั้งแต่ iPad 2 ที่ไม่ใช้ Retina Display  ส่วน iPhone 4, iPhone 4s, iPhone 5 และ iPad 4 ล้วนใช้ Retina Display ทั้งนั้น  เช่นเดียวกับ iPod touch 4 และ  iPod touch 5   มีเหตุผลทางเทคนิคมากมายที่ Apple ใช้อธิบายว่าทำไมจึงได้เลือกแบบนี้  ทั้งเรื่อง ความเบาของตัวเครื่อง  การประหยัดพลังงาน หรือค่าใช้จ่าย  ซึ่งหากใส่ Retina Display เข้าไปจะส่งผลให้ iPad mini ทั้งหนา หนัก และแพงกว่าที่เป็นอยู่ แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะอะไรเราก็ไม่ทราบได้

 

Advertisement

บางคนถึงขนาดเคยกล่าวไว้ว่า การที่ Apple ทำอุปกรณ์พกพาประเภท Non- Retina Display ในยุคนี้ถือว่าเป็นความหายนะสำหรับอุปกรณ์นั้นเลยก็ว่าได้ แต่หลายคนก็บอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ได้สำคัญอะไร แม้จะไม่มีมันก็สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้ไม่มีปัญหาอะไร(ในตอนนี้) แต่ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นกำไรไป

 

อย่างไรก็ตาม ผมว่าความละเอียดหน้าจอนี้ มันสามารถบอกเราได้ว่า มันจะโดนใจเราไหม หรือเราจะเลือกซื้อมันหรือเปล่า มันเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมากครับ วันนี้เราจึงทำการทดสอบความแตกต่างของหน้าจอของ iPad mini, iPad 2, iPad 4 และ iPhone 5 ด้วยภาพจากเลนส์มาโคร เพื่อให้เราได้พิจารณาดูด้วยตัวเองครับ ว่าความละเอียดของอุปกรณ์ใดเหมาะสมกับเรามากที่สุด เพราะคุณภาพหน้าจอที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานจริงของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน โดยการทดสอบแรกเป็นภาพของไอคอนของ Safari ซึ่งเรียงจากซ้ายไปขวา ดังนี้  iPad 2 (132 ppi), iPad mini (163 ppi), iPad 4 (264 ppi), และ iPhone 5 (326 ppi) ตามลำดับ

ภาพไอคอนของ Safari

 

จากภาพแรกจะเห็นได้ชัดว่า เม็ดพิกเซลของ  iPad 2 ใหญ่ที่สุด  ทำให้มองเห็นเป็นเม็ดๆได้ง่ายมาก ส่วนของ iPhone 5 จะเล็กที่สุด ภาพหน้าจอของ iPad mini จะดูดีกว่า iPad 2 หน่อยนึง แต่แทบจะแยกความแตกต่างของขนาดเม็ดพิกเซลไม่ออกเลยทีเดียว  เช่นเดียวกัน iPad 4 ก็ไม่ได้แย่ไปกว่า iPhone 5 มากนัก แต่พอจะบอกได้ว่ามันแตกต่างกัน

 

ส่วนภาพที่สองเป็นข้อความและกราฟฟิกบนหน้า Web browser(เรียงตามลำดับเดิม)

ภาพหน้าเว็บไซต์

 

ภาพที่สามเป็นข้อความบน iBook (ขออภัยที่ข้อความบน iPad 2 เป็นข้อความที่ต่างกับอุปกรณ์อื่น)ภาพข้อความบน iBook

 

ภาพสุดท้ายเป็นรูปกราฟฟิกบน iBook ภาพนี้เราจะเห็นความแตกต่างของคุณภาพหน้าจอได้ชัดเจนมากครับ  โดยเรียงภาพจากบนลงล่างเป็น iPad mini iPad 4 และ iPhone 5 ตามลำดับ

ภาพกราฟฟิกบน iBook บน iPad mini, iPad 4 และ iPhone 5 ตามลำดับ

 

ส่วนตัวผมเห็นว่า ถ้าเป็นตัวอักษรเล็กๆนั้นค่อนข้างที่จะอ่านยากหน่อยบน iPad mini แต่ก็ยังดีกว่า iPad 2 หน่อยนึง เพราะหน้าจอมันเล็กกว่านั้นเอง  หากเราใช้อุปกรณ์ที่เป็น Retina Display มาก่อน อย่างเช่น iPad 3, iPad 4,  iPod touch 4,  iPod touch 5  หรือ iPhone 5 ก็คงจะรู้สึกว่าคุณภาพหน้าจอของ iPad mini ไม่ค่อยดีเท่าไหร่  แต่หากเราใช้ iPad 2  แล้วเปลี่ยนมาใช้ iPad mini ก็จะเห็นว่าคุณภาพหน้าจอไม่ได้ด้อยไปกว่าเดิมเลย และค่อนไปทางดีกว่าด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเปลี่ยนจาก iPhone 3GS หรือ iPod touch 3 รับรองว่าคุณภาพหน้าจอดีขึ้นแน่นอนครับ

 

สำหรับผมแล้ว iPad mini ที่ไม่ใช้ Retina Display ก็ไม่ถือว่าหายนะอะไรมากมาย มันเพียงพอในการใช้งาน และเหตุผลที่ว่าเพื่อให้บางมากที่สุด เบาที่สุด และถูกที่สุด ก็เพียงพอที่จะยอมรับได้กับการไม่มี Retina Display แต่หาก Apple จะผลิต iPad mini ที่หนาขึ้นหน่อย หนักขึ้นอีกนิด ราคาแพงขึ้นอีกพอสมควร  แลกกับ iPad mini + Retina Display  ผมก็ยินดีที่จะเป็นเจ้าของ New iPad mini นี้อย่างเต็มใจ ^^

 

แล้วเพื่อนๆหละครับ เห็นว่ายังไง ??

 

ที่มา : imore.com

แชร์
Avatar photo

อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ

Advertisement
Exit mobile version