เพื่อนๆชาว Appdisqus คงจะได้ยินหรือติดตามข่าวของวงการเมืองบ้านเรา ที่มาคาบเกี่ยวกับสายวงการไอทีเพราะเป็นเรื่องการใช้งบประมาณแผ่นดิน จัดซื้อเครื่อง iPad Retina Display มาให้สมาชิกสภายืมใช้เป็นเวลา 3 ปี วันนี้ เรารวบรวมข้อมูล และประเด็นที่ยังน่าค้างคาใจ รอคำอธิบายจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เป็นประเด็นฉงนที่เราสงสัยใน 5 ข้อสำคัญครับ
ก่อนอื่นเรามาดูงบประมาณที่เสียไปในเครื่อง iPad แต่ละเครื่องกันก่อนครับ ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากสายข่าว ทั้งสายการเมืองและสายไอที สรุปราคาค่าใช้จ่ายต่อเครื่องได้ดังนี้ครับ
- iPad with Retina display รุ่น WiFi + Cellular 64 GB สีขาว -28,355 บาท
- เคสสำหรับใส่ไอแพดจำนวน 1 ชิ้น -1,020 บาท
- สายหูฟัง (มีไมค์และปรับเสียงได้ 1 เส้น) – 965 บาท
- ปากกา Stylus 1 ด้าม – 430 บาท
- ฟิล์มด้านติดบนหน้าจอ – ไม่ระบุราคา
- ที่ชาร์จพร้อมสาย – 910 บาท
- ประกันเพิ่มเติมอีก 2 ปี (Apple Care) – 6,000 บาท
- ซิมการ์ดพร้อมโปรโมชั่นจากทรูมูฟ เดือนละ 1,200 บาท เป็นเวลา 1ปี
รวมต้นทุน iPad หนึ่งเครื่องต่อหนึ่งคน พร้อมค่าอินเตอร์เน็ต หนึ่งปีจะอยู่ที่ 52,080 บาท ต่อเครื่อง (ไม่รวมค่าฟิล์มกันรอยที่ไม่ระบุราคา)
ที่มาของภาพและข้อมูล komchadluek
ประเด็นฉงน 1 ราคาเครื่อง
ราคาเครื่อง 28,355 บาท แพงกว่าราคาจำหน่ายจริงที่ขายกันตามร้านค้าหรือผู้จำหน่ายแบบ “ปลีก” ทั่วๆไปอยู่ประมาณ 1,850 บาทต่อเครื่อง นี่เอาแค่ราคาแบบคุณยายที่ไม่รู้เรื่องเดินเข้าไปซื้อตามช็อบนะครับ โดยทางเลขาฯสภา แจงเหตุผลว่า ที่มันแพงกว่าราคาตลาดโดยทั่วๆไป เพราะสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี เลยมีราคาสูงกว่าปัจจุปัน
ที่มาของคำชี้แจง posttoday
ในความเป็นจริง ราคาเครื่องของiPad 4th นับจากการประกาศราคาขายในไทยออกมาตั้งแต่วันแรก มันก็ราคา 26,500 บาทตั้งแต่วันคลอดอยู่แล้ว แม้แต่การซื้อผ่านเครือข่าย ทรูมูฟ ที่ร่วมทำสัญญาซิมการ์ดกันมา ก็เริ่มขายที่ 26,500 บาทเช่นกัน
ที่มาของข้อมูล iStudio
ประเด็นฉงน 2 จำนวนเครื่อง
จำนวนเครื่องที่จัดซื้อ ไม่ใช่แค่ 500 เครื่อง แต่เป็น 808 เครื่อง (บางข่าวว่า 880 เครื่อง) เพราะเครื่องที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาแจ้งการเบิกงบประมาณเพื่อนำมาจัดซื้อเครื่อง ipad 4th นั้น ไม่ได้ระบุอยู่ที่ 500 เครื่องตามที่ข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่เป็น 808 เครื่องที่เบิกงบประมาณมาจัดหาให้แก่ สส. ยังรวมถึง สว.และผู้บริหารในสภาอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย
ที่มาของข้อมูล manager.
ประเด็นฉงน 3 งบประมาณอีกมากมายที่ไม่ได้แจกแจง
เมื่อเรามัวแต่ไปสนใจในประเด็นราคาเครื่องที่ไม่ตรงกับราคาตลาด และราคาอุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้แจกแจง เช่น ฟิล์มกันรอย หรือ ราคาค่าประกันเครื่อง ที่ตกลงว่า แท้จริงแล้ว ซื้อประกันเพิ่มสองปีรวมเป็นสามปี หรือซื้อประกันเพิ่มรวมเป็นสองปี ในราคา 6,000 บาท
เพราะถ้าเป็นซื้อแล้วรวมกันเป็นสองปี งานนี้แพงเวอร์มากแน่นอน ทาง Apple มีราคาการรับประกันเพิ่มเติมในวงเงินปีละ 2,800 บาท เท่านั้นครับและมีประกันเดิมให้อยู่แล้วอีกหนึ่งปี
รวมกับข้อมูลที่คุณ บุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นำรายงานงบประมาณมาเปิดเผยแก่ประชาชน มันยังมีงบก้อนใหญ่ที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ใช้ไปกับอะไร ค่าอะไร แล้วใช้กับใครที่ไหน
เพราะถ้าเอาข้อมูลที่เรารวบรวมมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อเครื่อง 52,080 บาท ทั้งหมด 808 เครื่อง ก็จะเท่ากับประมาณ 42 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือ ค่าอะไรต่อมิอะไรเป็นเงินเท่าไหร่ เราคงไม่มีทางได้รู้
[quote]”ค่าจ้างเหมาพัฒนาระบบ ค่าบริหารโครงการ ค่าฝึกอบรม ค่าจัดหาซอฟต์แวร์ ค่าจัดหาติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย จัดหาเครื่องสแกนดึงเอกสารอัตโนมัติ 5 เครื่อง ค่ารับประกันเครื่อง 3 ปี รวม 55,646,200 บาท ค่าระบบ 34,234,200 บาท ยังไม่มีรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างเป็นอย่างไร”[/quote]
CR.บุญยอด สุขถิ่นไทย
ที่มาของข้อมูล siampod manager.
ประเด็นฉงน 4 แพ็คเกจอินเตอร์เน็ตแบบไหนจาก ทรูมูฟ
ภาระผูกพันต่อเนื่องของงบประมาณนี้ คือค่าบริการรายเดือนจากซิมการ์ดทรูมูฟเอช ที่เบิกงบประมาณไปตกเดือนละ 1,200 บาทที่ต้องจ่ายให้ทั้ง800 กว่าเครื่อง สร้างความฉงนแบบเป็นที่สุดสำหรับเราอย่างมาก แพ็คเกจอินเตอร์เน็ตอะไรหรือครับ เดือนละ 1,200 บาท ต่อให้เป็นแพ็คเกจที่แพงที่สุดเท่าที่ Truemove H มี ต่อให้เป็นโปรจากระบบ 4G ก็ตามที แพงสุดก็อยู่ที่ 899 บาทต่อเดือนเท่านั้น และผมไม่คิดว่าเขาจะเพิ่มโปรเสริมเป็นค่าโทรให้กับเครื่อง iPad หรอกนะ
ภาพจาก Truemove H
ยังดีที่ข่าวอัพเดทล่าสุด มติอนุกรรมการฯ ขอให้ตัดค่าซิมการ์ดที่ตั้งราคาไว้ 1 ปี ให้เหลือเป็นประเภทอินเทอร์เน็ตรายเดือน 3G ภายในงบประมาณ 8.2 ล้านบาท หารมาก็ตกปีละ 10,271 บาทต่อเครื่อง หรือประมาณ 856 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับแพ็ตเกจที่แพงที่สุดของ 3G จากทรูมูฟ H นั้นเองครับ
ประเด็นฉงน 5 เพื่อ?
นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อธิบายประโยชน์จากงบทั้งหมดนี่
“เพื่อลดการใช้กระดาษในรัฐสภาและแก้ไขปัญหาเอกสารสูญหาย”
ที่มา posttoday.
