Advertisement

จากหน้าข่าวต่าง ๆ ในปัจจุบัน ทั้งแก๊งมิจฉาชีพ คอลเซ็นเตอร์ ทวงหนี้โหด หลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ หรือแม้แต่การโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ มันทำให้เราอยากที่จะบันทึกเสียงการโทรสนทนากันเหนียวเอาไว้ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นในสื่อทั้งออนไลน์และทีวีจะเป็นการใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นในการบันทึก ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งคือบน iPhone หรือแม้แต่ Android เอง ระบบจะปิดไม่ให้มีการบันทึกเสียงการโทรสนทนาได้ ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย และนั่นหละครับ หากใครจะทำตามบทความนี้ต้องระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย ถ้าเป็นการบันทึกเสียงการโทรของมิจฉาชีพถือว่ามีเหตุผลเพียงพอ แต่หากเป็นการบันทึกเสียงเพื่อน บุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่น ๆ ที่โทรติดต่อกับเราปกติ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายถ้าเราไม่แจ้งให้เขาทราบด้วย เพราะมันคือการดักฟัง ตัวอย่างเช่น เราคุยเพื่อเคลียร์ปัญหาทางคดีแพ่ง หลังจากกดบันทึก ควรแจ้งให้เขาทราบว่า เราขอบันทึกบทสนทนาเพื่อใช้เป็นหลักฐาน (ควรบันทึกก่อน จะได้มีหลักฐานว่าเขาอนุญาตแล้ว) เป็นต้น

หลายคนอาจคิดว่าบน iPhone หรือ Android จะต้องมีแอปพลิเคชันในการบันทึกการโทรสนทนาได้ คำตอบไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะระบบปฏิบัติการจะปิดกั้นแอปฯ Third-party ไม่ให้เขาถึงไมโครโฟนและไม่ให้ทำงานร่วมกับแอปหลักได้ แล้วเราจะทำอย่างไร?

Advertisement

1. วิธีพื้นฐานในการบันทึกการโทรสนทนาบน iPhone และ Android

สำหรับวิธีแรกนี้ ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ที่ปัจจุบันเราทำกัน นั่นคือ การใช้เครื่องที่ 2 ในการช่วยบันทึก ไม่ว่าจะใช้กล้องถ่าย หรือแอปบันทึกเสียง อย่างบน iOS จะเป็นแอป Voice Memos ส่วน Windows จะใช้แอป Sound Recorder และ Android จะมีมากมายตามยี่ห้อของโทรศัพท์เลยครับ กรณีที่เป็น iOS ก็จะมีแอป Third-party ที่มีประสิทธิภาพหลายตัวที่ขอแนะนำ ได้แก่ Rev Voice Recorder, Otter และ Alice เป็น ข้อเสียของวิธีนี้คือ เราไม่ได้มีเครื่องที่ 2 เอาไว้กับตัวอยู่เสมอ คุณภาพเสียงต่ำ และหลายคนไม่ชอบการเปิดลำโพงคุยกัน

วิธี บันทึกเสียง การโทรสนทนา บน iPhone และ Android

2. ใช้ Google Voice

เครื่องมือเทพอีกตัว ถ้าใครยังไม่เชื่อมต่อบัญชีกับ Google Voice จัดไปเลย! มันจะมีบริการฟรี ทั้งการบริการรับฝากข้อความ เบอร์โทรฟรี บริการโทรสนทนา และที่สำคัญ คือ การบันทึกเสียงสนทนาที่โทรเข้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถโทรออกได้ด้วยแอป Google Voice แต่ไม่สามารถบันทึกการโทรออกได้


อย่างไรก็ตามบริการ Google Voice ยังไม่เปิดให้บริการนอกสหรัฐอเมริกา แต่มีเทคนิคพิเศษที่เราสามารถทำได้ โดยดำเนินการตามนี้ครับ >> วิธีเปิดใช้บริการแอป Google Voice นอกสหรัฐอเมริกา <<    หลังจากเปิดใช้งานแล้ว อย่าลืมไปตั้งค่าการบันทึกเสียงการโทรสนทนาด้วยนะครับ โดยเข้าไปที่ Settings > Calls > Incoming call options แล้วก็เปิดทำงาน ดังภาพ

ซึ่งบนโทรศัพท์สามารถตั้งการโทรผ่านแอปได้ หรือสามารถโอนสายจาก Google voice ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเราได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใด ตอนนี้เราก็สามารถบันทึกการโทรสนทนาผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ Google ได้แล้ว (ไม่ใช่การบันทึกบนอุปกรณ์) ตอนใช้งานจริง ขณะที่โทรศัพท์สนทนาผ่านหมายเลข Google voice กันอยู่ ให้แตะที่หมายเลข 4 แล้วจะมีเสียงระบบ(ภาษาอังกฤษ) แจ้งอีกฝั่งว่าได้เปิดการบันทึกเสียงสนทนา เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย หากต้องการหยุดการบันทึกให้แตะเลข 4 อีกครั้ง เราสามารถทำเช่นนี้ได้ไม่จำกัดตลอดช่วงการสนทนา ไฟล์เสียงที่บันทึกจะส่งมาทางอีเมล หัวข้อ Google Voice’s list of voice mail recordings ซึ่งอาจปนมากับเสียงฝากข้อความ แต่เชื่อว่าเราแยกออกได้ไม่ยาก เพราะเสียงการบันทึกการโทรสนทนาจะยาวกว่า และมีข้อความ “Transcription not available” กำกับเอาไว้ด้วย

3. การใช้แอปประชุมสายที่มีฟังก์ชันการบันทึกเสียง

ความต้องการบันทึกเสียงสนทนา ไม่ได้มีแค่การบันทึกเพื่อจับผิดกลโกง หรือบันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ยังมีการบันทึกเพื่อใช้เป็นบันทึกการประชุมผ่านโทรศัพท์ด้วย แอปพลิเคชันประชุมสายจึงเกิดขึ้นมา ซึ่งจะมีฟีเจอร์การบันทึกเสียงสนทนาเสมอ ทั้งยังสามารถถอดเสียงเป็นตัวหนังสือได้ด้วย วิธีนี้จึงเหมาะกับการบันทึกการประชุมสนทนาปกติ เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำงาน โดยแอปแต่ละตัวก็จะมีค่าใช้จ่ายบ้างบางบริการ แต่เราสามารถใช้ส่วนที่ฟรีได้สบาย ๆ เพราะบริการที่เสียเงินอาจไม่จำเป็นสำหรับเรา

  • Rev แอปบริการประชุมสาย ที่มีฟีเจอร์การบันทึกเสียงการประชุมสายฟรีไม่จำกัด พื้นที่หน่วยความจำไม่จำกัด สามารถแชร์บันทึกเสียงให้ใครก็ได้ จะเสียเงินเฉพาะการแปลงเสียงเป็นข้อความ แอปบริการบันทึกการประชุมสาย Rev Call Recorder มีเฉพาะ iOS ส่วน Rev Voice Recorder มีทั้ง iOS และ Android ที่ไม่ใช้บริการบันทึกการประชุมสายแต่เป็นเพียงแอปบันทึกเสียงสนทนาออฟไลน์เท่านั้น
  • TapeACall Pro ราคา $10.99 ต่อปี สำหรับการบันทึกการโทรแบบไม่จำกัด
  • Call Recorder Pro ราคาซื้อขาด $9.99 แต่เป็นระบบซื้อเครดิตการโทร เครดิตที่ติดมาครั้งแรกคือ 300 นาที หลังจากใช้ครบหมดแล้วค่อยซื้อเพิ่มภายหลัง หากสนใจตัวแอปจะมีเวอร์ชั่น “lite” ให้ทดลองใช้งานแบบจำกัดเวลา 60 วินาที
  • Phone Call Recorder – ACR ดาวน์โหลดฟรี มีฟีเจอร์บันทึกการโทรเข้าโทรออก การโทรแบบเห็นหน้า ระยะเวลาไม่จำกัด แต่ต้องจ่ายเงิน $59.99 นะครับ

4. ใช้อุปกรณ์เสริม – ฮาร์ดแวร์

ตัวเลือกแรกที่ง่าย ถูก และ Low tech ที่สุด ก็คือ Olympus TP-8 Telephone Pick-up Microphone ราคาต่ำกว่า $20 มันมีหลักการ คือ ฝังไมโครโฟนในหูฟังแล้วเสียบหูฟังนั้นเข้ากับเครื่องบันทึกเสียงทั่วไป(มีช่อง 3.5mm) แล้วตอนโทรคุยสนทนาก็ใช้โทรศัพท์แนบที่หูฝั่งที่มีหูฟังอยู่ไปตามปกติ เครื่องก็จะบันทึกเสียงตลอดการโทรสนทนาทันที

Recording a phone call with your Olympus Digital Voice Recorder

 

แน่นอนว่าเครื่องบันทึกเสียงที่ใช้คู่กันต้องรองรับช่องเสียบ 3.5mm ซึ่งเราขอแนะนำ Sony Digital Voice Recorder ICD-PX Series ครับ แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 32 ชั่วโมง บันทึกเป็น MP3 มีช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับโอนย้ายไฟล์ไปคอมพิวเตอร์

Sony Digital Voice Recorder ICD-PX Series

ตัวที่สอง คือ Recap ราคา $139 ใช้ได้เฉพาะสมาร์ทโฟนที่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ใช้ได้กับทั้ง iOS และ Android การเชื่อมต่อแสดงดังภาพ

ตัวที่สามจะล้ำกว่าเพื่อนขึ้นมาหน่อย นั่นคือ RecorderGear PR200 เป็นเครื่องบันทึกเสียงการโทรสนทนาผ่านบลูทูธ (Bluetooth) แค่เชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์ด้วยบลูทูธ เราก็สามารถรับสายและสนทนาด้วยเครื่อง RecorderGear PR200 ได้เหมือนโทรศัพท์ปกติเลย มีช่องเชื่อมต่อ USB เพื่อย้ายข้อมูล สามารถบันทึกได้ 144 ชั่วโมงก่อนหน่วยความจำเต็ม 4GB

https://www.youtube.com/watch?v=mjpw-ll7Yy4

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการบันทึกเสียงการโทรสนทนาบน iPhone และ Android รวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย ซึ่งการบันทึกมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การบันทึกการประชุม การบันทึกหลักฐานที่รับรู้การบันทึกทั้งสองฝ่าย ก็แนะนำใช้แอปพลิเคชันประชุมสายได้เลย ส่วนการบันทึกฝ่ายเดียวก็อาจใช้โทรศัพท์เครื่องที่ 2 หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ Low tech แต่ไม่ยุ่งยาก ไม่วุ่นวาย อันนี้แล้วแต่เราสะดวก

 

ที่มารูปภาพ https://www.pcmag.com/how-to/how-to-record-calls-on-an-iphone

แชร์
Avatar photo

อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ

Advertisement
Exit mobile version