วันพุธ, พฤษภาคม 1
Advertisement

รายงาน: มีอะไรน่าสนใจ ใน Google I/O : Android L, Android Auto, Android TV, Android ONE, Android Wear และ Google Fit

Google_IO_2014-2

Google Android ระบบปฏิบัติการที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกครั้งหลังเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้วกับ Android เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด “L”

Advertisement

ในงาน Google I/O เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่มีการใช้ชื่อขนมเหมือนธรรมเนียมเดิมๆ ของ Android เหมื่อนที่ผ่านมา เพราะทาง Google เรียก Android เวอร์ชั่นใหม่นี้ว่า “L” สั้นๆ เพียงอักษรเดียว แต่มีสิ่งละอันพันละน้อยหลายอย่างมากมายทีเดียวที่ดูน่าสนใจ

เป็นการอัพเดทตัวระบบครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานและการทำงานของเครื่องในระบบ Android ให้น่าสนใจและมีความสามารถมากขึ้น ทั้งในด้านของ User ผู้ใช้งานที่จะได้ประโยชน์จากอุปกรณ์ของตนได้มากขึ้น รวมทั้งด้าน Developer ผู้พัฒนา ก็จะมีการสนับสนุนการทำงานที่เข้าถึงตัวระบบได้ง่ายดายมากขึ้นเช่นกันครับ

Android-L-todo-EAL-cabecera

Material Design

เริ่มกันตั้งแต่โฉมหน้าใหม่ การปรับปรุงดีไซน์หน้าตาการใช้งานให้เรียบง่ายด้วยแนวคิด “ภาพบนกระดาษ” สบายตา ดูชัดเจน แล้วเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ในด้านผู้ใช้และผู้พัฒนาจะยังได้ประโยชน์ในเรื่องของการออกแบบกราฟิกเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลมากขึ้นเป็น 60 เฟรมต่อวินาที แถมในอนาคตยังรองรับรูปแบบภาพ 3 มิติอีกด้วยครับ

2

ตัวอย่างหน้าตาการใช้งานของ Android L เห็นเรียบๆ อ่านชัดๆ

android-L-1

 

ฟังชั่นและฟีเจอร์

การพัฒนาฟังชั่นและฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้งานใหม่ๆ ที่ทาง Google เตรียมไว้ให้ใน Android จัดมาชุดใหญ่ครับ สิ่งที่น่าสนใจที่ผมจะขอเอ่ยถึง มีมาทั้งในด้านความสะดวกสบาย ปรับปรุงในด้านความสวยงาม และพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย

google_io_android_l-100315138-orig

ด้านความปลอดภัย

  • -การสั่งงานล้างเครื่องจากระยะไกล ในกรณีเครื่องสูญหายหรือโดนขโมย
  • -Google Play Service ระบบการอัพเดทเร่งด่วนที่จะปล่อย Patch อัพเดทใหม่ในทันทีเมื่อมีช่องโหว่อันตรายเกิดขึ้น
  • -การป้องกันแอพพลิเคชั่นอันตราย ด้วยระบบที่จะตรวจจับและทดสอบแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ทางผู้พัฒนาส่งเข้าไปใน Google Play Store เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

ด้านการใช้งาน

  • -หน้าการแจ้งเตือนแบบใหม่ ที่เราสามารถจัดเรียงความสำคัญในการเรียงลำดับแสดงผล และสามารถเข้าไปจัดการข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นในหน้าแจ้งเตือนได้มากขึ้นกว่าเดิม
  • -หน้าการใช้งาน Recent App แบบใหม่ ซ้อนกันเป็นหน้าๆ บนอนิเมชั่นที่สวยงาม
  • -ระบบปลดล็อกหน้าจอแบบใหม่ อ้างอิงจากพิกัดตำแหน่งสถานที่ เมื่อเข้าสู่พื้นที่ตามที่ตั้งค่า ตัวเครื่องจะปลดล็อกให้โดยอัตโนมัติ
  • – การใช้งานตัวเครื่องสำหรับการทำงานที่ผู้ใช้ต้องการจะแยกข้อมูลระหว่างการใช้อุปกรณ์ในชีวิตส่วนตัวและทางด้านธุรกิจออกจากกัน โดยตัวเครื่องจะแยกพื้นที่จัดเก็บออกจากกันอย่างชัดเจน โดยเราไม่ต้องพกอุปกรณ์หลายเครื่อง
  • -การเก็บเซฟเกม และข้อมูลสถิติการเล่นขึ้นระบบคลาวด์ ทำให้สามารถเล่นเกมต่อเนื่องกันได้เมื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ โดยจะเก็บข้อมูลโดยอ้างอิงจาก ID ของผู้ใช้
  • – Project Volta ตัวช่วยจัดสรรการใช้พลังงานตัวใหม่ ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในแต่ละวันให้ยาวนานยิ่งขึ้น

volta

สำหรับนักพัฒนา

  • -API ชุดพัฒนาออกมาให้ใหม่ และมีออกมาให้มากกว่า 5,000 APIs
  • -รองรับการทำงานบนมือถือระบบ 64 บิต แบบไม่ต้องแก้ไขซอร์สโค้ดใดๆ
  • -รันไทม์ตัวใหม่ “ART” ไหลลื่นกว่าตัวเดิม สามารถทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรม ARM, X86 และ MIPS
  • -รองรับการใช้งานกับเครื่องที่จะมีหน่วยความจำมากขึ้นกว่าในปัจจุปันได้

2

เมื่อการเติบโตเริ่มต้นจากการพัฒนา Google จึงได้ให้ความสำคัญกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนระบบแอนดรอยด์ให้มากขึ้นครับ  นอกจากนี้ก็ยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายครับ เช่นฟังชั่นการถ่ายภาพแบบเป็นชุด ( Burst-Mode ) ฟังชั่นการระบุเวลาห้ามการแจ้งเตือนหรือรบกวน หน้าการตั้งค่าแบบด่วนรูปแบบใหม่ หรือแม้แต่การรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่เป็น Bluetooth 4.1, Open GL ES3.1 และการเชื่อมต่อแบบ USB Audio สำหรับการใช้งานกับรถยนต์หรือเครื่องเสียงผ่านสาย USB ครับ

อุปกรณ์ใหม่และการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ใหม่ๆ

Google ไม่ได้เดินหน้าในเรื่องของการพัฒนาซอฟแวร์บนระบบแอนดรอยด์เพียงอย่างเดียวครับ เพราะภายในงานมีการเปิดตัวอุปกรณ์หน้าใหม่ รวมถึงระบบการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์หน้าใหม่อีกหลายตัวเลย ซึ่งข้อมูลตรงนี้นับเป็นจุดไฮไลค์ก็ว่าได้ ก็เพราะแต่ละสิ่งทีทาง Google จัดมาให้ ช่างโดนใจซะจริงๆ เรียกว่ากะจะใส่ความเป็น Android มาให้แบบครบวงจรชีวิตมนุษย์เลยก็ว่าได้ครับ

Android-L-context-medium

Android One

เปิดตัวกันตั้งแต่หน้างานเลยครับ กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของทาง Google ที่ออกมาเพื่อตลาดล่างราคาประหยัดโดยเฉพาะ เพราะตัวเครื่องของ Android One นั้นคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายต่ำกว่า 100$ หรือประมาณสามพันบาทเท่านั้นเองครับ ที่สำคัญมันสามารถรับการอัพเดทและปรับปรุงระบบได้โดยตรงจากบริการของทาง Google เอง คล้ายๆ เครื่อง Nexus แต่ต่างกันตรงที่ทาง Google อนุญาตให้มีการติดตั้งเซอร์วิสและแอพพลิเคชั่นของผู้จัดจำหน่ายลงไปในเครื่องได้ก่อนจะขาย แต่ Google เป็นผู้ควบคุมราคาและสเปคให้เหมาะสม โดยสเปคคร่าวๆของ Android One จะต้องเป็นหน้าจอ 4.5 นิ้ว รองรับสองซิมการ์ด มีวิทยุ FM และสามารถใส่ SD Card เพิ่มเติมได้ จะเริ่มผลิตและเปิดตลาดในประเทศอินเดียก่อนจะวางจำหน่ายไปทั่วโลกครับ

Android-One

Android Wear

เทรนด์มันมาแรงต้องเข้าใจครับ สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่กำลังฮิตกันไปทั่ว วันนี้ทาง Google จึงเปิดตัว Android Wear ออกมาอย่างเป็นทางการถึงสามตัว สามพันธมิตรผู้ผลิตนาฬิกาอัจฉริยะ นั้นคือ Samsung Gear Live, LG G Watch, และ Moto 360 โดยทั้งสามอุปกรณ์จะมีความสามารถในการแจ้งเตือน ค้นหา และสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นใช้งานเพิ่มเติมได้ พร้อมทั้งปล่อย Android Wear SDK ตัวเต็มๆ ให้กับนักพัฒนาไปใช้แล้วด้วย เพราะวันนี้ Android Wear อย่าง Samsung Gear Live และ LG G Watch ก็เปิดให้จับจองกันผ่านหน้า Play Store และร้านค้าบางแห่งแล้วครับ

Gear-Live-Moto-360-and-LG-G

Samsung Gear Live หนึ่งเซอร์ไพรส์ในงาน Google I/O ตัวที่สี่แล้วสำหรับ Wearable Gear จากทาง Samsung

Gear-Live-Product-Specifications

พรีวิวการทำงานของ Android Wear

Android Auto

ระบบปฏิบัตการ Android สำหรับรถยนต์ ที่สามารถทำงานร่วมกันกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตระบบแอนดรอยด์ได้ด้วย ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่สั่งงานการทำงานในขณะขับรถ ด้วยคำสั่งเสียงผ่าน Google Now และจอทัชสกรีน โดยมีความสามารถพื้นฐานในเรื่องการนำทางและรายงานสภาพการจราจรด้วย Google Map การค้นหาที่จอดรถ บันทึกตำแหน่ง แจ้งที่จอดรถผ่านสมาร์ทโฟน สามารถสั่งงานโทรออกรับสายได้ ฟังวิทยุออนไลน์ และใช้ฐานข้อมูลสื่อร่วมกันกับสมาร์ทโฟนที่เราถือได้ครับ ซึ่งในวันนี้ มีผู้ผลิตรถยนต์ถึง 28 ราย ที่เข้าร่วม พร้อมจะนำ Android Auto ไปใช้งานบนรถยนต์ของเขาแล้วครับ

android-auto-facts

28 แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่พร้อมแล้วในวันนี้ สำหรับการนำ Android Auto ไปติดตั้งในรถยนต์ของพวกเขา

Android_Auto

Android TV

Google ยังคงเดินหน้าที่จะเจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้งานในครัวเรือยต่อไป แม้จะออก Google TV มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ดูจะไม่เป็นที่ตอบรับในวงกว้างอย่างที่คาดหวัง วันนี้ Google จึงได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android สำหรับการใช้งานบน TV อีกหนึ่งตัว ซึ่งรองรับการทำงานและการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Now ที่เครื่องสมาร์ทโฟนของเรา ^^ พร้อมทั้งรองรับการใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หรืออุปกรณ์สวมใส่ Android Wear ในการสั่งงาน Android TV ได้ครับ

google_io-android-tv-interface-demo-100315183-orig

รองรับคอนเทนต์จาก PlayStore ที่เราเคยซื้อไว้ ไม่ว่าจะเป็นแอพ หนัง หรือเกม โดยตัวเกมจะสามารถเล่นผ่านการควบคุมจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ สามารถเล่นเกมด้วยกันหลายคนได้พร้อมกันอีกด้วยครับ

google-io--android-tv-2

Google Chromcast

แม้ Google จะมีตัว Android TV ออกมาใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งเจ้าอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีอย่าง Google Chromecast ไปไหนนะครับ ยังมีการปล่อยความสามารถใหม่ออกมาเพิ่มเติมภายในงานเช่นกัน นั้นคือความสามารถในการแสดงผลแบบ Mirror Display จากอุปกรณ์ Andtoid ของเราเข้าสู่ TV ได้แล้ว รวมทั้งการใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ใกล้เคียงแบบไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อวงสัญญาณ Wi-FI ร่วมกันอีกต่อไป และความสามารถใหม่ “ BackDrop” ส่งข้อมูลภาพจากมือถือสตรีมขึ้นไปแสดงบนจอทีวีได้

Chromecast-update-will-support-Android-Device-Mirroring-and-other-cool-features

Google Fit

เทรนด์รักสุขภาพและการออกกำลังกาย ผลักดันให้ตอนนี้ทุกๆ ระบบหันมาพัฒนาการทำงานให้ตอบรับกับชีวิตมนุษย์ Google Fit คืออีกหนึ่งศูนย์รวมข้อมูลสุขภาพร่างกายของผู้ใช้ ที่รองรับการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในตอนนี้เช่น Nike, Adidas รวมถึงอุปกรณ์ Wearable อื่นๆ โดย Google Fit จะรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ มาแสดงให้เราทราบภายใน Google Fit ตัวเดียวครับ

google_io_googlefit1-100316428-orig 435740168348

เหล่านี้คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Android L และอุปกรณ์หน้าใหม่ ที่มาเผยข้อมูลให้เรารู้ในงาน Google I/O ครั้งที่ผ่านมา อีกครั้งในการก้าวกระโดดไกลๆ ของ Android ที่ผู้ใช้จะต้องลุ้นกันอีกแล้วว่า อุปกรณ์ในมือของพวกเรานั้นจะมีโอกาสมากน้อยสักแค่ไหนที่จะได้รับการอัพเกรดความสามารถเหล่านี้ ถ้าใครที่ได้รับการอัพเกรดสมใจ ก็เหมือนได้ของเล่นใหม่มาอีกชิ้นนึงนั้นเองครับ ^^

1

 

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version