Advertisement

ในวันนี้ เว็บไซด์ Sammobile ได้ออกมาบอกถึงรายละเอียดของฟังชั่นอีกหนึ่งตัวที่น่าจะเกิดขึ้นใน Samsung Galaxy S4 นั้นคือฟังชั่น  floating touch เป็นฟังชั่นที่คล้ายกับ Airview ซึ่งๆหลายคนอาจจะเคยคุ้นหูคุ้นตามาก่อนใน Galaxy Note2 เป็นฟังชั่นที่เมื่อเราใช้ปากกา S-pen ของ NOTE2 มาจ่อที่ใกล้ๆจอ ตัวเครื่องจะแสดงรายละเอียดของสิ่งนั้นๆขึ้นมาเช่า รูปภาพที่อยู่ในโฟลเดอร์ที่เราเอา S-pen ไปจ่อ หรือจะเป็นรายละเอียดข้อความในอีเมลที่เราเอา S-pen ไปจ่อ รวมทั้งในการเล่นวีดีโอ เราสามารถดูภาพย่อล่วงหน้าบนเส้นไทม์ไลน์ของไฟล์วีดีโอว่า ช่วงไหนเป็นตอนอะไร เพียงแค่เราใช้  Airview ของ Galaxy Note 2 เมื่อใช้งานด้วย S-pen

IMG_8104-600x400

Advertisement

แต่ใน Samsung Galaxy S4 จะผสมผสานเทคโนโลยีที่คล้ายกันกับ floating touch ของทาง SONY ที่ทำให้หน้าจอรับกระแสไฟฟ้าจากนิ้วมือมนุษย์ได้โดยยังไม่ต้องสัมผัสโดนหน้าจอ เอามาประยุกต์ให้เข้ากันกับ Airview ที่เคยมีอยู่ใน Galaxy Note ทำให้เราสามารถใช้งาน Airview ได้แม้ Samsung Galaxy S4 จะไม่มีปากกาก็ตามครับ

 

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจนั้นคือข่าวของหน้าจอที่ Samsmobile บอกกับเราว่า น่าจะเป็นหน้าจอชนิด Amoled ตัวใหม่ของทาง Samsung ที่ชื่อว่า “green PHOLED” ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมดีกว่าจอ Amoled แบบเดิมถึง 25% ทั้งในเรื่องการประหยัดพลังงาน ความละเอียดหน้าจอ โดยในวีดีโอเปิดตัวของทาง Galaxy S4 ที่ปล่อยออกมา มีคำใบ้ที่น่าสนใจว่า

Capture

ผมรู้ว่านี้คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ในทำให้ตลาดตื่นตัว ตั้งแต่ทีวีเริ่มเป็นจอสี

ข่าวเริ่มมา เริ่มเยอะมากขึ้นทุกที เพราะใกล้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไม่นานกันแล้วกับ Galaxy s4 ในวันที่ 14 มีนานี้ที่นิวยอร์ก ตอนนี้ก็เริ่มพาสับสนมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็น ฟังชั่นสารพัดสารเพ รวทั้งข่าวของ CPU ที่แตกต่างกันสองกระแส ทั้งข่าวว่าจะใช้ Snapdragons S600 หรือจะใช้ Exynos 5 Octa 4+4 Core ยังมีเรื่องของหน้าจอที่ว่าจะใช้ Full-HD SoLux Display แต่ก็มีข่าวนี้ตามมาอีก ยอมรับว่าข้อมูลล้น จนไม่รู้ว่าจะออกมารูปไหนกันแน่แล้วครับ ^^

แต่ก็สนุกดี สำหรับคนรักคนชอบ เหมือนลุ้นหวยออก 555 ^^

sammobile

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version