วันเสาร์, พฤษภาคม 4
Advertisement

dtac เดินหน้าต่อครับ แม้จะไม่ได้คลื่นมาเติมจากการประมูลในสองครั้งที่ผ่านมา แต่คลื่นเดิมที่มีอยู่กว่า 50 MHz ก็เยอะมากเพียงพอที่จะทำตลาด 4G อย่างเต็มที่ต่อจากนี้ไปอีกสามปีเป็นอย่างน้อย
วันนี้ Appdisqus มาฟังความจาก dtac ผู้ให้บริการอันดับสองของเมืองไทย ว่าจะทำอย่างไรต่อไปหลังจากการพลาดประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 MHz ที่ผ่านมา ทาง dtac เอ่ยปากแบบมั่นใจว่า ก็ทำงานต่อไป และดูเหมือนจะไม่แคร์ เพราะคลื่นที่ประมูลก็ไม่ใช่ของเก่าของเขาอยู่แล้ว เข้าไปมีเท่าไหร่ ออกมาก็ยังมีเท่าเดิม  แม้เขาจะไม่ได้อะไรมาแต่ก็ไม่ได้เสียอะไรไปนั้นเอง ไม่ว่ายังไงในวันนี้ก็ยังคงเป็นผู้ถือครองคลื่นอยู่ในมือเป็นจำนวนมากที่ยังไม่หมดสัญญา ทั้งคลื่น 850/1800 MHz ที่ยังมีสัญญาอยู่สามปี และคลื่น 2100MHz ที่ประมูลมาได้เมื่อปี 2555 รวมทั้งสิ้น 50MHz คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของคลื่นความถี่ที่มีการนำออกมาใช้งานทั้งหมดในประเทศไทย เป็นอันดับสองของบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลรองจาก True แค่นิดเดียว

สำหรับเหตุผลที่ยอมแพ้การประมูล ก็ง่ายๆ “เงินขนาดนี้เอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้มากกว่า” 
ฉะนั้นเมื่อ dtac ไม่คิดจะมีหนี้ก้อนใหญ่จากการทุ่มซื้อสัมปทาน ก็จะกลายเป็นโอกาสสำหรับใช้เงินในการรุกลงทุนขยายฐานการบริการ 4G ต่อไป และคิดจะลงทุนอย่างเร่งด่วนด้วย โดยจะเพิ่มสถานีในพื้นที่ต่างจังหวัดอีก 2,200 สถานีบนคลื่นความถี่ 1800MHz ซึ่ง dtac ตั้งเป้าจะให้เสร็จในช่วงต้นปีหน้านี้เลยครับ และขยาย 4G บนคลื่นความถี่ 2100MHz ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในกลางปีหน้า (2559) ซึ่งจะเป็นปีที่ dtac ทุ่มสุดตัวเรื่องการบริการ 4G โดยมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าที่ใช้ 4G จาก 2.2ล้านราย ให้กลายเป็น 4.5 ล้านรายให้ได้สำเร็จก่อนจบปี 2559 เพิ่มอัตตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต 3G และ 4G ของผู้ใช้ให้ถึง 80% ของผู้ใช้ทั้งหมด จากปัจจุปันมีผู้ใช้งาน 3G และ 4G เพียงแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นกว่าๆ เท่านั้นครับ ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องของสำนึกเพื่อสังคมด้วย เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกันได้มากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

Advertisement

DSC01716
สิ่งที่ dtac มั่นใจในการทำตลาด 4G ต่อจากนี้ ก็คือพวกเขาแบกรับหนี้น้อยกว่าคู่แข่งมาก  ทำให้เขาสามารถบอกกับเราทุกคนได้ว่า “ลูกค้า dtac จะต้องได้มากกว่ารายอื่นเสมอ” ทั้งเรื่องแพ็คเกจที่ดีกว่า อุปกรณ์ที่ให้มากกว่า (มีการตั้งเป้านำเข้าอุปกรณ์ที่รองรับ 4G ราคาเริ่มต้น 2,000บาท เป็นต้นไป) รวมถึงแคมเปญตอบแทนลูกค้าต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยจเริ่มกันตั้งแต่ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ถึงวันที่ 2 มกรา เป็นแคมเปญแรก 9 วัน 9 แบบ ฉลองข้ามปีสำหรับ dtac reward ซึ่งจะมีรายละเอียดตามออกมาในเร็วๆ นี้ครับว่า dtac จะเอาอะไรมาเซอร์ไพร์สกัน

แต่ไม่ใช่ว่า dtac จะไม่ห่วงเรื่องอนาคตนะครับ พวกเขาก็ต้องการให้ภาครัฐมีการกำหนดแนวทางสำหรับแผนการประมูลคลื่นอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ทั้งคลื่นความถี่ 700 MHz, 850 MHz, 1800 MHz, และ 2600 MHz เพราะรัฐบาลน่าจะเห็นแล้วว่ามันมีมูลค่ามากแค่ไหน (แต่ถึงตอนนั้นจะเป็นรัฐบาลไหนก็ไม่รู้นะครับ)
สำหรับข่าวเรื่องที่มีการขอขยายระยะเวลาสัมปทานคลื่น 1800 MHz ที่ dtac จะหมดสัญญาในปี 2561 ไปอีกเจ็ดปีกับทาง กสทช. ก็ยังอยู่ในช่วงการเจรจาครับยังไม่มีคำตอบ แต่ก็มีการพูดคุยอยู่จริงๆ ว่าจะสามารถทำได้มั้ย
แต่สิ่งหนึ่งที่ dtac ตั้งใจไว้แน่วแน่ คือเมื่อสัญญาสัมปทานเดิมของตัวเองหมดลง ก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อประมูลนำคลื่นของตัวเองกลับมา แค่หวังไว้ว่า เมื่อถึงวันนั้นรัฐบาลจะนำคลื่นที่ว่ากลับมาประมูลเพื่อชาวไทยได้ใช้งานกันครับ

สุดท้าย คุณ ลาร์ส นอร์ลิ่ง ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า
“ถ้าใครคิดว่าชนะประมูลแล้ว จะหมายถึงชนะ dtac นั้นคือความคิดที่ผิด เพราะ dtac จะสู้แบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน”

DSC01737

แน่นอนว่า ” ปีหน้า” การแข่งขันในวงการโทรคมจะดุเดือดรุนแรง และเปลี่ยนไปจากปีหน้ามากเลยครับ บางคนเสียคลื่น บางคนได้คลื่น บางคนสบโอกาสการลงทุน บางคนเป็นหน้าใหม่ และไม่ใช่ว่าผู้ที่มีความถี่ในมือมากจะเป็นผู้ชนะเสมอไป การได้มาของสินค้าย่อมต้องมีต้นทุน และต้นทุนที่สูงก็เป็นเรื่องยากในการดำเนินงานต่อไปได้เช่นกัน ด้วยสถานะการณ์ที่ออกมาในรูปนี้ ไม่ต้องแปลกใจเลยทำไมหุ้นของทุกบริษัทถึงพร้อมใจกันตกอย่างพร้อมเพรียงกัน

dtac ตอนนี้ก็เหมือนต้องเสี่ยงอยู่ครับ เสี่ยงกับอนาคตที่ยังไม่แน่นอนแม้พวกเขาจะเชื่อมั่นมากขนาดไหนก็ตามว่าถึงเวลานั้นจะต้องมีทางได้คลื่นของพวกเขากลับคืนมา ในส่วนของผู้ใช้อย่างเราคงไม่มีปัญหาอะไรครับ น่าจะดีขึ้นด้วยเพราะจะอยู่ในช่วงของการแข่งขันด้านราคา เราน่าจะได้ใช้โปรโมชั่น 4G ในราคาที่ชื่นใจจาก dtac ในปีหน้าด้วยกันครับ

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version