Advertisement

สมัยเมื่อประมาณหกสิบปีก่อน ปู่ผมเป็นกัปตันเรือหาปลาเล็กๆ ลำหนึ่ง หากินเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวแถบทะเลช่องแคบมะละกา ระหว่างแหลมมลายูกับเกาะสุมาตรา ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย ในสมัยนั้น ถือเป็นยุคทองของโจรสลัด แผ่อิทธิผลเหนือทะเลจากชายฝั่งมาเลเซีย ยาวจรดด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามเกาะสุมาตราเลยไปถึงทางด้านใต้ของสิงคโปร์

11111

Advertisement

แม้จะดูอันตรายสำหรับนักเดินเรือ แต่ก็นับเป็นทางเลือกที่คุ้มเสี่ยง ปู่ผมบอกผมในวัยเด็กอยู่เสมอว่า “เหนือน้ำยิ่งอันตราย สิ่งที่แหวกว่ายอยู่ข้างใต้ยิ่งล้ำค่า” สมบัติสำหรับชาวประมง คงไม่มีอะไรมากไปกว่าแหล่งน้ำที่มีปลาอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ละเดือน ปู่ผมจะกลับมาขึ้นปลาแถวท่าเทียบเรือที่หาด “ราไวย์” หมู่บ้านชาวประมงที่ปัจจุปันยังคงตั้งอยู่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต คนในหมู่บ้านเป่าแตรใหญ่ที่ท้ายท่าเรือดังสนั่นทุกครั้งที่มีชาวเรือเดินทางกลับมา เด็กๆ วิ่งออกจากบ้านไปดูฝูงปลานับร้อยนับพันกำลังเทลงจากแหดักปลาใต้ท้องเรือ ทุกคนสุขสันต์ ยามที่ปู่กลับมา แต่เมือถึงเวลาที่ปู่จำเป็นต้องออกทะเลเพื่อหาปลาอีกครั้ง ก็เหมือนจะกระชากเอาความเป็นห่วงเป็นใยจากหัวใจคนในครอบครัว หายออกไปในทะเลด้วยทุกครั้งเช่นกัน

4

ผมเคยถามปู่ว่า “ปู่เคยกลัวบ้างมั้ย” ครั้งหนึ่งปู่เคยตอบคำถามของผม โดยการเล่าเรื่องราวการเดินเรือของปู่ให้ฟัง เมื่อยามที่เขาออกทะเล

  “สมัยเดินเรือใหม่ๆ ปู่เคยเป็นลูกเรือตัวน้อยๆ ติดสอยห้อยตามไต้ก๋งใหญ่ในหมู่บ้าน ลูกเรือประมาณ 7 คน ต่อเรือประมงหนึ่งลำ ออกหาปลาเป็นฝูงเรืออย่างน้อยสามถึงห้าลำเพื่อป้องกันโจรสลัด แต่บางครั้งการร่วมออกทะเลไปเป็นฝูงเรือจำนวนมาก ก็กลายเป็นฝูงเหยื่อของโจรสลัดจำนวนมากได้เช่นกัน

ในคืนจันทร์ดับ หลังออกจากฝั่งไทยในวันที่ 5 ฝูงเรือสามลำของปู่เหมือนจะหลงทิศทางกลางทะเล เมฆหนาบังแสงดาว ฟ้ามืดจนไม่มีแม้กระทั่งแสงสะท้อนจากผิวน้ำ สิ่งที่พอจะเป็นเครื่องบอกตำแหน่งให้เรือทั้งสามลำไม่หลงฝูงกัน ก็คือแสงจากตะเกียงที่หัวเรือและท้ายสะพานเรือ ในภาวะเช่นนี้ไต้ก๋งประสบการณ์สูงที่ล่องเรือในทะเลหาปลามากว่า 30 ปี ยังถือว่าจนหนทาง

ปู่ได้โอกาสทำตัวมีประโยชน์ แนะนำทางสว่างด้วยการแก้ปัญหาในภาวะวิกฤต ด้วยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่ปู่โหลดไว้ในเครื่องก่อนออกเรือ นั้นคือแอพ Sky Map แอพพลิเคชั่นที่แสดงทิศทางและตำแหน่งดวงดาวโดยอาศัยการจับตำแหน่ง GPS และเข็มทิศบอกทิศทาง แม้ตาเราจะไม่เห็นแสงจันทร์หรือดวงดาวบนฟ้า แต่แอพพลิเคชั่น Sky Map ยังคงแสดงให้เราได้เห็นเด่นชัดบนหน้าจอ

เหล่าลูกเรือมีทางออก แม้จะยังไม่ชินกับการนำทางตำแหน่งดาวบนเครื่องโทรศัพท์ แต่ก็พอจะถือเป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทางหัวเรือให้เดินหน้าต่อไปได้

1

 

แต่สิ่งที่ไม่มีแจ้งไว้ในแอพพลิเคชั่น Sky Map คือฝูงเรือโจรสลัดที่ดักสกัดเหยื่อในยามค่ำคืน ปู่ผมเล่าว่าในความมืดนั้นมันน่ากลัว แต่จะน่ากลัวยิ่งกว่าถ้าเป็นความมืดในท้องทะเล ฝูงเรือโจรสลัดอาวุธครบมือลอยลำนิ่งเงียบอยู่ในที่ของมัน บนเรือดำที่ดับไฟเร้นกายเฝ้ามองแสงไฟจากเรือหาปลาที่หลงเข้ามาในถิ่น กว่าที่เราจะรู้ตัว กระแสน้ำจากการเคลื่อนที่ของเรือร้ายก็กระทบกาบเรือ แสดงให้เรารู้ว่า มีอันตรายเข้ามาใกล้เกินกว่าจะหลบเลี่ยงได้ทัน

ตะขอแหลมโดนโยนลอยมาจากความมืด เกาะยึดฝังลึกลงในเนื้อไม้อันแล้วอันเล่า เกิดแรงกระชากจนเรือปู่แถบโค่น เหมือนงุ้มมือเหล็กจากปีศาจแห่งท้องทะเลคว้าเรือประมงทั้ง 3 ลำเข้าสู่อ้อมกอด จนเกิดเสียงไม้กาบเรือกระทบวัตถุใหญ่พร้อมๆ กัน แล้วหลังจากนั้นก็คือการขึ้นยึดเรือของโจรสลัดที่คุณจะไม่มีแม้โอกาสต่อสู้หรือคิดป้องกันตัว

สิ่งที่ทำได้มีเพียง เปิดแอพพลิเคชั่น แปลภาษา เตรียมไว้เจรจา…..

11

สิ่งที่ผมรู้มาจากปู่เกี่ยวกับโจรสลัด มีหลายอย่างที่แปลกใจครับ ปู่บอกผมว่า “พวกนี้สุภาพ พูดจามีน้ำใจ แสดงความห่วงใยและไม่อยากให้เราต่อสู้ดิ้นรน สิ่งที่พวกมันต้องการไม่ใช่การฆ่า ไม่ได้โรคจิตซาดิสหรือโหดร้าย สิ่งที่พวกเขาต้องการจะได้มีเพียงแค่ “ทรัพย์สินและเงิน”  พวกเขาจะมีผู้หนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้อยู่เสมอ และต่อรองราคาค่าไถ่ตัวประกันด้วยสกุลเงิน US ดอลล่าสหรัฐ”

แค่ก็อาจจะมีนานๆ ครั้ง ที่พวกมันเลือกที่จะฆ่า เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ซึ่งปู่ผมหวังเพียงอย่างเดียวว่าคงไม่มีการเชือดไก่ให้ลิงตัวไหนดูในวันนี้

ฉะนั้นเวลาคุณโดนโจรสลัดจับตัว มันก็คือการต่อรองราคาในการซื้อขายชีวิตนั้นเอง 

ฮาซิม ลูกเรือชาวไทยมาลายู อาสาเป็นล่ามแปล พูดได้สามภาษา คือ ไทย, อังกฤษ และอีกหนึ่งภาษาที่ปู่ไม่รู้จัก ทุกอย่างเจรจาบนโต๊ะ มีน้ำดื่ม มีอาหาร และมีโซ่ล่ามสำหรับทุกคน การต่อรองราคาฟังดูดี ปู่รู้สึกได้ถึงข้อตกลงที่ใกล้ลุล่วง มีเสียงหัวเราะแม้จะเป็นการหัวเราะฝ่ายเดียวของพวกโจรสลัด ฮาซิมคล่องแคล้วมากในงานแปล ทุกอย่างแปลเป็นไทยได้ชัดเจน ไต้ก๋งพิจารณาข้อตกลงได้อย่างถี่ถ้วน ข้อเสนอสุดท้ายจากชายผู้ที่น่าจะเป็นหัวหน้าโจรสลัด คือการยึดเรือประมงไว้สองในสามลำ นำกลับไปได้เพียงลำเดียว พร้อมทิ้งตัวประกันไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันในการแลกค่าไถ่ จำนวนเงินสุดท้ายที่ตกลงกันได้คือ 3000$

ฮาซิมแปลภาษาได้เก่ง แต่ปัญหาคือไม่สามารถแปลงค่าเงิน 3000$ เป็นไทยบาทให้ไต้ก๋งพิจารณาข้อตกลงได้ และเป็นอีกครั้งที่ปู่ผมโชว์ความมีประโยชน์ กับแอพพลิเคชั่น Exchange Rates แปลงค่าเงินแบบอัพเดทอัตตราแลกเปลี่ยนออนไลน์ ทำให้รู้ได้ทันทีว่า 3000$ ก็เท่ากับ 96,585 บาทไทย ซึ่งในสมัยนั้นปู่ผมบอกว่า 96,585 บาท เป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ขนาดสมาร์ทโฟนตัวท็อบๆ ในสมัยนั้น ราคาแค่ประมาณ 8 บาทเท่านั้นเอง

55

 

ฮาซิมและลูกเรือวัยรุ่นเจ็ดคนอาสาเป็นตัวประกัน ปล่อยให้อาวุโสและลูกเรือที่เด็กกว่าเป็นจำนวนสิบคนได้เดินทางกลับบ้าน แม้จะดูว่าจำนวนคนไม่ครึ่งๆ ตามที่ตกลงกันไว้ แต่หัวหน้าโจรสลัดก็อนุโลมกันไปเมื่อดูจากคุณภาพบุคคลของทั้งสองฝั่งแล้ว เด็กหนุ่มๆ ก็ยังถือว่ามีประโยชน์มากกว่าคนแก่และเด็ก นั้นรวมถึงปู่ผมที่ยังนับอายุในขณะนั้นว่าน้อย  ซึ่งปู่สารภาพกับผมว่า ในช่วงเวลานั้น ไม่มีความพะวงเกิดขึ้นในใจ ไม่มีบ่ายเบี่ยงปฏิเสธ ทั้งเด็กทั้งชราที่ได้กลับบ้าน ไม่มีใครลำบากใจในการรับสิทธิ์ในครั้งนั้น แม้บนเรือโจรสลัดจะไม่มีความรุนแรง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย แต่การที่คนเราพร้อมจะฆ่ากันได้ง่ายๆ ทั้งที่ไม่ได้เกลียดหรือโกรธกัน อาจจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่า โดยเฉพาะเป็นเรื่องของมนุษย์ด้วยกันที่พูดจากันได้รู้เรื่องแบบนี้

หกวันในการเดินทางกลับถึงชายฝั่งประเทศไทย ในสภาพเบียดเสียดอัตคัตทั้งพื้นที่บนเรือ, อาหาร และเครื่องดื่ม ปู่ผมบอกว่าในวันสุดท้าย ทุกคนจำเป็นต้องอาศัยปลาที่จับได้กินเป็นอาหาร สดๆ ไม่มีใครที่ไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง ไม่มีใครที่สงสัยคุณค่าของชีวิตตัวเอง

ตลอดหกวันในการเดินทาง สุดท้ายปู่ผมก็ทำได้แต่เปิดเพลงผ่านวิทยุออนไลน์เบาๆ บนแอพ Thailand Radio เพลงฮิตในสมัยนั้น “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” มันเป็นอะไรที่กินใจและให้ความหมายของคำว่าชีวิตได้ดีจริงๆ

555

ปู่จากผมไปนานแล้วครับ เรื่องราวต่างๆ ก็หลงลืมไปนานแล้ว แต่คำตอบที่ผมได้จากเรื่องเล่าของปู่นั้น โตขึ้นมาถึงจะได้เข้าใจ “ความกลัวของปู่นั้น ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอที่ปู่เดินเรือออกสู่ทะเล แต่ความกลัวไม่ใช่เหตุผลที่เราจะต้องหยุดการกระทำที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เรื่องราวยังต้องดำเนินต่อ ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ ความกลัวจะทำให้เราถอย แต่ความรับผิดชอบจะทำให้เรากล้า ชีวิตคนเราท้าคลื่นลมกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในผืนทะเล ท้องฟ้า หรือ สังคมที่เราอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ครับ “

ภาพอาคารเก่าที่มะละกา (ภาพบางส่วนจาก http://siamportuguesestudy.blogspot.com/)
ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ใน [IT Fable] ไอทีมีเรื่องเล่า : ได้ที่นี่ครับ <<< Click 
แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version