Advertisement

ผมเริ่มเป็นห่วงว่าตัวเองจะตั้งความหวังกับเกมบน iOS ไว้สูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิครับ เพราะเกมยุคหลังที่ผมเพิ่งจะได้มีโอกาสรีวิวไปในฝั่ง iOS นั้นเต็มไปด้วยเกมที่หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่เชื่อเลยว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ บนมือถือ ไม่ว่าจะเป็นเกมยักษ์ตระกูลเบิ้มจากค่ายมหึมาอย่าง Final Fantasy IV (iPhone) หรือจะเป็นเกมภาพเวอร์สวยจนลืมหายใจอย่าง The Walking Dead (iPad) หรือแม้แต่เกมที่เคยสร้างชื่อไว้อย่างมากบน XBOX LIVE อย่าง Bastion (iPad) อีก เพราะมันเยอะแบบนี้นี่เองที่ผมแอบอดตั้งความหวังไม่ได้ว่าต่อไปวงการเกมบน มือถือน่าจะเต็มไปด้วยเกมในระดับคอนโซล และอดกลัวต่อไปไม่ได้ว่าผมจะวางมันไว้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมดจนทำให้เกม อื่นๆ ที่ออกมาตามหลังที่อาจจะเล่นแล้วสนุกแต่กลับมีภาพกราฟิกที่ไม่สวยงานนั้นดู แย่ไปเลยสำหรับผม เฮ้อ…ว่าไปแล้วก็คิดถึงสมัยที่ยังนั่งกดเกมงูบนเครื่อง Nokia 3310 ได้ยาวเป็นหลายชั่วโมงต่อรอบเหมือนกันนะ สมัยนั้นผมยังไม่เห็นจะต้องมาตั้งความหวังเรื่องงานกราฟิกเท่าตอนนี้เลย

BladeSlinger Episode 1 pic 1

Advertisement

ก่อน จะไปต่อ ผมขอบอกก่อนว่ารีวิวนี้จะยาวมากทีเดียวให้สมกับที่หายหัวไปนานจากการเขียน รีวิว ดังนั้นหากผมต้องสรุปสั้นๆ สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่าน (กรุณาอ่านเถอะครับ ผมตั้งใจเขียนจริงๆ นะเออ) ผมอยากให้คุณลองชวนเพื่อนมาที่บ้านสักกลุ่มหนึ่ง จากนั้นให้เอา iPad คุณไปแอบหลังตู้หรือหลังโทรทัศน์จะไม่มีใครเห็นเวลาคุณเล่นเกม ก่อนเอาไปแอบก็ต่อ iPad เข้ากับโทรทัศน์ HD ของคุณให้เรียบร้อยก่อน พอเพื่อนมาถึงบ้านแล้วก็พามานั่งล้อมวงหน้าโทรทัศน์ จากนั้นก็ทำทีเป็นเปิด XBOX แต่จริงๆ แล้วสายที่เชื่อมต่อกับโทรทัศน์คือสาย iPad เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เปิดเกม BladeSlinger ขึ้นมาเล่น หากเพื่อนคุณหลอกง่ายเหมือนเพื่อนผม (ผมเข้าใจว่าเพื่อนผมหลอกง่ายนะ และหากผมทำจริงมีหวังเชื่อแน่ๆ) พวกนั้นจะต้องตื่นตะลึงและเข้าใจว่าคุณกำลังเล่นเกม XBOX อยู่อย่างแน่นอน แต่หากคุณไม่ต้องการเสียเวลาทำถึงขนาดนั้นก็นั่งอ่านรีวิวฉบับบนี้ให้จบซะ รับรองว่าได้รับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ BladeSlinger ในมุมมองของนักเล่นเกมอย่างนายอเล็กซ์แบบถึงพริกถึงขิงชัวร์ป๊าป

[box_dark]เผางานเนื้อเรื่อง[/box_dark]

ใน BladeSlinger คุณรับบทเป็นคาวบอยหนุ่มรูปงาม (ไหม?) ที่มีแขนกลไฮดรอลิกเป็นอาวุธนามว่า William Glaston เขาเดินทางกลับยังถิ่นฐานลำเนาบ้านเกิดชื่อ Hammer’s Peak หลังจากได้ข่าวมาว่าผู้คนในบ้านเกิดของตนได้กลายร่างไปเป็นสัตว์อสูรร้ายน่า เกลียดน่ากลัว แน่นอนว่าเขาต้องออกค้นหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ ลองสมมติตัวคุณเป็น William ที่เดินทางกลับมาพบว่าเพื่อนรักของคุณกลายเป็นอสูรดูสิครับ สิ่งที่คุณทำก็คงเหมือนเขานี่แหละ (หากคุณรักเพื่อนมากและกล้าพอนะ) นั่นก็คือการออกสืบเสาะหาความจริงถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อัปโยคนี้ ขึ้น

BladeSlinger Episode 1 คือตอนที่หนึ่งที่ปล่อยออกมาใน App Store ณ ขณะนี้ที่ว่าถึงเรื่องราวการสืบหาความจริงของ William Glaston ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณก้าวเท้าออกจากรถไฟและเริ่มต้นเกม คุณจะพบว่า Hammer’s Peak นั้นไม่ได้มีดีที่ความน่ากลัวลึกลับเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเมืองที่ผสมปนเปไปด้วยสภาพแวดล้อมที่น่าอึดอัดเป็นที่สุด ทุกๆ อย่างรอบตัวคุณคือทะเลทราย พื้นดินทรายหมุนวนลู่ไปตามแรงลมให้อารมณ์แห้งผากจับใจ ฉากและเซ็ตติ้งต่างๆ สร้างภาพของเมืองคาวบอยยุคโบราณได้อย่างน่าชื่นชม แม้วินาทีแรกที่คุณมาถึงเมืองแห่งนี้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ความประหวั่นจากงานภาพนั้นราวกับมันคือช่วงเวลากลางคืนที่เงียบสงัดยังไง อย่างงั้นเลย

[box_dark]เผางานเกมเพลย์[/box_dark]

ความ น่าสนใจของ BladeSlinger อยู่ที่เกมเพลย์ที่แม้ตัวเกมจะเป็นเกมในลักษณะบู้เลือดสาดพร่านไปทั้งหน้าจอ แต่ก็ออกแบบมาเพื่อการบังคับการเล่นโดยการใช้นิ้วมือเพียงนิ้วเดียว เกมพยายามที่จะทำลายม่านการบังคับของเกมในแนวฟันไม่เลี้ยงเกมอื่นๆ ที่ต้องใช้การบังคับแบบสองมือช่วยให้เหลือเพียงนิ้วหัวแม่มือนิ้วเดียวในการ สร้างฉากนองเลือดตรงหน้า ในส่วนนี้อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะคนที่เคยถนัดการเล่นเกมด้วยมือทั้งสองข้างมาแบบผมย่อมต้องขัดใจกับการ บังคับแบบใหม่นี้แล้วหันกลับไปบังคับแบบสองมือเหมือนเดิมแม้จะรู้ว่ามันทำ ให้เกมเล่นยากขึ้นไปด้วยก็ตาม

BladeSlinger Episode 1 pic 3

การบังคับตัว ละครให้เดินไปยังตำแหน่งที่ต้องการนั้นทำได้โดยการกดค้างในจุดที่เราต้องการ ให้ตัวละครเดินไป เช่นเดียวกับการแพนกล้องมองรอบๆ ที่คุณต้องใช้สองนิ้วรูดไปมาบนหน้าจอ (โอเคครับ เกมนี้ถูกออกแบบมาให้เล่นสองนิ้วก็ได้ ไม่ใช่นิ้วเดียว แต่แน่นอนว่ายังคงคอนเซ็ปมือเดียวเหมือนเดิม) อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้รู้สึกประหลาดมากๆ เวลาเล่นเพราะว่าเราโตมาด้วยการปลูกฝังให้เล่นเกมโดยใช้สองมือมาตลอดชั่ว ชีวิตวงการเกมจะมอบให้ และไม่นานคุณก็จะต้องเผลอกลับมาบังคับสองมืออีกครั้งเพราะความงุ่นง่ามจาก การบังคับด้วยมือเดียวที่ทำอะไรก็ไม่ถนัด แม้ว่ามือซ้ายของคุณอาจไม่ได้ช่วยอะไรในเกมนี้สักเท่าไหร่เลยก็ตาม

การ เคลื่อนไหวภายในเกมกลายเป็นเรื่องยากและน่าขัดใจไปซะเฉยๆ ก็เพราะด้วยการบังคับที่ตัวเกมออกแบบมานี่ล่ะครับ ช่วงแรกๆ คุณอาจต้องเดินๆ หยุดๆ บ่อยๆ เพื่อแพนกล้องไปมองรอบๆ เพราะการแพนกล้องไปเดินไปนั้นเป็นเรื่องลำบากมากทีเดียว แต่หลังจากเล่นไปสักพักคุณจะค่อยๆ ปรับตัวกับการใช้สองนิ้วแพนกล้องไปในระหว่างเดินได้บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้สึกราบลื่นสักเท่าไหร่นักเพราะระบบการบังคับมันไม่ได้จริงๆ (อย่างน้อยก็สำหรับผม) เล่นๆ ไปแล้วเหมือนผู้พัฒนาจะรู้ดีอยู่แก่ใจนี่่ะครับว่าการบังคับแบบใช้ปุ้ม เสมือนนั้นยังเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดอยู่นี่แหละ แต่ก็ยังรั้นบังคับให้ผู้เล่นต้องเปลี่ยนแผนความคิดตัวเองใหม่แล้วมาทำความ เข้าใจกับรูปแบบการบังคับประหลาดๆ นี้ให้ได้ ซึ่งสำหรับผมแล้วถือว่าเฟลจริงๆ

BladeSlinger Episode 1 pic 2

แต่ถึงจะฟัง ดูแย่แบบนั้น ข้อดีของระบบควบคุมและบังคับรูปแบบนี้ก็ยังพอมีอยู่บ้าง เพราะในฉากต่อสู้นั้น การต้อสู้ด้วยการวาดนิ้วลงไปบนจอเพื่อกำหนดการโจมตีด้วยดาบของ William ถือเป็นอะไรที่ฉลาดและง่ายต่อการเล่นมาก (อารมณ์เหมือน Horn และ Infinity Blade แต่อิสระมากว่าเยอะ) ในขณะที่การแตะลงไปบนหน้าจอเบาๆ แต่ละครั้งนั้นหมายถึงการยิงปืนที่ William ถืออยู่ออกไปยังจุดบนหน้าจอที่เราแตะ เมื่อนำเอาการโจมตีด้วยดาบโดยการรูดนิ้วไปบนหน้าจอมาผสานกับการโจมตีด้วยปืน โดยการแตะแล้ว คุณจะสามารถสร้างคอมโบ้เชนในการโจมตีหนึ่งชุดได้สูงมากทีเดียว เมื่อถึงจุดที่ศัตรูอ่อนแรงลงและพร้อมจะไปสวรรค์แล้วคุณก็สามารถเลือกที่จะ กำจัดมันด้วยท่าเทคดาวน์ท่าสุดท้ายที่จะให้คุณกดหรือบังคับตามปุ่มเข้า จังหวะสลับการการตัดเข้าฉากมูฟวี่เพื่อให้คุณได้ดูคัตซีนการโ๖มตีของคุณ อย่างสะใจ นอกจากนี้คุณยังสามารถป้องกันตัวคุณเองจากการโจตีของศัตรูได้ด้วยการกระโดด หลบหรือบล๊อกการโจมตีนั้นๆ ตามแต่จะบังคับ และทุกท่าคอมโบ้เซ็ตต่างๆ สามารถอัพเกรดเพิ่มได้เรื่อยๆ ผ่านทางการใช้พลอยแลกท่า (อารมณ์เหมือน Devil May Cry) ระบบการโจมตีแบบนี้เอื้อให้คุณดูเท่ห์เวลาเล่นหากคุณสามารถจำวิธีการลากนิ้ว เพื่อทำท่าคอมโบ้ได้หมด หรือจะใช้วิธีดั้งเดิมตีอกชกมั่วไปเรื่อยก็เก๋ไปอีกแบบ เรียกได้ว่าในซีนต่อสู้นั้น BladeSlinger สอบผ่านจริงๆ

[box_dark]เผางานกราฟิก[/box_dark]

กราฟิก ภายในเกม BladeSlinger นั้นสวยระดับงานคอนโซลตามที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้นเลยล่ะครับ Unity Engine ที่ถูกใช้อยู่ภายในเกมแสดงให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวงการเกมบนมือถือนั้น เติบโตไปอย่างรวดเร็วราวกับเด็กแรกรุ่นกำลังกินกำลังโต ทุกอย่างภายในเกมในมุมมองของกราฟิกนั้นสามารถเรนเดอร์ออกมาได้อย่างดงงามมาก ตัวละครภายในเกมทุกตัวชัดเจนด้วยรายละเอียด สิ่งแวดล้อมรอบตัวภายในเกมเต็มไปด้วยอาร์ตเวิร์คชั้นเยี่ยมที่จะเรียกความ สนใจให้คุณต้องมองมันอย่างไม่ละสายตา น่าเศร้าไปนิดที่ฉากหลังเหล่านั้นไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับตัวละครของคุณโดย ตรงได้ เพราะเวลาที่เราเห็นฉากสวยๆ แบบนี้ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจของเกมเมอร์คงหนีไม่พ้นการเข้าไปใกล้ชิดหยิบจับดู ความสวยงามของมันแบบถึงเนื้อถึงตัว

งานนี้ไม่เพียงแต่ Unity Engine ที่สมควรได้รับคำชมไป ค่ายเจ้าของเกมเองอย่าง Kerosene LLC และทีมนักพัฒนาไฟแรงที่ต้องการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเกมมือ ถือเองก็สมควรที่จะได้รับคำชื่นชมไปด้วย ผมคงไม่สามารถบอกเล่าความสวยงามทั้งหมดนี้ออกมาเป็นคำพูดสร้างจินตนาการให้ เพื่อนๆ ได้รู้สึกกันได้ดีไปกว่าให้เพื่อนๆ ได้ลองไปเล่นกันเองครับ

BladeSlinger Episode 1 pic 2

แต่ เพราะงานกราฟิกที่สวยงามมากจนเราอยากจะยกนิ้วให้นี่เองที่ทำให้จุดบอดจุด หนึ่งในเกมชูเด่นเด้งขึ้นมาให้น่าขัดใจเล่น ทุกครั้งๆ ที่ตัวละครพูดขึ้นมา ปากจะไม่ยอมขยับตามไดอะล๊อกนั้นๆ เลย แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่ามันเป็นจุดบอดของเกม เพราะสำหรับผมแล้ว หากเกมๆ หนึ่งไม่สามารถซินค์ปากให้ตรงกับไดอะล๊อกคำพูดในตอนนั้นๆ ได้ ผมจะขัดใจเสียยิ่งกว่าเกมที่มีบทพูดแล้วตัวละครไม่ขยับปากไปด้วยอย่าง BladeSlinger นี้เสียอีก เพราะอย่างนั้นเลยอดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วการทำให้ตัวละครไม่ขยับปากไปเสียเลยนั้นอาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่ สุดของ Kerosene LLC ก็เป็นได้

[box_dark]เผางานดนตรี[/box_dark]

งาน ดนตรีใน BladeSlinger เองก็เป็นอีกส่วนที่อดพูดถึงไม่ได้ เพราะงานเยือกเย็น กดดัน และน่าขนลุกจนคุณจะอดคิดอยากให้ตัวอะไรก็ตามที่มันแอบอยู่ตามมุมถนนกระโดด ออกมาประจัญหน้ากับคุณให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อทำลายบรรยากาศอันตึงเครียดนี่ไป เสียที

งานเสียงพากษ์เองก็ถือว่าทำได้น่าพอใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ไดอะล๊อกในเกมอาจฟังดูลิเกเรือใบเกินไปบ้างในบางโอกาส แต่หากคุณสามารถมองผ่านมันไปได้ก็ถือว่าไม่น่ามีอะไรให้ต้องพูดถึงมากนัก สำหรับจุดที่ควรแก้ไข (หากทำได้) เล็กๆ น้อยๆ นี้

อีก อย่างที่ถือเป็นจุดเล็กๆ แต่ต้องหยิบมาพูดถึงสักหน่อยคือเรื่องของเสียงเท้าของ William ที่ไม่ว่ารอบกายจะเป็นฉากแวดล้อมแบบไหน เสียงฝีเท้าของเขาก็จะยังเป็นเสียงแบบเดิม ว่าชัดๆ คือไม่ว่าจะลุยน้ำ เดินบนทราบ หรือเดินบนพื้นไม้ ซาวด์เสียงก้าวเดินไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อยนั่นเอง

[divider]

แม้ BladeSlinger จะไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นหากว่ากันโดยองค์รวม แต่กับในส่วนของงานกราฟิกแล้ว นี่คือหนึ่งในเกมที่แสดงศักยภาพของเครื่องมือถือพกพาและแท็บเล็ตของเราได้ เป็นอย่างดี หากคุณเป็นคอเกมเมอร์ตัวจริงที่มองหาเกมๆ หนึ่งที่เป็นเกมขนาดยาวพอประมาณและให้อารมณ์การเล่นได้ในระดับเดียวกับเกม คอนโซล (เว้นก็แต่เรื่องการบังคับในฉากปกติ) นี่คือหนึ่งในตัวอย่างเกมที่คุณไม่ควรพลาดหยิบหามาเล่น APPDISQUS เชื่อแน่ว่าหาก Kerosene LLC นำเอาข้อเสียที่เกิดขึ้นใน BladeSlinger Episode 1 ไปพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข ใน Episode ต่อๆ ไปที่กำลังจะมาถึง BladeSlinger จะเป็นเกมซีรีส์บนมือถือที่ให้ประสบการณ์ที่ไม่อายเครื่องคอนโซลใหญ่อย่าง แน่นอน

แล้วอย่าลืมติดตาม APPDISQUS อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ไม่พลาดทุกการอัพเดตวงการเกมมือถือและรีวิวเกมเด็ดๆ แบบนี้นะครับ

[gradeB]

แชร์
Avatar photo

อเล็กซ์ หรือ เอ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหยิบเอามือถือหรือ iPad ข้างกายตนมาจับๆ จิ้มๆ ตามประสาคนมีงานแต่ชอบเล่นเกม คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้กำลังใจเอได้เสมอผ่านทางการคอมเมนต์ในบทความนี้

Advertisement
Exit mobile version