Advertisement

59ee05e3c55c537755ae736ee3648da2_large

 

Advertisement

Big Data หมายถึงข้อมูลขนาดใหญ่ที่รัฐบาลหรือองค์กรธุรกิจถือครองอยู่ ซึ่งได้มาจาการรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าหรือประชาชนในประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คอมพิวเตอร์มีความสามารถสูงขึ้น สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ออกมาได้มากและหลากหลายขึ้น ทำให้หน่วยงานรัฐและองค์กรธุรกิจมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเข้าไปทุกที ซึ่งความมุ่งหวังอย่างหนึ่งที่สำคัญของประชาธิปไตย ก็คือ การทำให้ Big Data เหล่านี้ให้กลายเป็น Open Data เป็นข้อมูลเปิดกว้างให้สังคม ประชาชน นักวิจัย มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐและเอกชน  สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล สร้างคุณูปการให้การประเทศได้เป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นการแบ่งปันอำนาจอย่างหนึ่ง เพื่อประโยชน์ที่จะตามมาอีกมากมาย

 

โจเอล กูริน หนึ่งในคณะทำงานโครงการวิจัย “Open Data 500” ที่ The Govlab มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า Big Data ที่ไม่ใช่ข้อมูลเปิด หรือ Big Data ที่ไม่เป็น Open Data ด้วยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เนื่องจาก Big Data ที่องค์กรธุรกิจเก็บจากลูกค้าหรือข้อมูลส่วนตัวที่หน่วยงานรัฐเก็บจากประชาชนนั้นให้ผลประโยชน์กับผู้ที่มีข้อมูลอยู่ในมือ แต่ไปลิดรอนอำนาจต่อรองของผู้ที่ถูกเก็บข้อมูล

 

ไม่เพียงแต่รัฐบาลและองค์กรธุรกิจบางองค์กรกำลังเก็บข้อมูลส่วนตัวของพวกเราเท่านั้น แต่เรายังไม่อาจรู้อีกด้วยว่าเรากำลังถูกเก็บข้อมูลอะไร รวมทั้งยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของตัวเองได้ด้วย การทำให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเปิดอย่างมีการกำกับดูแลจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับรัฐและองค์กรธุรกิจเหล่านี้มากขึ้น

 

กูรินยังกล่าวด้วยว่า นอกจากจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสแล้ว เมื่อรัฐบาลเปลี่ยน Big Data ที่มีอยู่ให้กลายเป็น Open Data ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งนี้เพราะหน่วยงานรัฐบาลมีงบประมาณและศักยภาพในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้สามารถส่งผลดีในทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ผลการศึกษาของ Open Data 500 พบว่า บริษัทในสหรัฐฯจำนวนกว่า 500 บริษัทมีการนำข้อมูลเปิดที่ได้จากภาครัฐมาใช้ในการสร้างธุรกิจ (และข้อมูลจำนวนมากที่บริษัทต่างๆนำมาใช้ก็เป็น Big Data ซะด้วย)

 

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน Open Data ไม่จำเป็นต้องเป็น Big Data จึงจะเป็นประโยชน์ เพียงแค่ข้อมูลจำนวนหนึ่งก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบขนาดใหญ่ได้เมื่อมันถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ อย่างข้อมูลจากรัฐบาลท้องถิ่นก็อาจช่วยให้พลเมืองมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณท้องถิ่น หรือนักพัฒนาสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้สร้างแอปพลิเคชันที่ช่วยในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

 

กูรินยังย้ำว่า ทั้ง Big Data และ Open Data สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจ รัฐบาล รวมทั้งสังคม และการผนึกกำลังกันระหว่างข้อมูลทั้งสองประเภทก็จะยิ่งสร้างผลกระทบมหาศาล Big Data ที่เป็น Open Data ยังทำให้เราสามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาเปลี่ยนแปลงโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันยังทำให้มีการแบ่งปันอำนาจมากขึ้น อันนำไปสู่สังคมที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

 

 

[box_light]ดูผลวิจัยและความคืบหน้าของโครงการได้ที่นี่ >>  Open Data 500 [/box_light]

 

ที่มา: theguardian ผ่าน Thai Netizen Network

แชร์
Avatar photo

อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ

Advertisement
Exit mobile version