Advertisement

ในที่สุดสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วครับกับการเปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อย่างเป็นทางการ โดยครั้งนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าทาง Apple ได้ทำการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามามากมายให้กับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกล้องหลังคู่ รวมทั้งคุณสมบัติกันน้ำ นับเป็นครั้งแรกของ iPhone เลยครับที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากนี้เจ้า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยังมีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากหมายหลายอย่างเลยทีเดียว หากพร้อมกันแล้วเราลองไปดูรายละเอียดพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ

8

Advertisement

ดีไซน์ภายนอกที่แทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีดีไซน์ภายนอกแทบไม่ต่างไปจาก iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ แต่สิ่งที่จะเห็นได้ชัดว่าต่างออกไปคือ ใน iPhone 7 และ 7 Plus จะไม่มีแถบสัญญาณคาดด้านหลัง โดยแถบสัญญาณดังกล่าวถูกย้ายไปรวมกับแถบด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้ด้านหลังของอุปกรณ์ดูโล่งและให้ความรู้สึกที่สะอาดตามากขึ้น

plus-camera-hero-large

นอกจากนี้ iPhone 7 และ 7 Plus ยังมาพร้อมกับสีใหม่ตามที่เป็นข่าวลือกันมาก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยในการเปิดตัวทาง Apple ได้เปิดตัวออกมาทั้งหมด 5 สีด้วยกันคือ สีทอง, สีเงิน, สีชมพู (Rose Gold) และอีก 2 สีใหม่ คือ สีดำ ฺ(Black) และสีดำเงา (Jet Black) โดยสีดำ Jet Black จะเปิดขายในรุ่น 128GB และ 256GB

หน้าจอที่มีความสว่างเพิ่มขึ้นและมองเห็นได้สมจริงขึ้น

display-sizes-large

สำหรับหน้าจอของ iPhone 7 จะยังคงเป็น LCD มีขนาดอยู่ที่ 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล (326ppi) ส่วน iPhone 7 Plus มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (401ppi) ทั้งนี้หน้าจอของ iPhone 7 และ 7 Plus จะมีความสว่างกว่าหน้าจอ iPhone 6s ถึง 25% อีกทั้งยังมีรองรับการใช้งาน 3D Touch ที่ดีกว่ารุ่นก่อน

display-hero-large

ฮาร์ดแวร์ที่มาพร้อมความเร็วแรงที่มากขึ้น

สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมาพร้อมกับชิพประมวลผลตัวใหม่นั่นก็คือเจ้า A10 ตามที่เป็นข่าวลือมาก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนครับว่ามันทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งจริงๆแล้วต้องบอกว่ามันเป็นชิพเซทที่เร็วที่สุดในตอนนี้ครับ เพราะผลคะแนน Benchmark ของมันแซงหน้า Snapdragon 820 และ Exynos 8890 ชิพเซ็ทตัวท็อปของฝั่ง Android ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

chip-cpu-large

โดยเจ้าชิพ A10 ตัวนี้ทาง Apple ได้ระบุว่าใช้กระบวนการ 10nm ในการผลิต ซึ่งยังได้อธิบายเพิ่มเติมไว้ว่ามันเป็นชิพแบบ Quad-Core ซึ่งใน 1 คู่ จะทำงานที่ความเร็วประมวลผลสูงสุด 2.4GHz ส่วน Core อีก 1 คู่ที่เหลือถูกออกแบบมาให้ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน ซึ่งจะทำให้ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีอายุการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้งที่ยาวนานขึ้น เมื่อเทียบกับ iPhone 6s จะอยู่ได้นานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งหากเทียบกับ 6s Plus จะอยู่ได้นานกว่า 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ในส่วนของความเร็วทาง Apple ยังได้เปรียบเทียบให้เห็นด้วยว่าชิพ A10 สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าชิพ A9 ของ iPhone 6s ถึง 40% และเร็วกกว่าชิพ A8 ถึง 2 เท่า อีกทั้งเร็วกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 120 เท่า ส่วน GPU รุ่นใหม่นี้ก็เร็วกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 240 เท่าเลยทีเดียวครับ

นอกจากนี้ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยังรองรับเครือข่าย LTE มากถึง 25 ความถี่ พร้อมเทคโนโลยี LTE Advanced สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วมากๆสูงสุดที่ 450 Mbps สำหรับความจุภายใน Apple ปล่อยรุ่นต่ำสุดมาที่ 32GB และตามมาด้วย 128GB และ 256GB ครับ

แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของ RAM ทาง Apple ยังคงใส่มาให้ไม่ได้เยอะมากมายเท่ากับอุปกรณ์ในฝั่ง Android โดยใน iPhone 7 และ 7 Plus จะมี RAM อยู่ที่ 2GB ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้หวือหวาเท่าทางฝั่ง Android ที่มีมากสุดที่ 6GB แต่ก็ต้องเข้าใจกันครับว่าระบบปฏิบัติการแต่ละระบบมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้นการนำตัวเลขมาเทียบกันอาจไม่ใช่คำตอบในจุดนี้

กล้องใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus

ความละเอียด 12MP พร้อมแฟลช Quad-LED ใน iPhone 7 และกล้อง Dual-camera ใน iPhone 7 Plus

camera-hero-large

สำหรับกล้องหลังใน iPhone 7 นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP พร้อมรูรับแสง f/1.8 ให้ความสว่างกว่ารุ่นก่อนถึง 50% ทำให้ภาพที่ได้มีสีสันที่สมจริงขึ้นและถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7MP มีรูรับแสงขนาด F/2.2 มากกว่าใน iPhone 6s อยู่ 2MP อีกทั้งยังมีระบบกันสั่นแบบ OIS มาให้ด้วยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการถ่ายวิดีโอ

6

ส่วนกล้องใน iPhone 7 Plus นั้นจะเป็นการเพิ่มเลนส์ Telephoto 56mm F/2.8 ความละเอียด 12MP เข้ามาอีก 1 ตัว ทำให้สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และซูมแบบ Digital ได้สูงสุดถึง 10 เท่า ทั้งนี้ Apple ยังได้ใส่ซอฟท์แวร์ที่ช่วยเพิ่ม Depth-of-field เข้ามาด้วย ดังนั้นจึงทำให้ iPhone 7 Plus สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ทำ Bokeh ได้ราวกับ DSLR นั่นเองครับ

คุณสมบัติอื่นๆที่ต้องพูดถึงและเป็นจุดเด่น

อย่างที่เราเกริ่นไว้ในตอนแรกครับว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการกันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งทำให้มันสามารถอยู่ในน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที ดังนั้นหากเป็นเรื่องฝนหรือเหงื่อจึงหมดกังวลไปได้เลย

design-water-resistant-large

นอกจากนี้ในส่วนของปุ่ม Home ยังได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติรองรับแรงกดแบบ 3D Touch ทำให้มันรองรับฟังก์ชั่นใหม่ๆที่เข้ามาใน iOS 10 ทั้งนี้หลังจากที่ถกเถียงกันมานานว่าพอร์ตหูฟังจะถูกตัดออกหรือไม่ ในที่สุดการเปิดตัวครั้งนี้ก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่า มันได้ถูกตัดออกไปจริงๆ แต่เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ต้องเจ็บปวดกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เท่าไรนัก ทาง Apple จึงได้แถมหูฟัง AirPods และ Adapter ตัวแปลง Lightning เป็น 3.5 มม. มาให้ในกล่องเลย

apples-wireless-airpods-2

และสำหรับหูฟัง AirPods นั้นแน่นอนครับว่าเป็นหูฟังแบบไร้สาย ซึ่งมันจะมาพร้อมกับชิพ Apple W1 มี Optical Sensor และ Accelerometer Sensor ที่จะคอยทำหน้าที่ตรวจจับตำแหน่งของอุปกรณ์ โดยเมื่อผู้ใช้สวมใส่มันไว้ในหูก็จะมีเสียงดังออกมา และเมื่อถอดมันออกข้างเดียวหรือ 2 ข้าง มันก็จะหยุดทำงานทันที ซึ่งหากใส่เข้าไปใหม่มันก็จะทำงานโดยอัตโนมัติครับ

apples-wireless-airpods-1

ทั้งนี้เจ้า AirPods ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ Apple ได้โดยไม่ต้องมีสวิทช์หรือปุ่มกดใดๆ และยังสามารถทำงานติดต่อกันได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งทาง Apple จะเปิดวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และนอกจากเรื่องของหูฟังแบบใหม่แล้วทาง Apple ยังได้ดออกแบบลำโพงใหม่ด้วย ซึ่งมันจะให้เสีย’ที่ดังขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับ iPhone 6s และมันยังมาพร้อมกับช่วงเสียงที่กว้างขึ้น มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ใช้สkมารถดื่มด่ำกับการฟังเพลงได้มีอรรถรสมากขึ้นนั่นเองครับ

apples-wireless-airpods

กำหนดการวางขายและราคา

แน่นอนครับว่าตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการวางขาย รวมทั้งราคาในไทยออกมาอย่างเป็นทางการ ทราบแต่เพียงว่ากลุ่มประเทศแรกจะเริ่มเปิดพรีออเดอร์วันที่ 9 กันยายนนี้ และเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนเป็นต้นไป ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นเรทราคาในต่างประเทศตอนนี้ครับ

1473316616623

จะเห็นได้ว่า iPhone 7 รุ่น 32GB มีราคาอยู่ที่ $649 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 22,500 บาท ส่วน iPhone 7 Plus มีราคาเริ่มต้นที่ 769$ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 26,700 บาท ซึ่งหากมาวางขายในไทยจริงๆเจ้าตัว iPhone 7 น่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ราวๆ 26,000-27,000 บาท ส่วน iPhone 7 Plus อาจจะมีราคาพุ่งไปที่ 30,000-31,000 บาทเลยครับ แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูกันอีกทีครับว่ามันจะเปิดราคาในไทยออกมาที่เท่าไร หากเรามีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุดครับ

design-gallery-silver-large design-gallery-rose-large design-gallery-gold-large

แชร์
Avatar photo

คอมลัมนิสต์แอ๊คหลุมผู้หลงใหล IT และ Gadget พร้อมสาระความรู้ How To ดีๆ สำหรับการใช้งานมือถือและแท๊ปเบล็ตที่พร้อมจะมาแชร์กับเพื่อนๆ ที่สนใจในเนื้อหาเดียวกัน เพื่อให้พื้นที่ AppDisqus.com เป็นสเปซสำหรับการแบ่งบันโดยแท้จริง

Advertisement
Exit mobile version