Advertisement

ดีแทคประสบความสำเร็จ เลือกลงโฆษณาใน Facebook  เพิ่มยอดลูกค้าใหม่หันมาใช้ซิมแฮปปี้พุ่ง

facebook_ads_vs_promoted_posts

ข้อมูลจากดีแทค ประสบความสำเร็จในการลงโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ใช้เฟซบุ๊คโฆษณาแคมเปญ “แฮปปี้รีเฟรชแบรนด์ และแฮปปี้ซิมโทรฟรี 55 สตางค์” ช่วยสร้างการรับรู้ในแบรนด์แฮปปี้เพิ่มขึ้นถึง 12% ในกลุ่มลูกค้าอายุ 13-17 ปี และเพิ่มยอดการใช้แฮปปี้ได้อีก 19% เข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่ใช่ลูกค้าดีแทคได้มากถึง 13 ล้านคน

Advertisement

CM-016

 นายซิกวาร์ท โวส เอริคเซน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า\

“ ดีแทคได้ให้ความสำคัญกับการลงโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับการโฆษณารีเฟรชแบรนด์แฮปปี้ และแคมเปญซิมแฮปปี้ 55 โทรฟรีทุกเครือข่ายนาทีละ 55 สตางค์ ในเฟซบุ๊ค โดยได้ผลตอบรับที่ดีมาก เป็นสื่อโฆษณาที่ทำให้ดีแทคบรรลุเป้ายอดขายได้อย่างน่าประทับใจ และยังช่วยสร้างการรับรู้และความรู้สึกผูกพันในแบรนด์ไปถึงคนจำนวนมาก และทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าดีแทคในเฟซบุ๊ค ดีแทคได้เชิญชวนให้กลุ่มคนอายุตั้งแต่ 13 – 24 ปีเข้าไปดูวีดีโอภาพยนตร์โฆษณาใน News Feed ผ่านทางจอคอมพิวเตอร์และมือถือ และยังสามารถวัดจำนวนผู้ที่เข้ามาดูวีดีโอและยอดขายของซิมแฮปปี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันการแข่งขันในยุคดิจิตอลทำให้เราต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพและการเปลี่ยนแปลง เพื่อส่งต่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้ลูกค้า และอยากให้ลูกค้าดีแทคทุกคนสามารถเข้าถึงประสบการณ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ หรือแท็บเล็ต ดีแทคได้นำแนวคิด One Digital dtac ที่มุ่งเปลี่ยนวัฒนธรรมและกระบวนการทำงานในองค์กรให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันในปัจจุบันที่เปลี่ยนจากธุรกิจวอยซ์เป็นดาต้า หนึ่งในแนวคิดนี้ที่ดีแทคได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปลายปี 2556 คือการนำโซเชียลมีเดียมาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ สู่ช่องทางขายในอนาคต เพื่อผลักดันให้ดีแทคเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการใช้โฆษณาทางเฟซบุ๊ค Facebook Business Success Story ได้ที่ https://www.facebook.com/business/success/dtac

แชร์
Avatar photo

ในสิ่งที่เรารู้และเข้าใจ มันก็ยังมีระดับความลึกของความเข้าใจที่แตกต่างกัน ลึกบ้าง บางบ้าง แต่ประโยชน์ในการส่งผ่านสิ่งที่รู้ออกไปให้กับผู้อื่นนั้นไม่ต่างกัน มีประถม มีมัธยม มีอุดมศึกษา ไม่มีใครเริ่มต้นเรียนรู้จากในระดับปริญญา ฉะนั้นจะมากจะน้อยเชื่อเถอะว่า ความรู้ของทุกคนมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ เท่าๆ กัน

Advertisement
Exit mobile version