Advertisement

Men are silhouetted against a video screen with an Facebook logo as he poses with an Nokia Lumia 820 and Samsung Galaxy S4 in this photo illustration taken in the central Bosnian town of Zenica

 

Advertisement

เราต้องยอมรับกันแล้วว่า Facebook นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนสมัยนี้ไปแล้ว เหมือนเป็น Google ของสังคมออนไลน์ เป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงทั้ง การติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ติดตามข่าวสาร เสพข้อมูลที่มีอยู่มหาศาล สิ่งเหล่านี้มันยิ่งทำให้ Facebook เป็นมากกว่าสังคมออนไลน์ไปแล้ว มันใกล้เคียงสังคมที่แท้จริงมากขึ้น แต่เรากลับยังคิดว่ามันเป็นเพียงสังคมในโลกออนไลน์ ไม่ใช่ความเป็นจริงที่เราต้องเผชิญความจริงที่ว่า ผู้ใช้ Facebook มีทั้งคนดีและคนเลว? ยิ่งคนที่เพิ่มเพื่อนแบบไม่ยั้งคิดยิ่งน่าเป็นห่วงครับ

 

ไม่เพียงเท่านี้นะครับ แม้เราจะระมัดระวังในการเพิ่มเพื่อน ตั้งค่าการเผยแพร่แบบจำกัด ไม่เปิดให้คนเห็นเป็นสาธารณะ แต่ทุกวันนี้มีแอพพลิเคชั่นแอบแฝงบน Facebook หรือเว็บบราวเซอร์มากมาย ที่จ้องจะเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของเราและเพื่อนเรา โดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ตัวอย่างเช่น พวกปั๊มยอด Like ที่นำบัญชีเราไปกด Like แฟนเพจโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือโพสข้อความแปลกแทนเราก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ แต่ที่น่ากลัวก็คือ เมื่อมันเข้าถึงบัญชีของเราหรือเพื่อนเราได้แล้ว มันก็จะเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของเราได้ด้วย ดังนั้นการใส่ข้อมูลหรือโพสข้อความต่างๆ บน Facebook เราต้องระมัดระวังให้มากครับ เรามาดูกันกับ 5 อย่างที่ไม่ควรโพสบน Facebook มีอะไรบ้าง??

 

วันเกิดแบบครบถ้วนของทั้ง ตัวเราและครอบครัว

เชื่อว่าหลายคนคงมีความสุขที่เพื่อนเราใน Facebook ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักมาอวยพรวันเกิดในหน้า Wall ของเรา ด้วยคำต่างๆ นานา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นทั้งกายใจ รู้สึกดีที่พวกเขาจำวันเกิดเราได้(แต่จริงๆ เพราะมันแจ้งเตือนเขาไปมากกว่า) แต่คุณรู้ไหมว่า วันเกิดของเรานี่หละ เป็นหนึ่งในสามหรือสี่อย่างที่ Facebook ใช้ในการยืนยันตัวบุคคลหากเราลืมรหัสผ่าน ดังนั้นมันจึงเป็นข้อมูลอย่างดีเยี่ยมที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้าใช้บัญชี Facebook ของเราได้ และยังเป็นอันตรายต่อบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตของเราด้วยนะครับ ดังนั้นระมัดระวังให้มากครับ ถ้าให้ดีก็อย่าใส่หรือเลือกการแสดงวันเกิดเป็นสาธารณะ ให้จำเอาไว้ว่าเพื่อนแท้จะจำวันเกิดเราได้แม้ไม่มีข้อความเตือนจาก Facebook ก็ตาม หรือแม้จำไม่ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรกับชีวิตเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

 

สถานะ Relationship หรือ ความสัมพันธ์ ของตัวเรา

แม้ปัญหา Stalker ในเมืองไทยยังไม่มีมากนัก แต่ควรระมัดระวังไว้ก็ดีครับ โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย หากวันนี้เราขึ้นสถานะว่า In Relationship แล้ววันนึงพวกเราเปลี่ยนสถานะเป็น Single ด้วยเหตุผลบางอย่าง มิจฉาชีพก็อาจจะรู้ได้ว่าตอนนั้นเราไม่มีแฟน หรืออยู่คนเดียว ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ครับ

 

สถานที่ที่เราอยู่ในปัจจุบัน

ความสุขในการเล่น Facebook อย่างหนึ่งก็คือ การเช็คอินสถานที่ต่างๆ ที่เราไป เพื่อให้เพื่อนๆ ใน Facebook ได้แอบอิจฉากัน โดยเฉพาะทริปการท่องเที่ยวยาวๆ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากเพื่อนของเราจะรู้แล้ว ขโมยที่จ้องงัดบ้านเราก็รู้ด้วย แน่นอนครับเราอาจคิดว่าสังคมมันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น แต่ที่เราเตือนก็เพื่อให้ระมัดระวังไว้ก่อนครับ มันจะเป็นไปได้ไหม? หากเราจะตั้งค่าการแสดงข้อมูลให้เฉพาะเพื่อนที่เราไว้ใจจริงๆ (ที่แท็บการตั้งค่าให้เลือก Custom)  หรือเวลาไปเที่ยวอย่าระบบจำนวนวันที่เราไป หรือกลับบ้านมาค่อยอัพรูปและข้อความต่างๆ ให้คนอิจฉาก็ได้ แต่ที่เท่สุดๆ ก็คือ อัพรูปสวยๆ ให้คนงงและอิจฉาเล่นๆ โดยที่เราไม่ระบุสถานที่หรือข้อมูลใดๆ

 

ระบุว่าเราอยู่บ้านคนเดียว

อันนี้เคลียร์และเข้าใจตรงกันนะครับ ว่าไม่จำเป็นต้องบอก เพื่อนก็ไม่อยากรู้กับเราหรอก แถมเสี่ยงที่หนุ่มข้างบ้านหรือคนจ้องทำร้ายเราจะรู้ว่าเราอยู่บ้านคนเดียว ถือว่าไม่ดีถ้าเราจะระบุใน Facebook ให้ทุกคนรู้ว่าเราอยู่บ้านคนเดียว หากอยากอ้อนแฟนหรือเพื่อนจริงๆ ของเรา ก็ใช้ส่งข้อความหรือตั้งค่าการเผยแพร่เป็น Custom ให้เรียบร้อยครับ แต่ถ้าให้ดีก็ไม่ต้องบอกใครครับ เพราะบัญชีของเพื่อนเราอาจโดนแฮ็คโดยแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราลงไปก็เป็นได้ ระมัดระวังไว้ก็จะดีมากครับ

 

รูปภาพพร้อมการแท็กชื่อลูกหลานของเรา

ลูกหลานใครใครก็รักและหวงแหน แม้มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่เราจะสูญเสียพวกเขาไป เราก็ควรระมัดระวังและปิดโอกาสนั้นให้หมดครับ ดังนั้นผมจึงจะบอกว่าการโพสรูปภาพของเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานเราพร้อมแท็กชื่อของเด็กๆ เหล่านั้น มันมีความเสี่ยงครับ ผู้ไม่หวังดีอาจได้เห็นรูปภาพของเด็กพร้อมชื่อและข้อมูลอื่นๆ ก็จะทำให้เขาแอบอ้างเป็นญาติไปเยี่ยมเด็กที่โรงพยาบาลหรือโรงเรียนของเด็กๆ ได้ หลังจากนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันได้ และเช่นเดียวกันหากเราไปถ่ายภาพเด็กๆ ที่เป็นลูกหลานของเพื่อนเราหรือลูกศิษย์ เด็กนักเรียนคนใดก็แล้วแต่ เราไม่ควรแท็กชื่อของเด็กๆ ลงไปด้วย พ่อแม่เขาคงไม่ปลื้มสักเท่าไหร่หากเขาซีเรียสกับเรื่องนี้ และถือว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ

 

ที่เขียนมาทั้งหมดอาจเหมือนวิตกจริตไปสักหน่อย แต่วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เราตระหนักและระมัดระวังในการใช้สังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบัน ที่เราไม่ใส่ใจถึงความปลอดภัยแต่เป็นช่องโอกาสของผู้ไม่หวังดีจดจ้องอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องทำตามทั้งหมด แต่ระมัดระวังไว้ก็จะดีมากครับ ส่วนการรับคนเป็นเพื่อนมั่วซั่วนี้ก็ไม่ควรครับ ขนาดในโลกความเป็นจริงยังไว้วางใจคนแปลกหน้าไม่ได้ แล้วทำไมเราไม่เคยคิดระมัดระวังคนเหล่านี้เลย ??

 

 

ที่มา netsecurity

 

แชร์
Avatar photo

อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีความสุขที่ได้ส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ไม่อยากจำกัดเฉพาะนักศึกษาตัวเอง จึงได้ลงมือเขียนสิ่งที่ตนเองรู้ลงในเว็บไซต์ AppDisqus แห่งนี้ ด้วยความสุขและยินดีที่ได้เป็นส่งต่อและรับความรู้เพื่มจากผู้อ่าน มันช่างเป็นสถานที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีจริง ๆ //ขอบคุณ AppDisqus นะครับ

Advertisement
Exit mobile version